หน้าเว็บ

วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บรรเทาสารพัดโรคด้วยไวตามินซี

ผู้เขียนจำไม่ได้แล้วอ่านจากที่ไหนหรือฟังจากทีวี แต่ก็ได้มาเล่าให้นักศึกษาฟังว่าทำอะไรอย่าให้เครียด อย่าใจร้อน ให้ใจเย็น เพราะถ้าใจร้อนแล้วความเครียดจะตามมา และเมื่อมีความเคลียดแล้วอาจจะทำให้ทำอะไรผิดพลาดคิดอะไรไม่ออก และสุดท้ายอาจจะท้อแท้ซึมเศร้าได้ ถ้าเคลียดจนอยากตายเมื่อไรแล้ว ร่างกายก็อาจทำให้ตายขึ้นมาจริงๆ ได้ โดยการสร้างเซลมะเร็งขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตามวิตามินซีก็ยังเป็นตัวช่วยป้องกันและรักษาโรคมะเร็งและโรคอื่นๆได้ ซึ่งมีผลงานวิจัยปรากฏออกมามากมาย วิตามินซีมีในอาหารประเภทผักผลไม้ ในผลไม้ที่มีสูงสุดคือมะขามป้อม รองลงมาในฝรั่ง


ที่อยากเขียนถึงวิตามินตัวนี้เพราะถ้าไม่ขาดวิตามินซีแล้วโอกาศเป็นโรคได้น้อยแม้แต่หวัดก็จะไม่เป็น ถ้าวันใดไม่ได้กินผักผลไม้ ก็ควรจะทานวิตามินซีเสริมแม้ทำงานหนักก็ให้มีภูมิคุ้มกันเข้าไว้ ต่อไปนี้เป็นประโยชน์ของวิตามินซีที่หาได้มาเป็นตัวอย่าง

ชลอการลุกลามของมะเร็ง รับประทานวิตามินซีปริมาณสูงเช่น 18000 มกต่อวัน

ทำให้แผลหายเร็ว รับประทานวิตามินซี ช่วยการสร้างคอลลาเจนเนื้อเยื้อเกี่ยวพันธ์

ตัวกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกัน ด้วยวิตามินซี ช่วยกระตุ้นกระบวนการทางเคมี กระตุ้นหลั่งสู่กระแสเลือดมากขึ้น

ภูมคุ้มกัน ถูกสร้างขึ้นโดยตับ เพื่อทำให้แบคทีเรียไร้พิษสง วิตามินซีช่วยยับยั้งต้านทานโรค

เผาพลาญไขมัน รวมทั้งคอเรสเตอร์รอล ด้วยวิตามินซี

ธาตุเหล็กและเม็ดเลือดแดง วิตามินซีช่วยให้ดูดซึมเหล็กได้ดี ทำให้ไม่เป็นโรคโลหิตจาง
อาการทางจิต เกิดขึ้นได้ถ้าขาดวิตามินซี

กระดูกประสานยาก ถ้าขาดวิตามินซี

เหงือกและฟันผุกร่อนง่าย ถ้าขาดวิตามินซี ลดอาการเหงือกบวม อักเสบ รากฝันยึดแน่นขึ้นด้วยวิตามินซี

กล้ามเนื้อไม่แข็งแรงเป็นตะคิว ถ้าขาดวิตามินซี ช่วยทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้ดีขึ้น

เป็นรอยช้ำหรือเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ เนื่องจากการขาดวิตามินซี ทำให้เส้นเลือดฝอยเปราะ

วิทยาศาสตร์เพิ่มไสยาศาสตร์น้อย

Plank นักวิทยาศาสตร์ ผู้พัฒนาทฤษฏีควอนตัมเป็นคนแรก มีความเชื่อและเคยทำนายว่าด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และการกระจายความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวาง ความเชื่อเกียวกับความมหัศจรรย์อำนาจเหนือธรรมชาติ จะค่อยหมดไปโดยอัตโนมัติ แต่ดูเหมือนว่า Plank เคยกล่าวเช่นเดิยวกันว่าเขาคิดผิด ทั้งนี้เพราะยังคงมีความดึงดูดใจ ความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งมหัศจรรย์ คุณไสย ในรูปแบบต่างๆ แม้แต่ในปัจจุปัน เกิดลัทธิต่างๆ มากมาย มีพิธีกรรมต่างๆ ยึดถือสิ่งศักดิสิทธิ์เกิดขึ้นมากมาย และเชื่อโดยขาดหลักเหตุผล มีการทำการค้าเกี่ยวกับไสยศาสตร์ ยังคงยืนยงอยู่ได้ กระจายได้อย่างรวดเร็ว

สมการที่ Plank เคยให้ไว้ดูเหมือนว่าสองข้างจะไม่เท่ากันที่ว่า More science = less superstition หรือกล่าวได้ว่า วิทยาศาสตร์เพิ่มขี้นไสยาศาสตร์น้อย อย่างไรก็ตามเขาก็ได้ให้องค์ประกอบสำคัญ จากการคำนวณของเขาว่า ช่วงเวลาที่รู้แจ้งนั้นครอบคลุมด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์และ ผลพลอยได้พัฒนาเป็นเทคโนโลยี มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ ที่ทำให้การดำเนินชีวิตของคนสะดวกสบายขึ้นกว่าเดิม

เช่นกันที่การดำเนินชีวิตของผู้คน ก็หนีไม่พ้นต้องรับความเปลี่ยนแปลง ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ใช้เทคโนโลยีที่ตกผลึกแล้ว ที่มีการใช้กันทั่วไปเป็นสิ่งปกติธรรมดาไป บางอย่างก็เชื่อวิทยาศาสตร์ เช่นว่าเมื่อจะซื้อเครืองอุปโภคบริโภคบางอย่าง ก็ต้องดูว่าผ่านการทดสอบได้รับการรับรองบ้างหรือไม่ หรือมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มายืนยันความน่าเชื่อถือ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีไป จะซื้อน้ำสักขวดก็ยังต้องดูว่ามี อย หรือไม่ ผลิตภัณฑ์บางอย่างต้องได้รับการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ก่อนจึงจะถือว่าได้มาตรฐานแข็งแรงทนทาน ผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการที่ได้รับความเชื่อถือ การค้นหาหลักฐาน ประกอบการสืบสวน ตั้งแต่ตรวจดีเอนเอ ตรวจสารตกค้าง ล้วนแต่ต้องใช้วิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น

ขณะเดียวกันความเชื่อที่ยากแก่การหาเหตุผล เช่นการพบพระที่หายไปเป็นเวลานาน และสาเหตุที่พบมาจากความฝัน และความฝันกลายเป็นความจริงมีให้พบเห็นอยู่บ่อยๆ ในทางวิทยาศาสตร์ถือว่ามีความเป็นไปได้เมื่อเทียบเคียงกับทฤษฏีควอนตัม ที่มีหลักแห่งความไม่แน่นอน อะไรที่ว่าแน่นอนก็พบว่ามันไม่แน่นอน

ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ก็ได้สร้างสิ่งมหัสจรรย์มากมายหลายอย่าง ยิ่งกว่าจิตวิญญาณในอดีต เหมือนกับเนรมิต สิ่งที่ไม่เคยมีก็มีปรากฏให้เห็นอยู่โดยตลอดเช่นกัน วิทยาศาสตร์ทำให้คนมองทะลุสิ่งกั้นขวางได้ วิทยาศาสตร์ทำให้คนทำในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ อันนี้หมายถึงมนุษย์สร้างเครื่องมือขึ้นมาช่วย เช่นยกของหนักกว่าตัวเองได้นับร้อยเท่า จับหยิบอุปกรณ์ที่เล็กจนมองไม่เห็นได้ สิ่งที่ปกติมนุษย์ทำไม่ได้เช่นบินได้เช่นนก ดำน้ำได้แบบปลา วิทยาศาสตร์จึงเป็นตัวแทนแห่งความเชื่อได้เช่นกัน เพราะคนใช้วิทยาศาสตร์โดยไม่ต้องหาเหตุผลขอให้ทำงานให้ก็แล้วกัน เช่นเดียวกับขับรถยนต์ได้แต่ไม่รู้ว่าทำงานอย่างไรบ้าง

อะไรที่มนุษย์ไม่คุ้นเคยเป็นสิ่งแปลกมหัศจรรย์ เหมือนกับมีพลังเร้นลับ แต่เมื่อหาเหตุผลได้ ศึกษาทำความเข้าใจได้ มีการนำมาใช้จนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ความแปลกความลึกลับจะหายไป ด้วยเหตุผลนี้ ไม่มีอะไรลึกลับ ไม่มีอะไรน่าแปลก ถ้ามีการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม จนมีระเบียบกฏเกณฑ์ฃัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ว่าความรู้เพิ่มขึ้นทุกวัน วิชาใหม่เกิดขึ้นมากมาย หรือว่ายังมีความลึกลับเกิดขึ้นมากขึ้นเท่าๆ กับที่ความลึกลับลดลง

อิทธิพลของทฤษฎีวิวัฒนาการ

สมัยเป็นนักเรียนเมื่อเราเรียนทฤษฎีวิวัฒนาการ ได้เรียนรู้เรื่องการคัดเลือกพันธ์ตามธรรมชาติ และผู้ที่เหมาะสมมากที่สุดสามารถที่จะอยู่รอดได้ เคยมีผู้กล่าวไว้ว่าผู้ที่แข็งแรงที่สุดจะอยู่รอดได้ก็ไม่จริง จึงต้องแข็งแรงและต้องฉลาดด้วย บางคนแสดงความคิดเห็นว่าแข็งแรงก็ไม่ใช่ ฉลาดก็ไม่ใช่ ต้องปรับตัวเก่งที่สุดจึงจะใช่เลย ก็เลยคิดว่าเป็นการเล่นคำกันเสียมากกว่า เพราะคนที่จะปรับตัวได้ดีก็ต้องฉลาดด้วยแน่ แต่ถ้าจะใช้อีกคำหนึ่งว่ามีปัญญา หรือการพัฒนาให้มีปัญญาแล้วสามารถจะแก้ปัญหาได้ เพราะเคยมีผู้พยายามให้คำนิยามคำว่าปัญญาไว้ในลักษณะที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง และไม่ทำให้ทั้งตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อน ซึ่งจะต้องมีความรู้และความสามารถด้านต่างๆ นั่นเอง

การคัดเลือกพันธ์ตามธรรมชาติเพื่อความอยู่รอดตามทฤษฎีวิวัฒนาการของดาวิน ถ้าตีความไปในแง่ดีก็ดูเหมือนกับทำให้เรารู้จักปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมไม่ได้ทำลายสิ่งแวดล้อม เหมือนกับว่าใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงแต่มีปัจจัยสี่เพื่อความอยู่รอด ในภาวะที่ผกผันอัตคัดขาดแคลนสัตว์โลกก็ต้องมีความพยายามมากขึ้นเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด สัตว์ใดที่มีความอ่อนแอและไม่มีปัญญาพอที่จะเอาตัวรอดก็ตายไปไม่สามารถดำรงเผ่าพันธ์เอาไว้ได้ก็จะเหลือแต่เผ่าพันธ์ที่มีความเหมาะสมที่ยังคงอยู่ต่อไป แม้ว่าต่อมาภาวะขาดแคลนอัตคัดจะหายไปก็ตาม นอกจากนี้แล้วตามทฤษฎีของลามาร์คได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับทฤษฎีวิวัฒนาการว่า อวัยวะส่วนใดที่ไม่ได้ใช้ก็จะอ่อนแอและค่อยหายไป ถึงกับมีหลายคนเคยพูดไว้ว่าต่อไปมนุษย์ที่ไม่ได้ใช้แรงงาน ไม่ได้ใช้แรงงานเลยต่อไปนิ้วมือคงจะมีเพียงนิ้วเดียวไว้กดปุ่มเท่านั้น อวัยวะส่วนไหนใช้บ่อยก็จะพัฒนาขึ้น ถ้าตามทฤษฎีนี้ก็มีส่วนถูกอยู่เหมือนกัน เช่นถ้าเราเป็นคนถนัดขวาแล้วเราใช้งานแขนขวามากกว่าแขนซ้ายแน่นอน ถ้าเปรียบเทียบระหว่างแขนซ้ายและแขนขวาจะเห็นได้ชัดเจนว่าแขนขวาโตกว่าแขนข้างซ้าย

ถ้ามาเทียบเคียงกับการทำงานของสมองในการคิดแล้ว ถ้าไม่ฝึกฝนการคิดบ่อยๆ ก็น่าจะพัฒนาการไปในทางที่ดี น่าจะเป็นการต่อยอดจากการพัฒนาทางความคิดตามทฤษฏีพัฒนาการที่คิดแบบผู้ใหญ่คิดแบบนามธรรมได้ แต่จะคิดให้ได้ดีอย่างไรนั้นอยู่ที่การฝึกฝนเหมือนกัน

สำนึกรู้นิเวศวิทยา

บทความนี้ถอดความจากบทความเมื่อ 5 ปีที่แล้ว Fritjof capra ได้เคยเสนอไว้ในบทความเรื่อง The language of nature ที่ชี้ให้เห็นความท้าทายที่จะสร้างสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่ยั่งยืนนั้น ซึ่งทำให้เราพอใจกับกับความต้องการ และความหวังโดยไม่ได้ทำลายหลายหลากหลายของโลกธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ในอนาคต

เขาได้เสนอแนะว่าการจะดูแลให้ชุมชนอยู่กันอย่างยังยืนได้ สามารถเรียนรู้จากระบบนิเวศ ที่พืชสัตว์ และจุลินทรีย์อยู่ร่วมด้วยช่วยกันอย่างผสมกลมกลืน การเข้าใจระบบนิเวศจำเป็นต้องเรียนรู้หลักการพื้นฐานของนิเวศวิทยา นั่นคือภาษาแห่งธรรมชาติ เราทั้งหลายจำเป็นต้องเป็นผู้รู้นิเวศวิทยา (eco-literate) เป็นผู้สำนึกรู้เชิงนิเวศ เราจะต้องคิดในเทอมของความสัมพันธ์ ความเชื่อมโยงและปริบทแวดล้อม ในทางวิทยาศาสตร์ก็คือการคิดอย่างเป็นระบบ โดยคิดให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ระบบนิเวศ และระบบสังคม และเป็นที่รู้กันว่าระบบดังกล่าวจะต้องบูรณาการเป็นองค์รวม ซึ่งคุณสมบัติของระบบทั้งหมดไม่สามารถจะลดรูปลงเป็นส่วนเล็กย่อย

ทฤษฏีใหม่ของระบบสิ่งมีชีวิตคือรากฐานทางทฤษฏีสำนึกรู้นิเวศวิทยา นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่าในโลกวัตถุ สุดท้ายแล้วก็เป็นเครือข่ายรูปแบบของความสัมพันธ์ เมื่อมององค์รวมที่เป็นดาวเคราะห์ ก็เป็นเหมือนสิ่งที่มีชีวิต เป็นระบบที่ปรับความสมดุลย์ของตัวเองได้ การมองร่างกายและจิตใจแยกจากกันจะต้องแทนที่ด้วย ไม่เฉพาะสมอง ระบบภูมิคุ้มกัน และเนื้อเยื่อ และแม้แต่ แต่ละเซลก็เป็นสิ่งมีชีวิต รวมทั้งระบบทางความคิด การวิวัฒนาการไม่ได้มองเป็นการแข่งขันเพื่อการอยู่รอดที่จะคงอยู่ แต่อยู่ร่วมกันร่วมมือกันทำร่วมกัน (co-operative dance) ที่ซึ่งการสร้างสรรค์ให้เกิดสิ่งใหม่เป็นแรงผลักดัน

