หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

โรคทางสังคม

ปกติแล้วโรคนี้เกิดขึ้นจากคนเป็นสังคมไม่ว่าระดับเล็กหรือระดับใหญ่ ดังที่เราเห็นได้จากปรากฏการณ์การทำลายล้างตัวเองของสังคมอยู่เสมอ การแตกความสามัคคีถึงขั้นรบราฆ่าฟันล้มตายไปกันเอง ความวิปริตทางเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่เงินจำนวนเดียวกันลดค่าลงแต่ละปี การว่างงาน และการกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรม ประจวบกับ พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติลดน้อยถอยลง ซึ่งส่งผลให้ปัจจัยการผลิตสูงขึ้น ขณะที่มลภาวะเพิ่มสูงขึ้น สุ่งผลต่อสุขภาพโดยเฉพาะมะเร็ง อาชญากรรม
ปัญหาที่ซับซ้อนรุนแรงหนักหน่วงซับเติบก็คือการก่อการร้ายที่ฆ่ากันตายอย่างไม่มีเหตุผล มีแต่เหตุผลของตัวเอง ถึงขั้นพลีชีพให้ผู้อื่นตายด้วยที่อาจจะเกี่ยวโยงเป็นเรื่องระหว่างศาสนา เพราะโอกาสน้อยที่จะเกิดขึ้นกับคนในศาสนาที่เหมือนกัน แต่ที่ไม่เหมือนกันบางทีศาสนาเดียวกันก็ยังรบทะเลาะกัน ซึ่งนักการเมืองนักสังคมก็อธิบายลำบาก เป็นโรคทางสังคมอย่างหนึ่ง นักเศรษฐศาสตร์เองก็อาจไม่เข้าใจเรื่องเงินเฟ้อ หมอที่รักษาโรคมะเร็งก็อาจไม่เข้าใจโรคมะเร็ง จิตแพทย์ก็อาจไม่เข้าใจและงงงวยกับอาการป่วยทางจิตแปลกๆ ตำรวจก็ท้อถอยจนปัญญากับการก่ออาชญากรรม
และดูเหมือนว่าลักษณะที่เด่นอันเป็นโครงสร้างทางเศรษฐกิจของทุกประเทศก็มักติดเชื้ออาการในลักษณะเดียวกัน ยังไม่มีใครที่จะหาแนวทางเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่คิดว่าถูกต้องที่สุด ยังไม่สามารถหานโยบายที่ว่าแน่ๆมาแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศได้จริง กระแสทางความคิดที่เหือดแห้งหรือแตกแยกย่อยเป็นหลายกระแสเกินไป หรือปัญหามันยากเกินไป หมดปัญญาไปแล้วก็มาก ไม่มีนักวิชาการใดที่จะชี้ให้เห็นปั้ญหาที่แท้จริงของการเกิดวิกฤติการณ์ ทั้งปัญหาที่หมักหมม ปัญหาที่ซ่อนอยู่ในวิกฤตทั้งในทางความคิดและที่ปรากฏออกมา อาจเป็นเพราะว่านักวิชาการการของเราส่วนมากถูกครอบงำด้วยทัศนะที่คับแคบเกินกว่าที่จะไปรับมือ และไม่มีพลังพอที่จะเข้าไปจัดการกับปัญหาที่เป็นระบบโยงใยเกาะเกี่ยวกัน ยากที่จะใช้ศาสตร์ด้านหนึ่งด้านใดเป็นการเฉพาะ และโดยอาศัยระบบราชการ ซึ่งโอกาสน้อยมากที่จะแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ มีแต่ผลักปัญหาขึ้นมาวนไวเวียนมาเหมือนพายเรือในอ่าง
แนวทางที่อาจพอมีทางเป็นไปได้ก็โดยการใช้โครงข่ายอันสลับซับซ้อนของความสัมพันธ์ทางสังคมเชิงนิเวศวิทยา ที่ต้องเปิดกว้างที่สุดจึงจะเห็นสภาพสถานการณ์อันเป็นกระแสวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม ที่อาจทำให้พบคำตอบในการแก้ปัญหาสังคมโดยเรียนรู้จากธรรมชาติ เข้าใจความเป็นไปในธรรมชาติที่มีการเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง ดังนั้นโครงสร้างอั้นเป็นโครงข่ายเองจะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลกอย่างถึงแก่นถึงรากลึก เพราะทุกครั้งที่เกิดวิกฤตทั้งหลายทางวัฒนธรรมของเรา มักจะพบว่าผู้นำทางความคิด ส่วนมากมักจะใช้แบบแผนทางความคิดที่ล้าสมัยไปแล้ว ถึงเวลาแล้วที่กระบวนทัศน์ของเราต้องเปลี่ยนก่อนที่จะถูกบังคับให้เปลี่ยนไปโดยไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น