ด้วยทัศนะใหม่ของสำนึกรู้นิเวศวิทยา จะเป็นรากฐานของเทคโนโลยี ระบบเศรษฐกิจและสถาบันทางสังคม เกี่ยวข้องกับทางการศึกษาอย่างลึกซื้ง ต้องการ การสอนที่ให้ความเข้าใจชีวิตที่เป็นศูนย์กลางที่ไม่ให้แปลกแยกไปจากโลกธรรมชาติ จำเป็นต้องมีหลักสูตรที่สอนเด็กๆ ของเราให้เข้าใจความจริงเบื้องต้นของชีวิต

น้ำเก่าน้ำใหม่

กล่าวกันว่าน้ำที่เรามีใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นน้ำที่มีอยู่แล้วตั้งแต่ กำเนิดโลกขึ้นมา น้ำเมื่อหลายล้านปีที่แล้วหรือตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายก็ยังคงหมุนเวียนมาใช้ในปัจจุบันอยู่ ถือว่าเป็นน้ำเก่า แต่อาจคิดว่าเป็นน้ำใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อนในอตีตก็เป็นไปได้ ซึ่งเป็นผลจากการกระทำของมนุษย์เราที่ ทำให้เราได้น้ำส่วนนี้มาโดยไม่ตั้งใจ

น้ำที่ปกคลุมอยู่ที่พื้นโลกประมาณสามในสี่ แต่ประมาณ 97 % เป็นน้ำเค็ม ส่วนน้ำจืดมีอยู่เพียง 3 % ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นน้ำแข็งอยู่ที่ขั้วโลก ที่เหลือเป็นน้ำกินน้ำใช้ของมนุษย์ เพียงไม่ถึง 1 % ในจำนวนนี้ก็ทำให้เกิดน้ำท่วมในบางที่ บางที่ก็ฝนแทบไม่ตก การหมุนเวียนของน้ำระเหยจากที่หนึ่ง แล้วไปตกเป็นฝนในอีกที่หนึ่ง ระยะหลังไม่กี่ปีมานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยฝนตกน้ำท่วมบ่อยก็มีสาเหตุมาจากฝนตกมาก จนอาจคิดได้ว่าอาจจะเกิดมาจากน้ำใหม่ที่ไม่เคยหมุนเวียนมาก่อน อันเกิดจากภาวะโลกร้อน แม้อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศาเซลเซียสน้ำแข็งที่ขั้วโลกก็จะละลายมหาศาลแล้วน้ำเหล่านี้ก็ระเหยกลายเป็นไอไปตกเป็นฝนในที่ต่างๆ เป็นน้ำใหม่ที่เกิดจากน้ำเก่าเก็บ เป็นไปได้ว่าความสมดุลย่ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สมดุลใหม่

บริเวณใดที่ฝนไม่เคยตกหรือตกน้อยฝนก็จะตกมากขึ้น บางที่น้ำไม่เคยท่วมก็อาจจะทำให้ท่วมมากขึ้น เช่นเดียวกับซึนามิที่ไม่เคยเกิดก็อาจเกิดขึ้นได้ . . . .

การใช้น้ำของคนกว่าจะออกมาเป็นน้ำก็อกได้ก็ต้องมีการสำรวจหาแหล่งน้ำที่มากพอที่จะรองรับการใช้ของคนที่อยู่อาศัย ต้องมีเครื่องจักรเช่นปั๊มสูบน้ำ วางท่อไปตามที่ใช้น้ำซึ่ง และต้องมีการบำบัดให้น้ำสะอาดเช่นการเติมคลอรีน เพื่อฆ่าเชื้อ ก่อนนำไปใช้ ในการซักล้างทำความสะอาด ทำสวน และเพื่อการดื่ม และการปรุงอาหาร ทำเป็นน้ำให้ความเย็นชุ่มฉ่ำ และสวยงามด้วยน้ำพุ . . . .

ด้วยน้ำใหม่ที่เกิดจากน้ำเก่าเก็บอาจก่อปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากได้ จึงน่าจะต้องเปลียนแปลงผังเมืองเพิ่มพื้นที่ป่าให้มากขึ้นเพื่อลดความรุนแรงของน้ำถ่วม และทำให้ท่วมน้อยลง เพื่อรองรับสมดุลใหม่ของโลก . . . .

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ซอพท์แวร์เพื่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตนเอง

การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ทำได้ไม่ยากถ้ามีซอพท์แวร์เพื่อการเรียนรู้ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซอพท์แวร์เพื่อการเรียนรู้มากมาย แต่จะขอแนะนำบางรายการที่หามาใช้ได้ไม่ยาก ดังนี้

talking dictionary ซึ่งสามารถค้นคำ หาความหมายดูรูปภาพประกอบได้ และออกเสียงที่ถูกต้องให้ผู้เรียนได้ เช่น Oxford taking dictionary American talking dictionary และ Cambridge Advanced Learner s Dictionary โดยเฉพาะของ Cambridge นั้นให้เลือกได้ว่าจะออกเสียงแบบอังกฤษหรือแบบอเมริกันก็ได้

ซอพท์แวร์ที่ใช้ในการฝึกพูด ผู้เรียนรู้สามารถที่จะฝึกพูดโดยการอัดเสียงลงไปในคอมพิวเตอร์และซอพท์แวร์สามารถที่จะบอกได้ว่าผู้เรียนผูดเลียนเสียงได้เหมือนมากน้อยแค่ไหน เช่นซอพท์แวร์ ชุด talk to me ซึ่งแบ่งออกเป็นระดับพื้นฐาน และระดับกลาง ชุดของ Rosetta Stone ซึ่งแบ่งออกเป็นสองระดับ เลือกได้ว่าจะใช้สำนวน อเมริกาหรือ อังกฤษ โดยเฉพาะของ Rosetta Stone

นอกจากให้ฝึกพูด แล้วยัง ฝึก อ่าน ฟัง และเขียนได้ด้วย มีแบบฝึกหัดให้ฝึกจำนวนมาก

ซอพท์แวร์อื่นๆ ที่นำมาใช้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ์ ได้แก่ ภาพยนต์ที่พูดภาษาอังกฤษ และบรรยายภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นบทเรียนซีเอไอมัลติมีเดียที่จัดทำเป็นภาษาอังกฤษก็สามารถนำมาใช้ประกอบในการเรียนรู้ผ่านทางสาขาวิชาที่ผู้เรียนถนัด เช่นซอพท์แวร์มัลติมีเดียของ The Times Education Series ซึ่งมีเกือบทุกสาขาวิชา ไว้ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้สาขาวิชาตัวเองถนัด และเรียนรู้ภาษาอังกฤษไปด้วยในขณะเดียวกัน

การคิดกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

สิ่งสำคัญอันเป็นเป้าหมายสำคัญทางการศึกษาคือต้องการให้นักเรียนคิดได้อย่างมีเหตุผล นั่นคือจำเป็นต้องสอนนักเรียนให้คิดเป็น ทุกรายวิชาที่สอนควรจะได้มีส่วนร่วมในการเข้าสู่เป้าหมายร่วม คนที่จะคิดได้อย่างมีเหตุผล จะต้องมีการพัฒนาทางความคิดหรือปัญญา (cognitive development) หรือมีความคิดเชิงตรรกะ (logical thinking) จากการศึกษาหาความสัมพันธ์ระหว่างการคิดเชิงตรรกะกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างหลากหลายในประเทศต่างๆ นั้นมีความสัมพันธ์กันค่อนข้างสูงมาก จึงคิดได้ว่าถ้ามีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์สูงแล้วจะมีความคิดเชิงตรรกะสูงตามไปด้วย หรือมีความคิดเชิงตรรกะสูงจะทำให้มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้สูงตามไปด้วย


วิชาทางด้านวิทยาศาสตร์ประกอบด้วยทักษะที่เป็นลักษณะเฉพาะ ที่เน้นในด้านการตั้งสมมุติฐาน การจัดการกับโลกเชิงกายภาพ การหาเหตุผลจากข้อมูล วิธีการทางวิทยาศาสตร์ การคิดเชิงวิทยาศาสตร์ และการคิดแบบวิกฤติ (critical thinking) เป็นเทอมที่นำมาใช้หลายต่อหลายครั้งที่จะอธิบายทักษะทางวิทยาศาสตร์ ในปัจจุบันเราใช้กันทั่วไปคือคำว่า “ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (science process skills)”

แนวคิดที่ให้วิทยาศาสตร์เป็นกระบวนการ (A Process Approach :SAPA) โดยกำหนดให้ทักษะเหล่านี้เป็นกลุ่มหรือชุดของความสามารถที่สามารถที่ถ่ายทอดที่เหมาะสมกับวิชาต่างๆทางวิทยาศาสตร์ และสะท้อนภาพให้เห็นพฤติกรรมของนักวิทยาศาสตร์ อาจกล่าวได้ว่าเป็สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ใช้เมื่อศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จึงเป็นเหมือนเครื่องมือที่ก่อให้เกิดการค้นพบและสร้างสรรค์ เนื้อหาและเป็นวิธีการที่จะก่อให้เกิดคอนเซ็ปท์ขึ้น ทักษะเหล่านี้จะเป็นบางอย่างที่นักเรียนนักศึกษาควรจะได้เรียนรู้ จะเป็นตัวช่วยในการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ และวิชาอืนๆด้วย และมีความสำคัญมากยิ่งต่อชีวิต SAPA ได้จัดกลุ่มทักษะกระบวนการเป็น 2 แบบคือ ทักษะพื้นฐานและทักษะขั้นสูง (basic and integrated) โดยที่ทักษะกระบวนการพื้นฐานจะให้รากฐานสำหรับการเรียนรู้แก่ทักษะกระบวนการขั้นสูงที่ซับซ้อนขึ้น ดังแสดงรายการไว้ดังนี้


ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน

การสังเกต (Observing) การใช้ประสาทรับความรู้สึกในการรวบรวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวัตถุหรือเหตุการณ์หนึ่ง ตัวอย่างเช่นการอธิบายว่า กล่อง สมุด ดินสอมีสีอะไร

การทำนายเทียบเคียง (inferring) การเดาหรือทายอย่างมีการศึกษา “educated guess” เกี่ยวกับวัตถุหรือเหตุการณ์ โดยขึ้นอยู่กับการรวบรวมข้อมูล สารสนเทศที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่นการกล่าวว่าผู้ที่ใช้ดินสอเขียนมีข้อผิดพลาดมากเพราะดูได้จากยากลบที่ใช้สึกไปมาก

การวัด (measuring) การใช้ทั้งการวัดแบบมาตราฐานและไม่มาตราฐาน หรือการประมาณค่ามิติของวัตถุหรือเหตุการณ์ ตัวอย่างเช่นการใช้ไม้เมตรวัดความยาวของโต๊ะเป็นเซ็นติเมตร

การสื่อสาร (Communicating) การใช้คำหรือสัญญลักษณ์กราฟิกส์เพื่ออธิบายการกระทำ วัตถุหรือเหตุการณ์ ตัวอย่างเช่น การอธิบายการเปลี่ยนแปลงความสูงของต้นไม้ตามเวลาการเขียนกราฟ

การจัดแบ่งประเภท (Classifying) การจัดกลุ่ม ลำดับของวัตถุ เหตุการณ์เป็นประเภทขึ้นอยู่กับคุณสมบัติหรือเกณฑ์ที่กำหนด ตัวอย่างเช่นการจัดแบ่งหิน โดยใช้ขนาดขององค์ประกอบของเนื้อหิน (grain) หรือความแข็งของหิน ให้เป็นกลุ่มต่างๆ

การทำนาย โดยการกล่าวผลที่ได้จากเหตุการณ์ในอาคตขึ้นอยู่กับรูปแบบของหลักฐานที่ได้ ตัวอย่างเช่นการทำนายความสูงของต้นไม้ในสองสัปดาห์ขึ้นอยู่กับกราฟแสดงการเติมโตใน 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา


ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาตร์ขั้นสูง

การควบคุมตัวแปร (Controlling variables) การที่สามารถบอกได้ว่าตัวแปรใดมีผลต่อผลลัพธ์การทดลอง ที่พยายามให้ตัวแปรอื่นเกือบทั้งหมดคงที่ และเปลี่ยนแปลงค่าตัวแปรอิสระหรือตัวแปรต้น ตัวอย่างเช่นการตระหนักจากการทดลองที่ผ่านมาว่าจำนวนของแสง และน้ำจำเป็นต้องควบคุมเมื่อทดสอบเพื่อจะดูว่าการเพิ่มสารอินทรีย์เข้าไปจะมีผลต่อการเติบโตของถั่วอย่างไรหรือไม่

การนิยามเชิงปฏิบัติการ (Defining operationally) คำกล่าวที่จะบอกให้ทราบว่าจะวัดค่าตัวแปรในการทดลองอย่างไร ตัวอย่างเช่น การเติบโตของถั่วจะวัดกันเป็นเซ็นติเมตรต่อสัปดาห์

การกำหนดสมมุติฐาน (Formulating hypotheses) คำกล่าวที่คาดหวังถึงผลลัพธ์ของการทดลอง ตัวอย่างเช่นยิ่งใช้สารอินทรีย์เพิ่มมากขึ้นดินถั่วก็ยิ่งเจริญมากขึ้น

การตีความข้อมูล (Interpreting data) การจัดระบบข้อมูลและสรุปผลจากข้อมูลนั้น ตัวอย่างเช่นการบันทึกข้อมูลจากการทดลองแสดงการเติบโตของถั่ว เป็นตารางของมูลและสรุปผลเป็นอัตราได้ว่ามีความโน้มเอียงสัมพันธ์อย่างไรจากข้อมูลไปยังตัวแปร

การทดลอง (Experiment) ความสามารถที่จะทำการทดลอง รวมทั้งการถามคำถามที่เหมาะสม การกำหนดสมมุติฐาน การกำหนดตัวแปรและการควบคุมตัวแปร การกำหนด การนิยามเชิงปฏิบัติการของตัวแปรเหล่านั้น การออกแบบการทดลองอย่างตรงไปตรงมา การดำเนินการทดลอง และการ


อินเตอร์เน็ต: การสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ไร้ขีดจำกัด

อินเตอร์เนตคือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าด้วยกัน ผ่านทางโปรโตคอล TCP/IP ที่ใช้ในการเชื่อมต่อมาตรฐานเดียวกัน แต่ยังมีเทคโนโลยีที่สำคัญที่ทำให้อินเตอร์เป็นจริง ใช้งานได้ดีก็คือ เทคโนโลยีเวิร์ลไวด์เว็ป ซึ่งใช้ไฮเปอร์เท็กซ์ ไฮเปอร์มีเดีย และมัลติมีเดีย และที่สำคัญยิ่งก็คือทางวิ่งของโปรแกรมคือระบบปฏิบัติการ ซึ่งก็หนีไม่พ้นต้องเป็นไมโครซอพท์วินโดว์ แม้จะมีระบบปฏิบัติการลีนุก แต่การติดต่อกับผู้ใข้ และการติดต่ออุปกรณ์ยังไม่ดีเท่า จึงยังไม่ได้รับความนิยม


ปัจจุบันอินเตอร์เนตเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น ยิ่งใช้มากก็อาจเห็นประโยชน์ทั้งด้านการประกอบอาชีพและเพื่อความบันเทิง มีตัวอย่างคนนครผู้หนึ่งแม้ไม่ได้จบการศึกษาด้านคอมพิวเตอร์ แต่เห็นความสำคัญนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งลงทุนซื้อระบบคอมพิวเตอร์ และฐานข้อมูลทางธุรกิจ จนทำให้ประสบผลสำเร็จ จากการเห็นประโยชน์ของข้อมูล ทางการค้าและธุรกิจ นำมาตัดสินใจในการลงทุน นับร้อยล้าน

มีคอมพิวเตอร์ที่ติดต่ออินเตอร์เนตรูปใดรูปหนึ่ง ทางพ็อกเก็ต พีซี โน้ตบุค หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลตึ้งโต๊ะ ถือว่าเป็นความจำเป็นในภาวะปัจจุปัน ลูกได้ใช้เรียนรู้ เล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง คาราโอเกะได้ ตัดต่อตกแต่งภาพ จดหมาย ถึง กัน ส่งรูปให้ดูกันไม่ว่าอยู่มุมไหนของโลกได้ คุณยายในเกาหลีส่งอีเมลถึงหลาน ในเกาหลีมีการใช้อินเตอร์เนตหนาแน่นมากที่สุดประเทศหนึ่ง มากกว่า 40 เปอร์เซ็นของพลเมืองที่ใช้อินเตอร์เนต

โอมเพจซ์ก็ไม่ใช่อะไรอื่นเป็นหน้าแรกที่เจ้าของเตรียมไว้ให้ผู้ใช้เข้ามาติดต่อ มาดูมาเยี่ยมชม ดังนั้นใครคิดที่จะสร้างโฮมเพจซ์จะต้องมีดีที่อยากโชว หรืออยากแลกเปลี่ยนความรู้ หรือโฆษณาซื้อขาย กันทางอินเตอร์เนตจ่ายเงินผ่านทางบัตรเครดิต จึงเป็นที่มาอีกอย่างว่าใครเข้าไปชมโฮมเพจซ์หรือเว็ปไซต์ไหนมากแสดงว่าน่าสนใจ หรือมีอะไรดีมาบอก ให้เรียนรู้ หรือให้ความบันเทิงดี จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจึงให้บริหารอีเมลล์ฟรี เพราะเมื่อเข้ามามากๆ ก็จะได้ค่าโฆษณาอีก ความจริงส่วนใดอันที่มานำเสนอผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็เรียกว่าเว็บเพจซ์ทั้งนั้น แต่ถ้าพูดถึงเว็ปไซต์ก็หมายถึงที่ตั้งของเว็ปหรือโฮมเพจซ์ที่เป็นทางการหน่อย อาจจะอยู่ในลักษณะเครือข่ายก็ได้

สุดท้ายอีเลินนิ่ง เกือบทุกมหาวิทยาลัยทั่วโลก มีเว็ปไซต์ของตัวเอง และมักจะมีอีเลินนิ่งให้ผู้ที่เข้าไปเยี่ยมชมได้เข้าไปศึกษา รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง โดยไม่ต้องเสียเงิน ได้รู้ว่ามหาวิทยาลัยไหนเก่งทางด้านไหน ก็มักจะประชาสัมพันธ์ให้ทราบ กำลังศึกษาเรื่องใดก็พอทราบได้จากเว็ปไซต์ กล่าวได้ว่าอินเตอร์เนตเป็นเครื่องมือที่สำคัญยิ่ง ในการเรียนรู้ตามที่ชอบ มีอะไรฟรีอีกมาก

โดยเฉพาะความรู้ที่มากจนยากแก่การคัดเลือก และเมื่อรู้อะไรดีเพื่อแผ่ให้ผู้อื่นก็ทางอินเตอร์เนตเป็นเวทีในการแสดงความคิดเห็น ช่วยแก้ปัญหา หาคำตอบให้กับผู้ที่แสวงหาอยู่เสมอ

e_Learning สำหรับประชาชน

การพัฒนาประเทศสู่ \\สังคมฐานความรู้ (knowledge based society)\\ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในเวทีโลกนั้น นอกจากจะต้องพัฒนาให้เยาวชนรุ่นใหม่มีคุณลักษณะเป็นผู้ใฝ่รู้ มีความสนใจ และตื่นตัวที่จะศึกษาความรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ \\แหล่งความรู้เพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง\\

คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงต่อการจัดการศึกษาให้กับประชาชนในท้องถิ่น ได้ตระหนักในความสำคัญในการสร้างชุมชนในท้องถิ่นให้เข้มแข็ง การสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ให้มีความรู้ความสามารถ มีศักยภาพในการเรียนรู้ด้วยตนเอง เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมยุคใหม่ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วได้อย่างมีความสุข และการส่งเสริมการศึกษาต่อเนื่องตลอดชีวิต ทางคณะฯ ได้ริเริ่มยุทธศาสตร์ที่สำคัญด้านต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดสื่อการเรียนรู้อีเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่าง ๆ ขึ้น และให้บริการในระบบออนไลน์ผ่านบริการเวิลด์ไวด์เว็บในอินเทอร์เน็ต ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา โดยจัดให้มีโครงการการพัฒนาการเรียนรู้ด้วยระบบ e-Learning ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการย่อยของโครงการนครแห่งการเรียนรู้เชิดชูวัฒนธรรม สนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานจังหวัด ซึ่งเป็นโครงการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ปีงบประมาณ 2549 หลังจากนั้นแม้ว่าจะไม่ได้งบประมาณทางคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็ยังคงให้บริการการเรียนรู้ด้าน e_Learning โดยใช้ซอพท์แวร์โอเพนซอร์ส  ATtutor เป็นตัวจัดการ (Learning Management System)

ลักษณะการเรียนรู้ ผู้เรียนสมัครเข้าเรียนรู้ผ่านทางอินเตอร์เนต ทางเว็ปไซต์ www.sctlearning.com/~nstlms ซึ่งชื่อย่อ sct มาจาก science and technology  และ learning  ดังนั้นเว็ปไซต์นี้จัดตังขึ้นมาโดยคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่วน nst ย่อมาจาก Nakhon si Thamarat ดังนั้นจึงเป็นการเรียนรู้ของชาวนครศรีธรรมราช และยังเผยแพร่สำหรับผู้สนใจในจังหวัดอื่นด้วย เพียงแต่สมัครและกรอกรายละเอียดเพียงเล็กน้อย โดยใช้เลขบัตร ประจำตัวประชาชนในการสมัคร ส่วนรหัสผ่าน(password)กำหนดได้เอง

เมื่อล็อกอินเข้าระบบแล้วลักษณะการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถเลือกรายวิชาจะเรียนรู้ได้ โดยการลงทะเบียนเรียนเมื่อเข้าสู่รายวิชา และยืนยันการลงทะเบียนจากนั้นผู้เรียนสามารถที่จะใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อการเรียนรู้ได้ การฝากข้อความในเว็ปบอร์ด คนหาเนื้อหาที่ต้องการทราบและเรียนรู้ได้ อ่านเนื้อหาที่จัดระบบไว้แล้ว ติดต่อคุยกับผู้สอน และผู้เรียนขณะออนไลน์หรือออฟไลน์

ข้อที่เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้เรียนคือการสืบค้นเนื้อหาในแต่ละรายวิชา อยางรู้เรื่องใดเพียงแต่ค้นคำก็จะบอกให้ทราบว่ามีเนื้อหาอยู่ที่ใด เพียงแต่คลิกเข้าไปดู นอกจากนี้แล้วผู้เรียนยังสามารถดาวโหลดไฟล์ที่ผู้สอนเตรียมไว้ให้

E_Learning คือ Learning


ขณะที่ทางธุรกิจได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้อย่างเต็มที่ ที่บูรณาการเข้ากับธุรกิจเพื่อการแข่งขัน เพื่อการบริหารลูกค้า และพัฒนาคุณภาพการให้บริการ ดังนั้น e-Bussiness ก็คือ Bussiness อย่างเห็นได้ชัด ในทางการศึกษาสามารถคิดได้ในทำนองเดียวกันว่า e-Learning ก็คือการเรียนรู้ ที่ทุกคนมีโอกาสที่จะเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ ได้โดยตนเอง เพียงแต่ต้องเรียนรู้วิธีการเรียนรู้

มีสินค้าและบริการเกิดขึ้นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจยากลำบากในการเลือกชื้อเลือกใช้ การจะตัดสินใจได้ว่าอะไรดีกว่าอะไร ไม่จำที่ทุกคนต้องไปศึกษาทุกอย่างด้วยตนเอง แต่สามารถสืบค้นได้จากแหล่งข้อมูลและสารสนเทศที่น่าเชื่อถือ สิ่งแรกที่ทุกคนควรจะทราบคือการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรสารสนเทศ ในปัจจุบันก็หนีไม่พ้นที่จะต้องหันมาพึงเครือข่ายคอมพิวเตอร์โลกหริออินเตอร์เนต

การพัฒนาการติดต่อสื่อสารทางอินเตอร์เนตเป็นช่องทางสำคัญที่นำไปสู่ การประยุกต์ใช้ทางการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเรียนรู้ ซึ่งไม่จำกัดสถานที่เวลาไม่จำกัดเพศวัย เพียงแต่ให้มีคอมพิวเตอร์ที่ติดต่อกับอินเตอร์เนตได้ ผลจากการพัฒนาเทคโนโลยีเวิด์ลไวด์เว็ป ซึ่งบูรณาการนำเสนอสื่อแบบต่างๆ เข้าด้วยกัน ดังที่เรียกว่ามัลติมีเดีย และคุณลักษณะที่ให้ผู้ใช้ได้มีส่วนร่วมตอบโต้กับคอมพิวเตอร์ เช่นการเชื่อมโยงสื่อต่างๆ ที่เรียกกันว่าลิงค์ หรือไฮเปอร์เท็กซ์หรือ ไฮเบอร์มีเดีย ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญที่ที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองได้ สามารถที่จะเลือก สิ่งที่ต้องการเรียนรู้และประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเองได้

การเรียนรู้ทางอินเตอร์เนตมีมากมายหลายแบบผ่านทางเว็ปไซต์หรือโฮมเพจซ์ที่ ต่างๆก็พยายามออกแบบ ให้ผู้ใช้สนใจที่จะเข้าไปเรียนรู้ไป ทำกิจกรรม โดยมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์มีทั้งที่จัดบริการฟรี และที่ต้องจ่ายค่าบริการ การท่องไปในเว็ปไซต์ต่างๆ นั้นมีมากมายซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีบางเว็ปที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ตามความสนใจ ความถนัด ซึ่งการพัฒนารูปแบบของการเรียนรู้ทางอิเลคทรอนิกส์ ได้ออกแบบให้ผู้เรียนให้เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง พูดคุยกับผู้สอน และผู้เรียนด้วย และผู้เชี่ยวชาญ ทั้งยังสามารถแสดงความคิดเห็นได้ ทั้งทางจดหมาย ทางกระดานสนทนา ทางการสนทนาออนไลน์

การเรียนรู้ทางอิเลคทรอนิกส์จึงเป็นเหมือนการจำลองห้องเรียน แต่การเรียนรู้เป็นของผู้เรียนที่จะเลือกเรียน ความถนัด ความอยากรู้ เข่นเนื้อหาใดที่มีความรู้อยู่แล้วก็อาจข้ามไป การเรียนรู้ทางอิเลคทรอนิกส์จึงอาจจะจำแนกผู้เรียนได้ตามกลุ่มความรู้พื้นฐานได้ง่ายกว่า

ปุจจุบันการเรียนรู้ทางอินเตอร์เนตจะมีระบบการจัดการเรียนรู้ ที่แบ่งกลุ่ม เป็นผู้เรียน ผู้สอน ผู้ช่วยสอน ผู้ดูแลระบบ ซึ่งโดยระบบจะมีสิทธิการเข้าถึงข้อมูลแตกต่างกัน มีเครื่องมือที่ให้ใช้ได้แตกต่างกัน เช่นในส่วนของผู้สอนจะมีเครื่องมือสำหรับประเมินผลการเรียนรู้ การทำประกาศการ ให้งานและการบ้าน ในส่วนของผู้เรียนก็จะมีที่ส่งการบ้านเป็นต้น นอกจากนี้ผู้สอนอาจกาหนดให้ใครเป็นผู้ช่วยสอนแทนได้โดยมีสิทธิเกือบทั้งหมดของผู้สอน

การสร้างเนื้อหามีส่วนให้ผู้สอนหรือผู้เขี่ยวชาญได้ออกแบบบทเรียนให้เกิดการเรียนรู้ได้เร็ว และน่าสนใจมีเนื้อหาครบถ้วนและทันสมัย นอกจากนี้มีเครื่องมือในการค้นที่ผู้เรียนสามารถสืบค้นเนื้อหาที่ต้องการในรายวิชาได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามรายวิชาหรือเนื้อหาที่มีคุณภาพยังมีน้อยเมื่อเทียบกับรายวิชาทั้งหมดที่ให้บริการอยู่ขณะนี้

โดยทั่งไปรายวิชาต่างๆ ที่เปิดสอนให้บริการทางอินเตอร์เนตนั้นมี ทั้งที่ให้บุคคลทั่วไปเข้าไปเรียนรู้ได้ฟรี เป็นวิชาสาธารณะหรือเปิดเผย บ้างก็ให้ลงทะเบียนให้มีชื่อและรหัสผ่านอาจเรียกว่าวิชาที่ป้องกัน รายวิชาที่ต้องขออนุญาตจากผู้สอนหรือผู้ดูแลระบบก่อนอาจเป็นรายวิชาที่ต้องจ่ายเงินค่าลงทะเบียนก่อนจึงเข้าเรียนได้ อย่างไรก็ตามมีรายวิชาแบบเปิดเผยและสาธารณะอยู่มากที่ผู้เรียนสามารถที่จะเลือกเข้าไปเรียนรู้ได้ เฉพาะรายวิชาที่มีคุณภาพ

มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชได้ดำเนินโครงการอีเลนนิ่งสำหรับประชาชน ที่ทุกคนสามารถจะมาใช้ศูนย์ปฏิบัติการ ที่อาคาร 11 ห้อง 1117 มาเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ด้วยตนเงอง ผู้สนใจสามารถมาทดลองใช้ เรียนรู้วิธีเรียนรู้เพื่อการเรียนรู้เนื้อหาต่างๆ ที่เปิดโอกาสให้เลือกเข้าไปเรียนรู้ได้ฟรีตามตามสนใจ การดำเนินโครงการกำลังพัฒนารายวิชาต่างๆที่เปิดให้ประชาชนเข้ามาเรียนรู้ด้วยตนเองได้ รวมทั้งรายวิชาที่พัฒนาไว้ที่ค่างๆ ทั่วโลกที่สามารถเข้าไปเรียนรู้ได้

การเคลื่อนที่แบบ Brownian


ในศตวรรษที่ 19 นักพฤษศาสตร์ชาวสก็อต Robert Brown เพียงแต่รายงานถึงการเคลื่อนที่แบบ Brownian หรือ การเคลื่อนที่ที่ผลิกผันผิดคาด(erratic) ของเกษรดอกไม้ที่ลอยอยู่ในน้ำ โดยการสังเกตผ่านกล้องจุลทัศน์  ขณะนั้นเขาไม่มีคำอธิบายใดๆ  ปัจจุบันเป็นที่รู้กันแล้วว่าการเคลื่อนที่แบบ Brownian เป็นผลที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาจากความจริงที่ว่าน้ำประกอบด้วยอนุภาคเล็ก รายงานของ Brown เป็นหลักฐานชิ้นแรกสำหรับแนวคิดเรื่องการคงอยู่ของอะตอม  จากมโนทัศน์ที่ว่าจักรวาลประกอบด้วยอนุภาคสารที่ไม่สามารถที่จะทำลายหรือสูญหายไป ถือว่าเป็นการสังเกตการณ์มากกว่าที่จะเป็นการนิรนัย

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พีซี รีโมท ควบคุมคอมพิวเตอร์จากระยะไกล

ปัจจุบันเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายอย่างมักจะให้รีโมทเพื่อใช้ในการควบคุมมาด้วย เช่นเครืองเล่นดีวีดี ทีวี เป็นต้น คอมพิวเตอร์ก็หนีไม่พ้นก็มีเครื่องควบคุมพีซีระยะไกลที่เรียกว่าพีซีรีโมทคอนโทรลเลอร์ (PC Remote controller) ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปกดที่คีย์บอร์ดเครื่องหรือเมาซ์ที่ติดอยู่กับตัวเครื่อง แต่กฏควบคุมผ่านรีโมทที่ออกแบบมาเป็นการเฉพาะ


อุปกรณ์ก็คงประกอบด้วยตัวรับสัญญาณจากรีโมท และตัวรีโมทที่มีปุ่มกดหลายปุ่ม ปุ่มกดแต่ละปุ่มใช้ควบคุมไม่เหมือนกัน เช่นปุ่มกดดูอีเมลล ปุ่มกดเข้าอินเตอร์เน็ต ปุ่มเปิดมีเดียเพลเยอร์ ปุ่มปรับเสียงค่อยดัง ปุุ่มหยุด เดินหน้า ถอยหลังเมื่อเล่นวีดีโอ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดปุ่มเองได้ด้วย เช่นกำหนดให้ปุ่ม Alt+CTRL + A ให้เป็นปุ่มกดดูเดสท็อปเป็นต้น

การประยุกต์ใช้งานเมื่อนำคอมพิวเตอร์สำหรับดูหนังฟังเพลงก็จะได้รับความสะดวกดีไม่ต้องมากดคีย์หรือคลิกเมาซ์อยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ส่งจากระยะไกลได้ สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงร้อยเพลงคาราโอเกะน่าจะได้นำไปประยุกต์ใช้ดูแล้วจะเห็นความแตกต่าง

โทรศัพท์มือถือที่ไม่ธรรมดา

การใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อการสื่อสารนัดหมายติดตามตัวเป็นเรื่องปกติ บางคนก็ใช้ความสามารถอยู่แต่นั้นไม่ได้ทำอย่างอื่นกับฟังก์ชั่นมากมายที่ให้มากับโทรศัพท์ เพราะแม้แต่เครื่องพื้นฐานก็ใช้ไม่ครบทุกอย่างแล้ว แต่อย่างไรก็ตามการตลาดโทรศัพท์มือถือต้องเอาใจหลายกลุ่ม กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มคนรุ่นใหม่ นักธุรกิจนักการศึกษาคอม โทรศัพท์มือถือจึงได้เพิ่มความสามารถด้านต่างๆ เข้ามามากมาย


ความสามารถที่โทรศัพท์มือถือสามารถเพิ่มเข้ามาในตัวนอกจากโทรศัพท์ธรรมดา และทำได้ในปัจจุบัน เป็นเเครื่องคิดเลข เป็นนาฬิกา นาศิกาปลุก เป็นเครื่องบันทึกข้อมูลการนัดหมายปฏิทิน เครื่องรับทีวี เครื่องรับวิทยุFM เป็นเครื่องเล่นเกม เครื่องฟังเพลงดูวิดีโอ กล้องถ่ายรูปและวิดีโอดิจิทัล เป็นเครื่องบอกตำแหน่งสถานที่ เป็นเครื่องรับส่งข้อมูลข่าวสาร และที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือเป็นเครื่องเล่นอินเตอร์เน็ตได้ ไม่ต้องพกพาเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุคซึ่งพกพาติดตัวลำบากกว่า และการพัฒนาการเล่นอินเตอร์เน็ตบนมือถือก็่ง่ายขึ้นสดวกขึ้นกว่าเดิมเพียงแค่นิ้วสัมผัส

โทรศัพท์มือถือปัจจุบันก็ไม่ใช่อะไรอื่นก็เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กพกพาได้ง่ายสิ้นเปลืองไฟฟ้าน้อย ใช้ซ๊พียูแบบแรงดันไฟต่ำ เพื่อให้ใช้โทรศัพท์มือถือได้นานขึ้นเพราะต้องเปิดสวิตช์ใช้อยู่ตลอดเวลา ยิ่งใช้โทรศัพท์โทรคุย หรือใช้งานอื่นท่ต้องใช้แสงและแสดภาพท่ี่หน้าจอจะยิ่งสิ้นเปลืองแบตเตอร์รี ต่อไปอาจมีคนคิดค้นใช้โทรศัพท์โดยไม่ต้องชาร์ตแบตเตอร์รี อาจใช้วิธีชาร์ตแบบไร้สาย ผ่านทางอากาศเลยทีเดียวก็เป็นได้

โทรศัพท์จึงเป็นความจำเป็นใหม่ในอนาคตที่ทุกคนต้องมี ที่นอกจากจะเป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสาร เครื่องมือเพื่อความบันเทิงแล้วยังอาจต้องใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการเรียนรู้ โดยเชื่อมโยงเข้าสู่อินอตอร์เน็ต และในอนาคตที่กำลังจะมาถึง เขากำลังพัฒนาให้โทรศัพท์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้เลยโดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าโทรศัพท์ เมื่อถึงเวลานั้นโลกคงเป็นอีกแบบ แต่ตอนนี้เราได้เตรียมตัวอะไรบ้าง ใช้ประโยชน์อะไรกับมันบ้างในทางที่จะทำงาน เรียนรู้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

เมื่อประชาธิปไตยซื้อได้กินได้

ต้องยอมรับกันอย่างหนึ่งว่าการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยนั้น เรายังไม่มีความพร้อมมากนัก จึงทำให้ประชาธิปไตยไทยลมลุกคลุกคลาน และแม้กระทั้งในปัจจุบัน ประชาชนส่วนหนึ่งก็ยังไม่เข้าใจว่าประชาธิปไตยทีควรจะเป็นมันเป็นอย่างไร และการกระทำแบบใดที่เป็นการทำลายประชาธิปไตย และแบบใดจึงเป็นการส่งเสริมประชาธิปไตย การเรียกร้องประชาธิปไตยโดยไม่รู้กันว่าประชาธิปไตยคืออะไรกันแน่นั้นเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน


โดยทั่วไปในสังคมประชาธิปไตยเราต้องการคนดีมีความรู้มาช่วยกันเป็นพลังให้แผ่นดินในการแก้ปัญหาในการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนโดยส่วนร่วม หรือประโยชน์สาธารณะ โดยไม่ไปกระทบสิทธิบุคคลอื่นหรือทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน หรือถ้ามีบ้างก็ได้รับน้อยที่สุดหรือได้รับการชดเชย แต่โดยกระบวนการประชาธิปไตยของเราที่ใช้วิธีการเลือกตั้งตัวแทน นั้นกลับกลายเป็นว่าเราไม่ได้คนดีมีความสามารถแต่กลับได้นักการเมืองที่คิดกอบโกยผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องจำนวนมาก การกระทำทุกวิถีทางที่จะให้ได้เป็นผู้แทนปวงชนอันทรงเกียรตินั้น วิธีการหนึ่งก็โดยการซื้อเสียง หรือการให้เงินหรือสิ่งของในลักษณะของสินบน ว่าให้ไปเลือกตัวแทนตามที่กำหนด การให้สินจ้างรางวัลให้คนไปเลือกผู้แทนนั้นเป็นกระบวนการที่ทำลายประชาธิปไตยอย่างหนึ่ง เพราะทำให้เราได้คนที่ไม่ดีมาเป็นตัวแทนที่คิดจะกอบโกยหรือถอนทุนทีหลังได้

วิธีการซื้อเสียงมีรูปแบบต่างๆ โดยให้เงินผ่านตางหัวคะแนน หรือผ่านใครก็แล้วแต่ ถ้าใครที่รับเงินไปแล้วก็ต้องรับปากว่าจะไปเลือก บ้างว่าต้องกตัญญู กับผู้มีพระคุณช่วยเหลือทางการเงินก็ได้ไปช่วยเลือกผู้ แทน บางที่เมื่อรับเงินแล้วต้องสาบานด้วยว่าจะเลือกสนับสนุนคนที่หัวคะแนนบอก บางแห่งเมื่อรู้ว่าพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดเป็นที่เคารพนับถือก็เอารูปพระหรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมากับซองเงิน แล้วให้สาบานต่อพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้มาด้วย บางที่นอกจากให้เงินทอง สาบานแล้วยัง กันเหนียวอีกว่า หากได้รับเลือก ก็จะได้รับเงินอีกเท่านั้นเท่านี้ ให้เก็บคูปองนี้ไว้ขึ้นเงินอีกวิธีนี้ทำให้ได้แนวร่วมช่วยหาเสียงอีกต่างหาก เพราะหวังว่าจะได้เงินในอนาคต และนำมาซึ่งการเห็นได้ชัดว่าประชาธิปไตยกินได้ นอกเหนือจากนโยบายประชานิยมที่มานำเสนอกัน

การที่ประชาธิปไตยของเราล้มเหลวที่ผ่านมาเพราะใช้อามิสสิ้นจ้างเพื่อให้ได้เป็นผู้แทนของปวงชน ซึ่งแน่นอนว่าก่อให้เกิดปํญหาใหญ่ตามมาดังเช่นที่เห็นอยู่ทุกวัน ที่เราได้ผู้แทนที่ทำลายประชาธิปไตยมากกว่าที่จะเป็นผู้มาพัฒนาประชาธิปไตยให้มั่นคง โดยคนที่เข้ามาเป็นตัวแทนต้องเสียสละเน้นประโยชน์ส่วนรวม แต่เรามักจะเห็นว่าการกระทำแอบแฝงในหลายรูปแบบ ในลักษณะวัดครึ่งหนึ่งกรามการครึ่งหนึ่ง บ้างครั้งก็ซึ่งๆ หน้า โดยการแก้กฏหมายรอไว้เพื่อเข้าไปเบียดบังผลประโยชน์ส่วนรวม การคอร์รัปชั่นบางครั้งกฏหมายก็ไม่อาจยื่นมือมาลงโทษได้ และขั้นต่อไปกระบวนทางสังคมจะช่วยกันลงโทษโดยการแซงชั่น บอยคอต หรือประจานความเลวทรามจนอาจจะอยู่ในสังคมไม่ได้ และที่ชาวพุทธเชื่อมั่นในเรื่องกฏแห่งกรรมว่าใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ถ้าทำกรรมเลวก็จะได้รับผลเลว หากกระบวนการทางกฏหมาย และทางสังคมยังลงโทษไม่ได้ก็ยังมีกฏแห่งกรรม การลงโทษตามกฏแห่งกรรมเป็นไปในลักษณะที่ฟ้าดินลงโทษ หรือ มีอันเป็นไปบางครังก็หาสาเหตุไม่ได้

แล้วเราจะแก้ไขกันอย่างไร ผู้เขียนเชื่อในหลักการที่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นลักษณะของการวิวัฒนาการ จะเปลี่ยนแปลงปุบปับทันทีพร้อมเพียงกันทุกภาคส่วนนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่เราริเริ่มตั้งแต่วันนี้ได้ ที่จะให้การศึกษาแก่นักเรียนนักศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงระดับมหาวิทยาลัยทั้งในระบบนอกระบบ ให้คนเข้าใจประชาธิปไตยตั้งแต่ยังเล็กและทำต่อเนื่องทุกระดับ และจริงจัง นอกจากการศึกษาประชาธิปไตยในสถานศึกษาแล้ว การประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างๆ ก็ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ให้เข้าใจประชาธิปไตยในทางที่ถูกที่ควรเป็นอย่างไร

ดูหนังฟังเพลงออนไลน์กับไอทูน

ไอทูนเป็นเว็บไซต์ที่ตั้งขึนโดยบริษัทแอบเปิล ที่ให้บริการฟังเพลงและให้ดาวโหลดเพลง เพื่อใช้กับเครื่อไอพอทที่เป็นผลผลิตอันลือชื่อของแอปเปิล ที่ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์การฟังเพลงมาอยู่ในมือ ไอพอทมีหลายรูปแบบ เก็บเพลงไว้ได้จำนวนมาก สืบค้นได้ง่าย ไอทูนจึงเป็นเว็บไซต์สำหรับดาวโหลดเพลงมาเล่นกับเครื่องไอพอท หรือจะฟังเพลงได้เลยจากเว็บไซต์เป็นตัวอย่าง ที่ว่าดาวโหลดไม่ใช่ดาวโหลดฟรีทั้งหมดมีการจำหน่ายเพลงออนไลน์ด้วย ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเมื่อได้ปรับปรุงให้เครืองไอพอทสามารถเล่นไฟล์วิดีโอ ดังเช่นในเครื่องไอพอทคลาสสิก และเมื่อแอปเปิลออกไอโฟน ซึ่งมีไอพอทเป็นซับเซ็ตอยู่ในตัวก็ยิ่งทำให้ เว็บไซต์ไอทูนได้รับความนิยมมีคนเข้าไปเยิ่ยมชมเว็บไซต์หนึ่ง


ต่อมาได้เพิ่มการให้บริการนอกจากจะดาวโหลดเพลง ก็มีบริการให้ดาวโหลดมิวสิควิดีโอ และปัจจุบัน มีบริการให้เช่าภาพยนต์ และขายภาพยนต์ออนไลน์ ตอนแรกก็งงๆ อยู่ว่าเขาทำกันอย่างไรที่ให้เช่า โดยการดาวโหลดภาพยนต์นั้นมาดูในเครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเอง เมื่อเลยเวลาที่กำหนดไฟล์ที่ดาวโหลดมาจะใช้งานไม่ได้ มีการเข้ารหัสบป้องกันจะก็อปปี๊ไม่ได้ สำหรับภาพยนต์ที่ซื้อมาทางออนไลน์ก็จะมีบอกไว้เสร็จว่าต้องใช้เนื้อที่เท่าใด ซึ่งก็ยังใช้เนื้อที่มากอยู่หากอินเตอร์เน็ตไม่เร็วมากคงทำให้ดาวโหลดนาน และแน่นอนว่าไฟล์ภาพยนต์ที่ดาวโหลดมาเข้ารหัสที่ไม่อาจจะทำสำเนาไปใช้หลายๆ เครื่อง และแน่นอนว่า ค่าเช่าย่อมราคาถูกกว่า ซื้อภาพยนต์ที่เก็บไว้ดูได้ตลอดไป ใครอยากทดลองดูก็ลองเข้าไปในเว็บไซต์ไอทูน ดังนี้http://www.apple.com/itunes/download/

เข้าใจโลกควอนตัม1

ในโลกของอะตอม และองค์ประกอบของอะตอม ทุกอย่างอยู่แบบกลุ่มก้อน (bundle) ควอนตัม(Quantum) มาจากภาษาลาติน ซึ่งแปลว่ามีมากหรือเป็นกลุ่มก้อน (bundle) ภายในของอะตอม ทุกสิ่งทุกอย่างมี มวล ประจุไฟฟ้า พลังงาน โมเมนตัม และอื่นๆ อยู่ในแบบที่เป็นกลุ่มก้อน ไม่มีอะไรในโลกที่อยู่อย่างราบเรียบและต่อเนื่อง


กลศาสตร์ (Mechanics) เป็นคำเก่าหมายถึงวิทยาศาสตร์ของการเคลื่อนที่ ดังนั้น กลศาสตร์ควอนตัม เป็นสาขาของวิทยาศาสตร์ที่อธิบายเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของสิ่งที่อยู่ในระดับอะตอมหรือเล็กกว่า

เข้าใจโลกควอนตัม2

ปัญหาใหญ่ที่สุดที่คนเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลศาสตร์ควอนตัม นั้นมาจากข้อตกลงเบื้องต้นถึงการไม่รู้สำนึก ว่าสิ่งต่างๆ จะประพฤติตัวในโลกควอนตัมเหมือนกันกับที่เป็นอยู่ในโลกปกติธรรมดาตามประสบการณ์ของเรา ลางสังหรณ์ของเราเกี่ยวกับว่าสิ่งต่างๆ ควรจะประประพฤติตัวอย่างไรนั้นอยู่บนฐานของประสบการณ์ของเราด้วยวัตถุขนาดใหญ่เคลื่อนที่ด้วย อัตราเร็วปกติ ไม่มีเหตุผลใดที่จะคาดหวังว่าเมื่อเรามองไปที่วัตถุที่เล็กมาก หรือวัตถุที่เคลื่อนที่ที่อัตราเร็วสูงมาก ควรจะประพฤติตัวเหมือนกับวัตถุที่เราคุ้นเคย

เข้าใจโลกควอนตัม3

ในโลกควอนตัม เราไม่สามารถจะสังเกตบางอย่างโดยไม่ไปส่งผลกระทบต่อสิ่งที่เราสังเกต ในกลศาสตร์แบบนิวตัน เรากำหนดว่าเราสามารถสังเกตบางสิ่งเช่นลูกมิลเลียด หรือโลกโดยไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อลูกบิลเลียดหรือโลกดังกล่าว ที่เป็นแบบนี้เพราะเมื่อเรามองไปที่ลูกบิลเลียด คลื่นแสงที่สะท้อนจากลูกมิลเลียด มาเข้าตาเราเล็กน้อยมากที่ทำให้เราเชื่อมั่นว่า แสงดังกล่าวไม่สามารถส่งผลกระทบต่อลูกบิลเลียดไม่ว่าทางใด อย่างไรก็ตามในโลกควอนตัม หนทางเดียวที่จะสังเกตอิเลคตรอนตัวหนึ่งก็โดยการให้อิเลคตรอนอีกตัวมากระทบหรืออนุภาคเทียบเท่า ในกระบวนการนี้ อิเลคตรอนที่ถูกสังเกตจะเปลี่ยนแปลงไป ดังคำกล่าวของประธานเหมาที่ว่า "ถ้าคุณต้องการที่จะลิ้มรสลูกแพร์ คุณต้องเปลี่ยนลูกแพร์โดยการกินลูกแพร์นั้น"

ภาษาดิ้นได้ ใช้ผิดหลักก็ยังเข้าใจ

คำบางคำเมื่อนำไปใช้ในบริบทและสถานะการณ์ที่ต่างกัน ทำให้มีความหมายในเชิงตลกขบขัน หรือไม่ก็ให้ความรู้สึกที่แปลกๆ ดี เช่นคำว่าบุตรบุญธรรม ก็เป็นที่เข้าใจว่าเป็นบุตรคนอื่นแต่รับมาเป็นลูกตัวเอง ซึ่งมีกฏหมายรองรับ แต่เมื่อเปลี่ยนคำว่าบุตรเป็นสามี คือสามีบุญธรรม ก็น่าจะมีความหมายว่าไม่ใช่สามีจริงแต่รับมาเป็นสามี คิดไปคิดมาพยายามหาความหมายในทางที่ดี แบบลูกบุญธรรมไม่ได้เลย เพราะลูกบุญธรรมอาจหาคนอุปการะไม่ได้เลยรับมาเป็นลูกบุญธรรม แต่สามีไม่มีคนอุปการะดูจะขาดเหตุผล จะว่าสามีบุญธรรมเป็นโสดอยู่แล้วรับมาเป็นสามี ถ้ายังงั้นก็คงไม่เรียกว่าสามีบุญธรรม ก็เป็นสามีจริงๆ ไปเลย


คำในลักษณะดังกล่าวแล้วมีมากมายที่ใช้กัน จะยกตัวอย่างอีกสักอย่าง เช่นคำว่าลูกสุดท้อง นั้นปกติหมายถึงลูกที่เกิดคนสุดท้ายที่มี แต่ถ้ามีภรรยาหลายคน ก็จะมีลูกคนสุดท้องของภรรยาแต่ละคน คนที่เกิดหลังสุดคงจะเป็นสุดท้องจริงๆ แต่ในกรณีมีภรรยาหลายคน ดังกล่าวนี้ ภรรยาคนหลังสุดก็คงจะเรียกว่า ภรรยาคนสุดท้องได้เหมือนกัน

อย่าเหวงกันดีกว่า

คำว่าเหวงเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อนายแพทย์เหวง โตจิราการ หนึ่งในแกนนำได้เจรจากับนายกรัฐมนตรีและออกทีวีไหทั่วประเทศ แล้วคนที่ได้ยินได้ฟังไม่รู้ใครเป็นคนแรกได้กำหนดศัพท์ใหม่คำว่าเหวง ว่าหมายถึงการพูดไม่รู้เรื่องพูดไม่จริงทำนองนั้นคงมีความหมายมากไปกว่าคำว่าโกหกเฉยๆ


การที่บุคคลใดเหวงบ่อยๆ เป็นอาจินในพระไตรปิฏกได้กล่าวไว้ในทำนองที่ว่า บุคคลนั้นสามารถที่ทำชั่วทำเลวอื่นได้ทุกอย่าง บางคนไม่ฟังให้ดี ก็ตอบสวนมาทันที่ว่าบางเรื่องบางราวก็ต้องมีการโกหกบ้างด้วยเจตนาดี ซึ่งคนที่โกหกด้วยเจตนาดีก็ไม่ใช่คนที่โกหกเป็นอาจินก็คงจะไม่ใช่คนที่ทำชั่วทำเลวอื่นๆได้ทุกชนิดตามพระไตรปิฏกว่า แต่มีอีกประเภทที่มักจะโกหกครึ่งจริงครึ่ง หรือจะยอมรับผิดก็รับครึ่งหนึ่งอะไรทำนองนี้ ก็อาจตีความได้ว่าไม่ได้เหวงเป็นอาจินยังมีประนีประนอมอยู่บ้าง แต่ก็อาจเป็นอันตรายกับตัวเอง ที่ทำให้ขาดความเชื่อถือ และถ้าเป็นสามีภรรยาก็อาจผิดใจกันได้

ถ้านึกถึงการชุมนุมถ้ามีเหวงอยู่บ่อยๆ ก็อาจทำให้เชื่อว่าคนที่พูดบิดเบือน โกหกเป็นประจำนั้นแต่ละคนที่ได้ยินได้ฟังว่าเหวงเป็นประจำหรือไม่ ก็ต้องดูว่ากลุ่มพวกเขาทำชั่วทำเลวอะไรบ้างหรือเปล่า

บทสรุปทำไมไม่ชอบเรียนเกษตร

จากการสำรวจพบว่าหลายมหาวิทยาลัยมีนักเรียนสมัครเข้าศึกษาในสาขาวิชาเกษตรน้อยลง ในบางมหาวิทยาลัยมีนักษาสมัครน้อยมากจนต้องหยุดเลิกโปรแกรมวิชาสาขาเกษตรกันไปก็มี ทั้งๆที่ประเทศของเราเป็นประเทศเกษตรกรรม และอาชีพเกษตรกรก็มีมาช้านานกันเป็นส่วนใหญ่ของประเทศก็ว่าได้ แต่เกษตรกรยังยากจนกันเป็นส่วนใหญ่มีรายได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆ และยิ่งซ้ำร้ายหากทำเกษตรไม่ได้ผล เช่นชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ปีไหนฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลหรือ แห้งแล้ง น้ำท่วม เกิดศัตรูพืชระบาด ก็ทำให้เกษตรกรขาดทุน เป็นหนี้สินได้


ด้วยเหตุดังกล่าวแล้วที่ทำให้ผู้มีอาชีพเกษตรกรเดิมก็ไม่อยากให้ลูกต้องมาทำอาชีพเหมือนพ่อแม่เพราะรู้สึกลำบากรายได้น้อยก็สนับสนุนให้ลูกเลื่อกเรียนอย่างอื่น เมื่อเข้าโรงเรียนครูที่มาสอนก็คงได้รับรู้มาเช่นเดียวกันก็ไม่ให้ความสำคัญกับการสอนเกษตรเท่าที่ควร ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ยิ่งทำให้นักเรียนไม่ชอบเรียนเข้าไปอีกเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งยังคงดำรงอยู่แม้ในปัจจุบัน ซึ่งจริงๆแล้วสถานะการณ์ได้เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การเกษตรพัฒนาขึ้นเกษตรกรขายผลผลิตได้มากขึ้นในราคาที่เหมาะสม และได้กำไร หรือมีกระบวนการเช่นการประกันราคาที่ช่วยเกษตรกรได้มากขึ้น

อาชีพเกษตรกรบางอย่างส่วนใหญ่ยังได้กำไร เช่นการทำสวนยาง สวนปาล์ม แม้การทำนาก็อาจได้กำไร ยิ่งถ้าทำได้มากกว่า1 ครั้งต่อปีก็มีกำไรได้มากขึ้น หากยิ่งได้เรียนทางการเกษตรมาก็น่าจะทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม เห็นแนวทางที่จะประกอบเป็นอาชีพได้โดยไม่ขาดทุนมีความมั่นใจและมั่นคงขึ้น หรืออย่างน้อยที่สุดการทำเกษตรกรรมก็ได้มีผลผลิตไว้กินไว้ใช้ช่วยประหยัดเงิน บางคนถึงขนาดพึ่งตัวเองได้จากการทำสวนผสมผสานรวมทั้งการเลี้ยงสัตว์บางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่นำแนวพระราชดำริเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ได้อย่างประสบผลสำเร็จจำนวนมาก ในอนาคตเป็นไปได้ว่าจะมีการหวนคืนมาเรียนเกษตรมากขึ้น และจะเป็นอาชีพที่มีความั่นคงกว่าที่เป็นอยู้่แน่นอน

โลกควอนตัมกับหลักแห่งความไม่แน่นอน

จากในโลกควอนตัมศึกษาพฤติกรรมอนุภาคขนาดเล้กในระดับอะตอมหรือเล็กกว่า และเข้าใจกันแล้วว่าการจะสังเกตุอนุภาคควอนตัมใดนั้น จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลการะทบจากการถูกสังเกต ทำให้การสังเกตหรือการวัดอย่างใดอย่างหนึ่งมีค่าผิดพลาด ซึ่งเป็นผลให้ Werner Heisenberg นักฟิสิกส์ช่าวเยอรมัน ได้กำหนดหลักแห่งความไม่แน่นอนขึ้นมา ซึ่งกล่าวว่า เพราะวัตถุควอนตัมไม่สามารถสังเกตโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้แต่โดยหลักการที่จะวันค่าอะไรก็ตามให้แน่นอน นั้น เราไม่สามารถที่จะรู้ได้แน่นอนทั้งค่าตำแหน่งและความเร็วของวัตถุควอนตัมนั้นได้พร้อมๆกันทันที ถ้ารู้ค่าของตำแหน่ง ก็จะไม่แน่ใจถึงค่าความเร็วว่าเร็วเท่าใด และในทางที่กลับกันเมื่อวัดค่าความเร็วได้แน่นอนก็ไม่สามารถรู้ตำแหน่งที่แน่นอน


ไฮเซนเบิร์กได้สร้างสมการในการคำนวณค่าความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากความไม่แน่นนอนของตำแหน่งและความไม่แน่นอนของความเร็ว จากความสัมพันธ์

x' v' = h/m

เมื่อ x' เป็นความไม่แน่นอนในตำแหน่ง v' ความไม่แน่นอนในความเร็ว

และ h เป็นค่าคงที่ของแพลงค์ m เป็นมวลของอนุภาคควอนตัม

เซลล์ใหญ่ที่สุดและเล็กที่สุดในร่างกาย

เซลล์โตที่สุดในร่างกายมนุษย์คือเซลล์ไข่ของผู้หญิง มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1/80 นิ้ว ส่วนเซลล์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในร่างกายมนุษย์คือเซลล์สเปิร์มของผู้ชาย ต้องใช้เซลล์สเปิร์มจำนวน 175,000 ตัวจึงจะหนักเท่ากับเซลล์ไข่ของผู้หญิง 1 เซลล์

งานวิสาขะบูชาที่เมืองนคร 2553

วันวิสาขะปีนี้ตรงกับวันที่ 28 พฤษภาคม 2553 เป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของสมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ชาวพุทธเมืองนครจะไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม จุดประทีปโคมไฟและเวียนเทียน ประกอบกับปีนี้เป็นปีที่60 ที่ครบรอบพระราชพิธีราชาภิเษก จังหวัดนครศรีธรรมราชจึงจัดทำโครงการจัดงาน "วิสาขที่เมืองนคร ปี 2553" ขึ้นในระหว่างวันที่ 26-28 พฤษภาคม 2553 รวม 3 วัน เพื่อร่วมกันสืบทอดรักษาประเพณีทางพุทธศาสนา และถวายเป็นพระราชกุศล โดยกระจายการมีส่วนร่วมไปทุกวันทุกอำเภอ




การจัดงานในครั้งนี้มีกิจกรรมมากมาย กล่าวคือ



กิจกรรมบูชาพระรัตนไตร

การแสดงตนเป็นพุทธมามกะทุกอำเภอ 26-28 พค.

การเจริญจิตภาวนา และเจริยพุทธมนต์ทุกอำเภอ 26-27 พค.

การเวียนเทียนทุกอำเภอ 28 พค.

การจัดขบวนยาตราที่พุทธภูมิ ..ทุ่งท่าลาด

กิจกรรมส่งเสริมพุทธศาสนา 26-28 ในทุกอำเภอ

โดยจัดให้มีการปฏิบัติธรรม ทำในทุกวัดทุกอำเภอ โดยเน้นที่พุทธภูมิ-ทุ่งท่าลาด วัพระมหาธาตุ วัดสระเรียง วัดศรีทวี วัดประดู่พัฒนาราม

การเรียนรู้พระพุทธสำหรับเยาวชนทำในทุกอำเภอ ประกอบด้วย นิทรรศการพุทธประวัติ การอ่านพระไตรปิฏก และสาธยายพระไตรปิฏก การสวดมนหมู่นำนองสรภัญญะ และการประกวดภาพวาด พระพุทธประวัติ

เฉพาะที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร มีการแสดงธรรมสามธรรมมาสน์ ที่ระเบียงตีนพระธาตุ สนทนาธรรมที่หน้าพระวิหารหลวง การสวดด้านเรื่องพระนิพานโสตร ที่ระเบียงพระด้าน และการประกวดละครธรรมมะที่หน้าวิหารหลวง

กิจกรรมประทีปโคมไฟ 26-28 พค. และส่งเสริมการท่องเที่ยว

กระบวนแห่ประทีปโคมไฟวิสาขบูชา ประกอบด้วย electric parade ว่าด้วยประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน การแสดงแสงและเสียงมินิไลน์แอนด์ซาวด์ ลานหน้าพระวิหารหลวง และมีพิธีมอบโคมไฟแก่นายอำเภอนำไปเวียนเทียนในวัดสำคัญของแต่ละอำเภอ นอกจากนี้แล้วยังมีการประดับเมื่องตั้งแต่ก่อนวันที่ 26 พค. โดยประดับประทีปโคมไฟรอบพุทธภูมิลักษณะต่างๆ รวมทั้งการประดับประทีปโคมไฟตามห้างร้าน บริษัทและบ้านเรื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ริมถนนราชดำเนิน

จัดให้มีการนั่งรถชมเมืองเล่าเรื่องเมืองลิกอร์ การไหว้พระ 9 วัด และกิจกรรมถนนสายหัตถกรรม

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏเป็นหน่วยงานหนึ่งที่รับผิดชอบในการจัดงานร่วมกับเทศบาลนครนคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานจังหวัดนคร ศูนย์ท่องเที่ยวกีฬาและนันทนาการ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด สำนักงานพระพุทธศาสนานคร พุทธสมาคมนคร เป็นต้น โดยใช้งบประมาณตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2553 และเงินทำบุญจากพุทธศาสนิกชน

ภาพเคลื่อนไหวพิศวงศ์

ถ้ามองแล้วไม่เคลื่อนไหวให้คลิกที่นี่
http://race.nstru.ac.th/home/e-weblog/member/hussachai/index.php?entry_id=1084

การได้ยินของจรเข้


จรเข้ และคนแก่คล้ายกันอย่างหนึ่งอย่างน้อยที่สุดก็คือสภาพการฟังเสียง  โดยที่จรเข้สามารถได้ยินเสียงตัวโน้ตดนตรีที่มีความถี่สูงสุดไม่เกิน 4000 ครั้งต่อวินาที ขณะที่ความถี่สูงสุดที่มนุษย์ยังได้ยินถึง 20000 ครั้งต่อวินาที

จิราฟ สัตว์ที่สูงที่สุด


นอกจากจะสูงที่สูดของสัตว์ที่อาศัยอยู่บนภาคพื้นดินของโลกแล้ว จิราฟ (Giraffe) ยังเป็นสัตว์ที่มีช่วง ลำคอยาวที่สุด ส่งผลทำให้จิราฟ มีความด้นโลหิตสูงกว่าคนที่สุขภาพปกติถึงสองถึงสามเท่า และอาจเป็นสัตว์ที่มีความดันโลหิตมากที่สุดอีกด้วย อันเนื่องมาจากเป็นสัตว์ที่มีคอยาวดังกล่าวแล้ว มีความยาวสามเมตรถึงเกือบ 4 เมตรหรือประมาณ 10-12 ฟุตมีค หัวใจของจิราฟจำเป็นต้องมีแรงดันสูงมักในการปั้มเลือดผ่านเส้นเลือดไปยังสมอง  หัวใจของจิราฟจึงมีขนาดใหญ่มากถึง 11กิโลเศษ มีความยาวราวสองฟุตหรือมากกว่าครึ่งเมตร มีผนังหัวใจหนาถึงสามนิ้ว

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ทัศนะเกี่ยวกับการสอน

ครูสอนภาษาคนหนึ่งได้คิดเกี่ยวกับเรื่องที่สอนว่า วิธีการที่สอนดีนั้นต้องมีประสบการณ์นาน ซึ่งเขาได้ให้ทัศนะไว้ว่า สิ่งสำคัญมากอันเป็นสิ่งท้าทายสำหรับครูคนหนึ่งคือ การรักษาสภาพสมดุลระหว่างสิ่งที่เราต้องการจะสอน กับ อะไรที่เราควรจะสอน และสำหรับผู้เรียนอะไรที่นักเรียนของเราต้องการความรู้จากเราไปย่อยให้อยู่ในสภาพที่เขาใช้ได้ และอะไรที่พวกเขาตั้งใจที่จะรับเอาความรู้ไปย่อยให้พร้อมที่จะใช้ เขาสรุปในเรื่องนี้โดยยกคำคมที่เคยกล่าวกันไว้คือ เรื่องที่จะต้องคิดให้มากคือ ไม่ใช่อะไรที่เราสอนนักเรียนเนื้อหาสาระจำนวนมาก แต่ที่ต้องคำนึงถึงให้มากก็คือผู้เรียนเรียนรู้มากเท่าใดในชั้นเรียนที่สอน


ในความพยายามของครูต้องการทำแนวคิดที่ยากให้ง่ายสำหรับผู้เรียน ที่สามารถทำความเข้าใจได้ในชั้นเรียน บางครั้งผู้สอนก็ต้องลืมว่าตัวเองเป็นใครและ คิดให้ตัวเองเป็นผู้เรียนในชั้นคนหนึ่ง และจินตนาการว่าอะไรที่ต้องการเรียนรู้จากการฟังเลคเชอร์ และต้องการเรียนรู้มากขนาดไหนจากครูที่เล็คเชอร์ เรื่องที่ยากคือจริงแล้วเป็นครูไม่ใช่นักเรียนจริง แต่ทำให้ง่ายโดยการคิดในใจเสมอที่คิดสับเปลี่ยนบทบาทเพื่อให้รู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงระหว่างครูและผู้เรียน

ตุ๊กแกและจิ้งจก

เหตุการณ์นี้เกิดที่บ้านผมเอง จะเห็นว่าจิ้งจกคลานเข้ามาใกล้ตุ๊กแกคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน แต่ตุ้กแกจับกินเฉยเลย ในภาพที่สองจะเห็นหางจิ้งจกโผล่ให้เห็น คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย
หัสชัย

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ข้อคำนึงในการเขียนบทความสารคดีเผยแพร่สู่สาธารณชน

ที่ต้องคำนึงถึงก็คือ
-การลำดับเรื่องที่ดี  เขียนแล้วมั่วกลับไปกลับมาหรือไม่
-ทำให้เรื่องยากให้ง่าย ใช้วิธีการเปรียบเทียบ เช่นเปรียบเทียบโครโมโซมกับปาตั้งโกที่ม้วนไว้ เหมือนกับเทป อะไรเป็นยีน อะไรเป็นดีเอนเอ
-ใช้การ์ตูน ใช้ศัพท์เทคนิคที่จำเป็น ต้องนิยามดีเอนเอก่อน ในการทับศัพท์ บางอย่างก็ดี เช่นคอมพิวเตอร์กับคณิตกร ราชบัณฑิตไม่ได้ห้ามการทับศัพท์
-การใช้เทคนิคที่จำเป็น  การใช้แผนภาพ ผังประกอบ
-ใช้สำนวนภาษาให้เหมาะสมกับผู้รับสาร
-ตั้งชื่อเรื่องให้โดนใจ เช่นโคลนนิ่ง อาจใช้ว่า สำเนาสิ่งมีชีวิตจะน่าสนใจกว่าการใช้โคลนนิ่ง
-ติดตามผลงาน ให้มีเสียงสะท้อนกลับมาเพื่อการปรับปรุงพัฒนา งานเขียนของเราในครั้งต่อไป โดยพยายามนำเอาสามัญสำนึก (common sense)ที่อยากสื่อสารเป็นสำคัญ

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ข้อคิดดีๆ จากท่าน ว.วชิรเมธี


ดาวโหลดได้จากเพื่อนเฟสบุค

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ควันหลงการจลาจลที่กรุงเทพฯ

จากผลสำรวจหลายสำนักก็บ่งให้ทราบว่าคนไทยมีความสุขน้อยลงจากเหตุการที่เกิดขึ้น หรือกล่าวได้ว่ายามนี้คนไทยไม่มีความสุข ความจริงไม่ต้องมีการสำรวจก็รู้อยู่มีผลกระทบต่อจิตใจ ต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่เฉพาะบริเวณพื้นที่ชุมนุมและบริเวณใกล้เคียง แต่ยังสงผลกระทบไปยังต่างจังหวัด เพราะบางจังหวัดก็ต้องระดมตำรวจทะหารเข้าไปดูแลความสงบที่กทม.


ต้องยอมรับกันอีกอย่างว่ากรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาบุตรหลานต่างจังหวัดจะต้องเดินทางเข้ามายังกทม. เพื่อศึกษาเล่าเรียนเกือบทุกระดับ พ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดย่อมมีความกังวลเป็นธรรมดา ก็ได้ยินเสียงผู้ปกครองบอกลูกหลานว่า ห้ามเตือนว่าอย่าเข้าใกล้ที่ชุมนุม เพราะอาจถูกลูกหลงได้ เพราะเมื่อพูดถึงผู้ก่อการร้ายแล้วไม่ได้คำนึงถึงเหตุผล ไม่คำนึงว่าใครจะศูนย์เสีย ขอให้ได้ค่าจ้างทำตามคำบัญชาที่หลงผิด หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่ เมื่อเกิดแล้วก็ย่อมรู้สึกหดหู่ใจเป็นธรรมดา

การทำงานของเจ้าหน้าที่ทหารที่มีระเบียบวินัย ไม่ปรากฏอะไรให้เห็นว่าทหารจะใช้ความรุนแรงก่อนภาพพจน์ของทหารดีขึ้นมาก ผิดกับภาพพจน์ตำรวจที่ดูแย่ลงในสายตาของประชาชน ที่ประชาชนอาจคิดว่าทำงานไม่สมศักดิ์ศรี ตั้งแต่กรณีไปจับแกนนำ แต่สุดท้ายแกนนำกลับให้ตำรวจวางอาวุธและถูกควบคุมตัวไป ในแง่ดีก็คือไม่ก่อให้เกิดความรุนแรง แต่ข้อเสียก็อาจมีทำให้โจรผู้ร้ายไม่เกรงกลัวตำรวจอีกต่อไป ดังเช่นการที่ตำรวจไปจับยาเสพติดก็ถูกผู้ร้ายยิงสวนเสียชีวิต เป็นต้น และทำให้ประชาชนรู้สึกว่าตำรวจเป็นที่พึ่งประชาชนไม่ได้ และอาจต้องใช้เวลาในการรื้อฟื้นความเชื่อมั่นกลับมา

ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจนั้นมีค่ามหาศาลเฉพาะที่ราชประสงค์ และรอบนอก และรวมทั้งผลกระทบการท่องเที่ยว ในภาพรวมคงจะเสียหายนับแสนล้าน และคงมีผลกระทบต่อการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจจากการคาดการณ์ว่าจีดีพีจะเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 6 โดยเฉลี่ย แต่ตอนนี้คงต้องดูต่อไปว่าจะเหลือเท่าใด จากความสูญเสียทั้งชีวิต บาดเจ็บ ทรัพย์สิน เงินทอง นั้นทำให้หวลคิดว่าทำไมคนไทยต้องมาเข่นฆ่ากันเองอย่างปราศจากเหตุผลที่ชัดเจน ด้วยว่ารักประชาธิปไตยที่แท้จริงหรือด้วยเหตุผลแอบแฝงอื่น แต่ที่แน่ๆ ก็ต้องมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นทั่วโลก

ล่าสุดที่สอฉ.ออกมารายงานประชาชน ถึงความสูญเสียจากการปะทะกัน เมื่อกลุ่มนปช.ออกมาก่อกวนและโดนทหารยิงสกัด และจากการเสียชีวิตนั้น พบว่าไม่ได้มาจากทหารเป็นผู้ทำให้เสียชีวิต แต่เกิดจากการยิงกันเอง หรือจากประชาชนที่โกรธแค้นที่มาทำให้เขาลำบากจนทนไม่ไหวก็ออกมาทำร้าย กลุ่มนปช.เสี้อแดงได้เช่นกัน และในประเด็นหลังนี้ก็เป็นประเด็นที่นปช.น่าจะนำไปคิดให้มากว่าสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจ สร้างความยากลำบากให้คนโดยทั่วไปจริงหรือเปล่า มิฉะนั้นแล้วก็จะมีผู้โกรธแค้นออกมาทำร้ายกลุ่มนปช.เสี้อแดงอีกได้เหมือนกัน

เกาะติดสถานะการณ์การจลาจลที่กทม.

ได้ติดตามข่าวสถานะการณ์ชุมนุมด้วยใจที่เป็นห่วง ทำอย่างไรจึงจะคืนความสงบสุขให้คลืนกลับสู่ประเทศไทย จะยังไงก็แล้วแต่เราทุกคนต่างก็ได้รับผลกรรมที่เกิดขึ้นไม่โดยตรงก็โดยอ้อมโดยถ้วนหน้ากัน เราชาวอุดมศึกษามีเครื่องมือทางปัญญาอันทรงพลัง ก็คงต้องชี้แนะเสนอทางออก จากเหตุความสับสน ความวุ่นวาย จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นภาวะไร้ระเบียบ ที่ต่างประเทศพูดถึงกันถ้าหากรัฐควบคุมอะไรไม่ได้ เหมือนเป็นรัฐซ้อนรัฐแล้วประเทศเราก็จะเป็นประเทศที่ล้มเหลว (fail state)


ในรายละเอียดเกี่ยวกับรัฐที่ล้มเหลวนั้น ในรายการทีวีที่คุณแทนคุณเป็นผู้ดำเนินรายการ เชิญคุณ โสภณ สุภาพงษ์ มาพูดที่ทำให้เราได้ตระหนักว่าถ้าเราไม่ช่วยกันแล้ว เราอาจเป็นรัฐหรือประเทศที่ล้มเหลวแล้ว ต่างชาติอาจเข้ามาแทรกแซงได้ ตัวชี้วัดเริ่มเข้าข่ายมากขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นความเป็นรัฐชาติก็อาจสูญสลายไป ระบบเศรษฐกิจของเราก็จะล่มสลายตามไปด้ว ก็ต้องถามต่อวส่าแล้วเราจะอยู่กันอย่างไร

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็มีคนที่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นและมีคนบงการอยู่ด้านนอก คนที่ขุมนุมอยุู่นั้นเป็นเพียงเครื่องมือหรือเป็นเบี้ย ผู้บงการดังกล่าวนับว่าเป็นคนที่มีใจอำมหิตที่จ้องทำลายประเทศต้องการให้เป็นรัฐที่ล้มเหลว เขาก็บ่อนทำลายทำอย่างไรให้ประเทศวุ่นวายมีจราจล ให้มีคนตายมากเท่าไรยิ่งดีก็ยิ่งเข้าเงื่อนไขโดยไม่ต้องคำนึงเลยว่าเป็นการฆ่าทำลายคนที่บริสุทธิ์ เพื่อตอกย้ำว่ารัฐไม่สามารถให้ความคุ้มครองประชาชน ไม่สามารถควบคุมอำนาจรัฐ ใช้อำนาจรัฐได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

หากเราชาวมหาวิทยาลัย ชาวอุดมศึกษา ยังไม่ตระหนักในเรื่องที่ประเทศของเรากลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว เป็นเหมือนกับประเทศแถบอัฟริกาละก็ อยู่นิ่งเฉยต่อไป และรอวันที่มีต่างชาติเข้ามาแทรกแซงประเทศไทย และวันนั้นเราคงจะไม่มีอิสระพอที่จะทำอะไรได้อย่างอิสระอีกต่อไป สิ่งที่ชาวอุดมศึกษาทำได้ไม่เพียงแต่การคิด การพูด การกระทำ แต่ต้องใชัปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ที่จะแก้ปัญหาได้โดยสันติวิธีที่มีรูปแบบที่ชัดเจน

เมื่อประชาธิปไตยสดุด

หลายคนอยู่ไกลปืนเที่ยงจากสถานะการณ์ที่กรุงเทพฯ ต่างก็จับกลุ่มคุยกันติดตามสถานะการณ์ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย และต่างก็สรุปเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่อ้างมาแต่ต้นว่าเพื่อมาเรียกร้องประชาธิปไตยด้วยสันติวิธีนั้น ไม่เป็นความจริง แต่เป็นธุรกรรมอำพรางสำหรับกลุ่มบุคคลที่มีเป้าหมายอย่างอื่นที่เป็นที่รู้กัน


มีบางคนถามขึ้นมาว่าพวกที่มาก่อความวุ่นวายจริงๆ นั้นมีสักกี่คน ผู้เขียนก็ตอบไปว่าเป็นกลุ่มๆ เป็นร้อยคนก็มี ก็ได้ยินเสียงพูดต่อว่า นั่นแหละสักกี่เปอร์เซนต์ของคนทั้งประเทศ ซึ่งก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์ การก่อกวน ก่อความวุ่นวาย ก่อจลาจล รวมทั้งก่อการร้ายของคนกลุ่มนี้ รัฐบาลคงจะนิ่งเฉยดูดายไม่ได้ เพราะได้ประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนที่ได้รับความทุกข์ยาก อย่าได้ไปต่อต้านขัดขวางด้วยกำลังเอง แต่ขอให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ด้วยการบังคับใช้กฏหมายอย่างเข้มงวด ซึ่งการดำเนินการของรัฐบาลดูเหมือนจะไม่ทันใจผู้สนับสนุนนัก แต่ก็ทำให้เกิดความสูญเสียบ้างเป็นธรรมดา ถ้าดูช่วงเวลาคั้งแต่เริ่มมีการชุมนุมและมีการปะทะ ถ้านับการสูญเสียทั้งหมดที่เสียชีวิตรวมราวครึ่งร้อย แต่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ และความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงและเกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่คนเสียชีวิตจำนวนมากกว่าหลายเท่าจากอุบัติเหตุในช่วงวันสงกรานต์และวันปีใหม่ ซึ่งความรู้สึกแตกต่างกัน ที่ยังคงรู้สึกมีความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์มากกว่าโดยภาพรวม

เมื่อหันมาดูประชาธิปไตยที่เรียกร้องกันนั้น ก็ยังไม่ทราบแน่นอนว่าเข้าใจประชาธิปไตยกันหรือไม่ว่าคืออะไร ถ้ามีความเข้าใจก็คงไม่เกิดวิกฤตินำมาสู่การจลาจลอยู่ในปัจจุบัน ถ้าว่าไปแล้วประเทศที่เป็นประชาธิปไตยที่มั่นคงอย่างในอังกฤษและฝรั่งเศษนั้น ที่เริ่มประชาธิปไตยมายาวนานนั้น เริ่มต้นก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่ลัมลุกคลุกคลานมาเหมือนกัน ในอังกฤษมีการปลงพระชนกษัตริย์ อันเชิญกษัตริย์มาปกครองใหม่ มีการปฏิวัติ ในฝรั่งเศษมีการปฏิวัติเลิกระบบกษัตริย์ มีความวุ่นวายและปฏิวัติอีกนับสิบครั้ง และประชาธิปไตยในประเทศไทยหนีไม่พ้นที่จะต้องฟันฝ่าพงหนามอันเป็นอุปสรรค์ต่อไป แม้ว่าจะสะดุดเป็นครั้งคราว แต่ความรู้สึกของคนไทยน่าจะมีเหมือนกันไม่ว่ายุคไหนจะมีประชาธิปไตยเต็มใบหรือไม่เต็มใบก็ตาม ก็คือความมีอิสระภาพ ยังมีความเป็นไท ที่ยังทำอะไรต่ออะไรได้ และอาจจะเลยเถิดไปจนทำให้ไม่เคารพกฏหมายหรือละเมิดสิทธิผู้อื่นได้ง่าย โดยมองความเป็นธรรมกับพวกพ้องผู้มีพระคุณมากเกินไป

ควันหลงจลาจล ขอให้ความดีชนะความชั่ว

ภาพยนต์หลายเรื่องมักแสดงให้เห็นถึงคนดีและคนเลว หรือฝ่ายธรรมกับอธรรมต่อสู้กัน และมักจบลงด้วยฝ่ายดีชนะฝ่ายเลว หรือฝ่ายธรรมชนะอธรรม แต่ก่อนจะชนะได้นั้นฝ่ายอธรรมจะมีบทบาทสร้างความรุนแรงเสียหาย ฆ่าผู้อื่น จนกว่ามีฝ่ายธรรมมาปราบได้สำเร็จ ซึ่งตามเรื่องในภาพยนต์จะชี้ให้เห็นว่าฝ่ายผู้ร้ายมักมีฤทธิ์เดชมากกว่าจะปราบได้ก็สร้างความเสียหายได้มากมาย ทำให้นึกถึงการชุมนุมที่เกิดจลาจลที่กรุงเทพ คงจะเป็นอุทาหรณ์ได้เช่นเดียวกันว่า กว่าฝ่ายธรรมจะปราบได้ ก็ทำเอาเสียหาย สร้างหายนะได้อย่างคาดไม่ถึง


สังคมของเราหากเมื่อไรที่มีคนดีน้อยกว่าคนชั่วคนเลวเมื่อไร สังคมนั้นก็มีแต่ความวุ่นวาย เป็นสังคมที่ล้มเหลว ไม่สามารถอยู่กันอย่างสงบสุขได้ สังคมเราที่ยังดำรงอยู่ได้ก็เชื่อว่ายังมีฝ่ายดีมากกว่าฝ่ายเลว และไม่คิดที่จะทำลายล้างคนชาติเดียวกัน เหมือนกับสงครามระหว่างประเทศ การมีผู้ก่อการร้ายที่เป็นกองกำลังติดอาวุธ การทำให้กลับสู่ภาวะปกติต้องใช้เวลานานขึ้น ถ้าต้องการให้เข้าสู่ภาวะปกติเร็วก็อาจต้องใช้กำลัง และอาวุธเข้าปราบปรามที่อาจเกิดความสูญเสีย และไม่แน่ว่าจะมีการจองเวรกันต่อไปไม่สิ้นสุด แม้ว่าทางศาสนาจะสอนไม่ให้จองเวรกัน ตามคำสอนที่ว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร แต่ดูเหมือนว่า ก็ยังมีการจองเวรแก้แค้นกัน เรื่องนี้ฝ่ายธรรมะจึงต้องระมัดระวังมาก

นักปราชญ์เช่นดิวอี้เคยมีผลงานเขียนไว้ว่า มนุษย์อาจเจริญขึ้นได้ทั้งในทางดีและทางร้าย เช่นคนที่ฝึกหัดเป็นขะโมยแล้ว อาจพัฒนาไปในทางที่ชำนาญขึ้นกว่าเดิม คนที่ก่อการร้ายก็อาจพัฒนาไปในทางที่เลวร้ายหนักข้อขึ้นไปอีก นักการเมืองที่คอร์รัปชั่นอาจทำได้อย่างชำนาญขึ้นอย่างมิต้องสงสัย สำหรับคนทำความดีก็พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เพื่อต่อสู้กับพวกที่พัฒนาไปในทางที่เลวลง และคนดีจะท้อถอยไม่ได้ รวมทั้งจะต้องมีสติปัญญาเอาไว้แก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง

ทำวิกฤติประเเทศให้เป็นโอกาส

จากทฤษฎีความไร้ระเบียบ การเกิดจลาจลเผาบ้านเผาเมือง ทุบทำลายและเลือดนองแผ่นดินในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องไร้ระเบียบหรือมีความโกลาหลจนสร้างความเสียหายให้กับประเทศทั้งด้านทรัพย์สินและจิตใจอย่างเหลือคณานับ อย่างไรก็ตามที มีผู้กล่าวว่าในดีมีเสีย ในเสียมีดี เช่นเดียวกันในความไร้ระเบียบ ก็มีความเป็นระเบียบที่จะเกิดขึ้น เป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีที่เหมาะสมกว่าเดิม เพราะอะไรหลังจากสงบรำงับลงบ้างแล้วก็จะได้คิดได้ถึงสิ่งที่กระทำลงไปว่าเป็นการทำลายล้างตัวเอง ทำลายส่วนรวมทำลายประเทศเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรือไม่ คงต้องมีการนำกลับไปคิดว่าสิ่งที่ทำผิดถูกอย่างไร ดีเลวอย่างไร เป็นไปตามคำเตือนที่มีมากก่อนแล้วว่า การพัฒนาในโลกเสรีทุนนิยมที่ไม่มีธรรมาภิบาลกำกับอย่างเหมาะสมแล้ว การพัฒนาก็จะเป็นไปในทางที่กลับมาทำลายล้างตัวเอง และนี่ก็เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่ง


ยามนี้ความคิดเชิงบวกและความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่จะต้องมีเพื่อพลิกฟื้นความเชื่อมั่นและศรัธาและอีกหลายๆอย่าง เราต้องมีความเชื่อมั่นว่าประเทศยังเป็นที่น่าอยู่น่าอาศัย และเราต้องช่วยกันให้น่าอยู่น่าอาศัยมากกว่านี้ การที่เรามาอยู่ที่นี่ได้ไม่ใช่ด้วยความบังเอิญ แต่เป็นความรักความผูกพันธ์ที่มีมาแต่ครั้งเมื่ออดีตที่บรรพบุรุสของเราต้องหลั่งเลือดเพื่อรักษาแผ่นดินนี้ไว้ และเชื่อว่าทุกคนยังหวงแหนแผ่นดินนี้ เพียงแต่ว่าเราหลงผิด มัวเมาด้วยกิเลสตันหา สิ่งที่ทำได้ขณะนี้เพียงแต่เราหันหน้าเข้าหากัน เปิดกว้างที่ยอมที่จะรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายโดยมองไปที่ผลประโยชน์ส่วนรวม ไม่มองเฉพาะตัวเรา พวกเรา จังหวัดเรา แต่มองทั้งประเทศว่าจะได้อะไร และสร้างอะไรไว้ให้กับโลก

วันนี้เราอาจต้องทบทวนสร้างความเข้าใจระหว่างกัน แบ่งบัน ช่วยเหลือกันไม่แบ่งสีไม่แบ่งชั้น โรงเรียนต้องสอนความเข้าใจหัวใจประชาธิปไตย ให้มีความรักช่วยเหลือแบ่งบัน เข้าใจยอมรับความคิดเห็นที่ต่างกัน และพร้อมรับความเห็นที่ดีกว่าของผู้อื่นว่าเป็นสิ่งถูกต้องด้วยเหตุผลด้วยการพิสูจน์ยืนยัน ด้วยความเห็นพ้องในแน่วทางที่จะก่อให้เกิดความสงบสุข และทนไม่ได้กับผู้ที่จะมาทำลายล้างในสิ่งที่ดีงามที่เรายึดถือ แม้ในระดับมหาวิทยาลัยก็จะต้องมีการสอนวิชาบริการสาธารณะหรือการเรียนรู้จากการให้บริการเพื่อช่วยเหลือแบ่งบันแก่ผู้ด้อยโอกาส ผู้ขาดแคลนทำให้การช่วยเหลือผู้อื่นเป็นความสุขที่ได้กระทำ และรายวิชาที่จะพึ่งพาตนเอง และช่วยให้ผู้อื่นพึ่งพาตนเองได้

ถึงเวลาแล้วที่เราจะใช้วิกฤตของประเทศให้เป็นโอกาสที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ดีกว่า ด้วยการเปิดกว้าง หันหน้าเข้าหากัน เรียนรู้ร่วมกัน เรียนรู้กันและกันจึงจะพบสิ่งใหม่ โดยมองประโยชน์สาธารณะมากกว่าผลประโยชน์ตัวเอง ในระดับบุคคลเพียงแต่คิดทบทวนว่าเราได้ทำอะไรให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือไม่ หรือเราได้ทำประโยชน์อะไรให้กับโลกบ้าง เพราะว่าไม่ว่าเราจะทำสิ่งใดแม้กระทำโดยสุจริตถูกต้องกฏหมายก็ตามไม่โดยตรงก็โดยอ้อมก็ยังมีผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเรา บริษัทของเราอาจประสบผลสำเร็จสูงชนะคู่แข่ง ที่อาจทำให้อีกบริษัทล่มจมทำให้คนตกงาน หากเราไม่ช่วยเหลอกันแล้วสุดท้ายเงินสินทรัพย์มากมายเท่าใดก็ไม่ได้ช่วยให้เรามีความสุขไปได้ เราจะมีความสุขอยู่ได้อย่างไรเมื่อเพื่อนร่วมชาติของเรากำลังตกทุกข์ได้ยาก หรือเราจะเป็นสุขอยู่ได้อย่างไรเมื่อญาติพี่น้องของเราเจ็บป่วยทุกข์ทรมาน วิกฤติครั้งนี้จึงเป็นโอกาสให้เราได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่จะสร้างสังคมใหม่ที่สดใสกว่าเดิมแน่นอน โดยไม่ลืมที่จะเน้นความยุติธรรมของสังคมไม่ใช่ยุติธรรมที่ผลประโยชน์ส่วนตัว อันเป็นความคิดที่จะช่วยให้คนศรัธาต่อประชาธิปไตย

กับดักเมื่อประเทศไทยติดคุกชีวิต และทางออก

หลังช่วงอาฟเตอร์ซ็อกที่ทำเอากรุงเทพฯของเราเกือบเป็นทะเลเพลิง เหมือนกับว่าเรากำลังหาทางออกจากทะเลเพลงนั้นไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด หลายคนออกมาชี้แนะทางออกของประเทศ ทางเศรษฐกิจความทำอย่างไร เชิญพระมาพูดให้เราทำความดีเห็นอกเห็นใจกัน ไม่ซ้าเติมใคร ส่วนใหญ่ก็สรุปตรงกันว่า ที่ผ่านมาไม่มีใครชนะ มีแต่แพ้กันทุกคน บ้างก็ว่าถ้าเป็นอย่างนี้แล้วคือประเทศแพ้ แต่อยากจะบอกว่าประเทศนั้นแพ้ไม่ได้ชีวิตต้องดำเนินต่อไป (life must go on) ที่จะต้องหาหนทางออกจากการที่ติดคุกชีวิต ดังที่คุณศุภวรรณ กรีน ได้เขียนไว้นานแล้วคือ


" สังคมมนุษย์กำลังเดินทางออกจากกลียุคและเข้าสู่รุ่งอรุณของยุคมิคสัญญีแล้ว จากสังคมที่มีเพียงการเห็นกงจักรเป็นดอกบัวและมือใครยาวสาวได้สาวเอานั้นเริ่มมีปรากกฏการณ์ที่มนุษย์ฆ่ากันเองด้วยความเข้าใจผิดว่า มนุษย์เป็นสัตว์ เป็นปลา เป็นผักมากขึ้น มนุษย์ยุคนี้สามารถเข่นฆ่ากันโดยไม่มีความรู้สึกผิดแต่อย่างใด เหมือนการฆ่าสัตว์ ตกปลา และเด็ดผักมาทำอาหาร ฉันใดก็ฉันนั้น ความละอายและเกรงกลัวต่อบาปได้หายสาบสูญจากจิตใจของชาวโลกกลุ่มหนึ่งอย่างสิ้นเชิงแล้ว จึงก่อเหตุการณ์ฆ่ากันตายอย่างโหดร้ายทารุณในสังคมส่วนรวม ทำให้เกิดความสับสน วุ่นวายและความทุกข์ในหัวใจของปัจเจกชนคนหนึ่งๆ ตลอดจนถึงสังคมโลกอย่างมากมาย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ของการติดคุกชีวิต" นั่นก็คือการดำเนินชีวิตที่ไม่เป็นอิสระภาพที่แท้จริง เป็นความทุกข์ และหวาดกลัว การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าคือการค้นพบอิสระภาพที่แท้จริง และเป็นผู้นำพาชาวโลกออกจากคุกชีวิต มุ่งสู่ความมีอิสระภาพที่แท้จริงก็ตือพระนิพพาน นั่นคงจะเป็นหนทางที่เข้าถึงยากของคนธรรมดาสามัญที่ยังมีกิเลสก็คงจะต้องมองหาทางอื่นก่อนที่จะได้อิสรภาพที่แท้จริงอันเป็นอุดมคติ

การแก้ปัญหาเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ปรองดองนั้นก็คงต้องมองปัญหาให้รอบด้าน อาศัยการมองเชิงระบบของการแก้ปัญหา เป็นการปฏิบัติที่สอดคล้องกับการเป็นผู้นำชนิดใหม่ ที่ต่างสร้างแรงบันดานใจ ที่มีผลมาจากการค้นพบคุณสมบัติที่สำคัญของระบบชีวิตที่ บางครั้งคราวที่เราหรือประเทศของเราต้องเผชิญกับจุดที่ไม่มั่นคง ที่ซึ่งบางส่วนของระบบล่มสลายลง โครงสร้างใหม่ก็จะเกิดขึ้นมาแทนที่ การเกิดขึ้นของกฏระเบียบก็จะตามมาเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง โครงสร้างใหม่และรูปแบบใหม่ของพฤติกรรม อันเป็นจุดสำคัญอย่างหนึ่งของชีวิต กล่าวอีกอย่างหนึ่งได้ว่าเป็นผลของการคิดสร้างสรรค์ เป็นกลุ่มของรูปแบบที่มีความใหม่อย่างแน่ชัด การมีภาวะผู้นำจะหนุนส่งต่อไปอย่างต่อเนื่องในการปรากฏของโครงสร้างใหม่ ภาวะผู้นำเชิงระบบแบบนี้ไม่ได้จำกัดอยู่ในแต่บุคคลหนึ่งบุคคลใด แต่สามารถกระจายความรับผิดชอบไปยังทุกคน แล้วจะกลายเป็นความสามารถของทั้งหมด ที่พร้อมจะทะลุทะลวงออกจากคุกชีวิตก้าวสู่อิสระภาพที่เราใฝ่หา

รู้ล่วงหน้ามาก่อนอย่างไม่น่าเชื่อ

ย้อนไปเมื่อประมาณ 340 ก่อนคริสตศักราช อริสโตเติลได้สังเกตปลาโลมาออกลูกให้ชีวิตตัวน้อย ที่ยังคงเชื่อมต่อกับแม่ผ่านทางสายสะดือ (umbilical cords) ด้วยเหตุผลนี้เขาจึงคิดให้ปลาโลมามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นักชีววิทยาเห็นพ้องด้วยกับเขาเมื่อในอีก 24 ศตวรรษต่อมา หรือ 2400 ปีต่อมา

คำทำนายที่เป็นจริง

ในการกล่าวสุนทรพจน์ตอนที่เข้ารับรางวัลโนเบลทางเคมี สำหรับเครื่อง mass spectrograph และความรู้ที่เขาได้สร้างสรรค์ขึ้น โดยนักเคมีและนักฟิสิกส์ชื่อ Francis Aston เขาได้ประมวลมองภาพอนาคตว่าพลังงานจากอะตอมสามารถที่จะนำออกมาได้โดยมนุษย์ และยังได้พยากรณ์ต่อไปถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในที่สุด เขาได้กล่าวไว้ในปี 1922 ก่อนที่จะมีการนำพลังงานจากอะตอมมาใช้หลายสิบปี และทัศนะของ Aston ขณะนั้นได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเพียงเรื่องของนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์

แนวคิดที่เทคโนโลยีตามไม่ทัน

ผู้สร้างภาพยนต์ที่ได้รับรางวัลและทำรายได้มากที่สุดเรื่องหนึ่งคือ อวตาล โดยผู้กำกับคาเมรอน ได้กล่าวไว้ว่าได้คิดพล็อตเรื่องนี้ไว้นานหลายปีแล้ว แต่เทคโนโลยีในสมัยนั้นยังไม่ดีพอที่จะให้ผลงานออกมาได้ตามที่ต้องการ อันได้แก่ความสามารถด้านกราฟิกส์แอนนิเมชั่น ที่จะให้ตัวละครกราฟิกส์แสดงเป็นผู้แสดงให้เหมือนคนจริงๆ ได้ และได้ทำสำเร็จเมื่อเทคโนโลยีพร้อมนั่นเอง


ความจริงต้นแบบในเรื่องนี้ที่เห็นได้ชัด คือต้นแบบของคอมพิวเตอร์ ที่ออกแบบโดย ชาร์ล แบบเบจ และสร้างขึ้นโดยเทคโนโลยีสมัยนั้นที่อาศัยวงล้อและเฟืองเกียร์ ซึ่งไม่สามารถทำงานได้ แต่ได้ให้หลักการทำงานแบบดิจิทัล การทำงานโดยโปรแกรมที่มีใช้ในคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน เขาได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งคอมพิวเตอร์ แม้ว่าเขาจะสร้างคอมพิวเตอร์ให้ทำงานได้ไม่สำเร็จในขณะนั้น แต่หลักการในการทำงานเป็นแนวให้กับการสร้างคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ในทุกวันนี้

การสืบพันธ์ของพืชมีทั้งอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ

การสืบพันธ์โดยทั่วไปที่เห็นในสัตว์ นั้นส่วนใหญ่เป็นการสืบพันธ์แบบอาศัยเพศ มีเพศผู้เพศเมียมีการผสมกันระหว่างเชื้อของเพศผู้และไข่ของเพศเมียจึงได้เป็นตัวอ่อนที่จะเจริญเติบโตต่อไป แต่ในกรณีของพืชนั้นมีการสืบพันธ์ที่มีทั้งแบบอาศัยเพศและแบบไม่อาศัยเพศ สำหรับพืชที่อาศัยเพศเราก็เรียนรู้กันว่ามีเกสรตัวผู้และตัวเมียในตัวเมียก็จะมีไขที่เกสรตัวผู้เข้าไปผสมแล้วเจริญต่อไปเป็นเมล็ดที่จะงอกเป็นต้นเหมือนกับต้นแม่เดิม ส่วนพืชที่ไม่อาศัยเพศมีวิธีการมากมาย ดูแต่หญ้าในสนามหญ้ารากชอนไชไปที่ไหนก็มีหญ้าต้นใหม่เกิดขึ้นเป็นการสืบพันธ์แบบไม่อาศัยเพศอย่างหนึ่ง


การสืบพันธ์แบบไม่อาศัยเพศอย่างง่ายที่สุดแค่เซลล์เดียว อย่างพวกสาหร่ายก็ใช้วิธีการแบ่งตัวจากหนึ่งเป็นสองไปเรื่อยๆ ก็สามารถขยายพันธ์ได้เร็ว ต้นไม้พวกเป็นหน่อ เป้นหัวก็เป็นแบบสืบพันธ์ไม่อาศัยเพศก็ทำให้ได้ต้นใหม่เหมือนต้นแม่เช่นกัน แต่มีวิธีการสืบพันธ์ที่คิดประดิษฐกันขึ้นมาเช่นการติดตา ทาบกิ่ง ตอน ดังกล่าวนี้นั้นก็ไม่ได้อาศัยเพศเช่นเดียวกัน ซึ่งบางครั้งสามารถที่จะนำพืชชนิดหนึ่งไปใช้กับต้นตอของต้นไม้อีกชนิดได้ การสืบพันธ์แบบไม่อาศัยเพศแบบต่างๆ นั้นทำให้ได้พืชใหม่ที่เป็นรุ่นลูกเหมือนกับรุ่นแม่ การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นก็โดยการผ่าเหล่า หรือ mutation นั่นเอง

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิถีแห่งความรู้แจ้ง

ได้รับซีดีแผ่นหนึ่งจากเพื่อน ซื่อว่า "เสียงอ่านหนังสือ วิถีแห่งความรู้แจ้ง" ของอาจารย์ปราโมทย์ มาโมชโซ สวนสันติธรรม ศรีราชา บันทึกในรูปแบบ MP3 ที่ 128 Kbps แจกเป็นธรรมทานห้ามจำหน่าย ที่แผ่นซีดียังระบุไว้อีกว่า อ่านโดย พระอาจารย์กฤช นิมมโล สถานีวิทยุสังฆทานธรรม คลื่น FM 89.25 สำหรับผู้ที่ต้องการแผ่นซีดีนี้ไปฟัง ติดต่อขอยืมได้ที่ห้อง 13104 อาคารศูนย์วิทยาศาสตร์ ที่กำลังจัดทำเป็นศูนย์สื่อดิจิทัลหรือห้องสมุดซีดีรอม ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจัดทำโดยกองทุนคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


จากข้อความบนแผ่นซีดีดังกล่าวแล้วทำให้นึกถึง สถาบันการศึกษาอีกแห่งหนึ่งคือมหาวิทยาลัยบูรพาชลบุรี ที่พวกเราเคยไปดูงานที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ และแน่นอนที่คณะวิทยาศาสตร์ได้แจกหนังสือให้เราสามเล่มชื่อว่าวิทยาศาสตร์สำหรับประชาชน มีเนื้อหาเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันทั้งสามเล่ม และแต่ละเรื่องที่มีอยู่ในหนังสือนั้นก็ได้นำไปออกรายการสถานีวิทยุของมหาวิทยาลัยมาแล้วทั้งสิ้น แต่ละเรื่องก็คงออกรายการหนึ่งครั้ง หรือสองครั้งถ้าเป็นเรื่องยาว

เช่นเดียวกันซีดีที่ได้รับแจกมาก็ได้อ่านผ่านทางสถานีวิทยุสังฆทานธรรม แล้วยังเผื่อแผ่ผู้อื่นโดยบันทึกลงแผ่นซีดีแจกจ่ายอีก เพื่อแผ่ขยายเนื้อหาวิถีแห่งความรู้แจ้ง ในส่วนของมหาวิทยาลัยบูรภาไม่ทราบว่าทำอยู่ในรูปของแผ่นซีดีด้วยหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือแผ่นซีดี นั้นถือว่าเป็นผลงานที่มีเจตนาดีที่อยากเผยแพร่ผลงานที่ดีๆสู่สาธารณะชน ทำให้นึกว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏของเราก็มีสถานีวิทยุ มีรายการอะไรต่างๆ มากมาย น่าจะรวบรวมเป็นโมโนซีรีย์ คือเรื่องที่ใกล้เคียงกัน จะพิมพ์เป็นหนังสือหรือบันทึกแผ่นซีดีแจกจ่าย หรือจะจำหน่ายเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายก็ย่อมทำได้ ซึ่งก็จะเป็นวิถีแห่งความรู้แจ้งจากเรื่องราวต่างๆ ที่นำเสนอผ่านรายการวิทยุ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ฟังในวันที่มีออกรายการ แต่สามารถเลือกหาฟังหรืออ่านได้ภายหลัง

ควันหลงงานวิสาขะบูชาเมืองนคร

ปีนี้เป็นปีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏได้เข้าไปมีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพหลัก โดยดูจากแผ่นป้ายโลโก้ผู้ร่วมจัดงานที่มีตราของราชภัฏเป็นหนึ่งในกรรมการจัดงานหลัก และเป็นที่น่ายินดีปีนี้มีพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวมาร่วมงานมากเป็นพิเศษ ทำให้พื้นที่ในวัดแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่มาบำเพ็ญกุศล โดยการเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุ ซึ่งความจริงเป็นการเวียนรอบพระด้านทั้งสี่ และรวมอุโบสถทางด้านใต้เข้าไปด้วย ประมาณการหนึ่งรอบคงไม่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร มีหลายคนสงสัยว่าทำไมเรียกว่าเวียนเทียน ทั้งๆที่ความจริงมีธูปดอกไม้ด้วย น่าจะเรียกว่าเวียนเทียน ดอกไม้ และธูป ในงานนี้เห็นป้ายไวนินของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ขึ้นสโลแกนว่า "เทียนให้แสง รามคำแหงให้ทาง" เมื่อนึกถึงปรัชญาของมหาวิทยาลัยราชภัฏที่ว่าประทีปถิ่นประเทืองไทย ก็น่าจะเพิ่มไปว่า ประทีปถิ่นราชภัฏนครประเทืองไทย อะไรทำนองนี้ ให้มีชื่อราชภัฏนครอยู่บ้างก็แล้วกัน


ในปีนี้ที่เป็นที่น่าสังเกตอีกอย่างก็คือผู้คนที่มาคลาคลำแน่นวัดนั้น ไม่ใช่จะมีแต่คนแก่คนเฒ่า แต่จะมีวัยรุ่น คนหนุมสาวและเด็กมากขึ้นเป็นพิเศษ จะมาจากสาเหตุจากการประชาสัมพันธ์ หรือการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ที่ส่งผลให้มาร่วมงานกันมาก ถึงขั้นที่ว่า เมื่อถึงเวลาการแสดงมโนราห์ที่หน้าอุโบสถนั้นไม่สามารถจะจัดแสดงได้ตามเวลาเพราะต้องกันผู้คนออกจากเวทีแสดง และกันคนที่กำลังเวียนเทียนอยู่ออกไป ทำให้นางมโนราห์ นายมโนราห์ไม่สามารถออกมาแสดงได้ ต้องฝ่าฝูงชนออกมาจึงได้แสดง พร้อมกันนั้นก็มีการแสดงแสงสีเสียง ที่ให้ชื่อว่าการแสดงแสง และเสียงมินิไลน์แอนด์ซาวด์ ที่ต้องให้ชือ่ภาษาอังกฤษทำให้ดูเท่ห์อาจจะเป็นกระแสดึงคนหนุ่มสาวได้บางส่วนกระมัง ลักษณะก็มีการฉายลำแสงไปที่องค์พระธาตุเป็นลวดลาย และบนท้องฟ้าด้วยแสงสีต่างๆ สลับกันไปกับการจุดพลุเป็นระยะ แต่ดูเหมือนว่าการจุดพลุจะระมัดระวังเป็นพิเศษ จึงออกมาไม่ค่อยอลังการณ์เท่าที่ควร

การที่มีผู้คนมาเยอะๆ เช่นนี้ การจะแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์อะไรน่าจำทำให้เป็นที่รู้กันในวงกว้าง และแน่นอนว่าเมื่อมีเทศกาลงานบุญหลักๆ ที่มีการจัดงานก็จะมีคนจำนวนมากมาร่วมงานทั้งกลางวันกลางคืน ถ้าเป็นไปได้ถ้ามหาวิทยาลัยจะใช้เผยแพร่ผลงานและชือ่เสียงของมหาวิทยาลัยให้เป็นที่ประจักษ์ ก็น่าจะเตรียมรูปแบบการนำเสนอในลักษณะที่สามารถทำได้ไว้ก็น่าจะเป็นผลดีต่อมหาวิทยาลัย

ประหยัดไฟฟ้าแบบเก็บเล็กผสมน้อย

การประหยัดพลังงานเป็นเรื่องสำคัญ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ต่างก็พยายามหาทางลดการใช้พลังงานลง ที่เห็นได้ชัดคือการออกแบบซีพียูในเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยลง ทำให้ใครที่ซื้อโน้ตบุครุ่นหลังๆ สามารถใช้แบตเตอร์รีได้นานขึ้น บางรุ่นใช้แบตเตอร์รีได้นานถึง 8 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเสียบปลั๋กเลยทีเดียว


ในมือถือรุ่นใหม่ๆ เมื่อชาร์ตแบตเตอร์รีจนเต็มแล้วจะมีตัวบอกว่าไฟเต็มแล้วให้ถอดเครื่องชาร์ตออกจากเต้าเสียบด้วย บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมากไม่จำเป็นต้องเอาออกเสียบคาไว้ก็ได้ เพราะไม่ได้ชาร์ตก็ไม่เปลืองไฟฟ้า แต่ความเป็นจริงนั้น มีไฟฟ้าผ่านเครื่องชาร์ตลอดเวลาถ้ายังไม่ดึงออกจากเต้าเสียบ แต่ในปริมาณที่ไม่มากนัก แต่ถ้าทิ้งไว้นานๆ ไปจับดูจะรู้สึกอุ่นๆ แสดงว่าเครื่องชาร์ตยังทำงานอยู่ตลอดเวลาสิ้นเปลืองไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา และผลเสียอีกประการหนึ่งก็คือ ทำให้เครื่องชาร์ตนั้นเสื่อมเร็วขึ้น

ยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายอย่างที่เรามักจะเสียบปลั๊กทิ้งไว้ เพราะเห็นว่าเมื่อจะใช้ก็เปิดสวิตช์ที่ตัวเครื่องอีกที ซึ่งมีเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดที่มีการต่อใช้ไฟฟ้าไว้โดยไม่ผ่านสวิตช์เมื่อเราเปิดเมื่อใช้ เช่นทีวีแบบเปิดปุ๋บติดปั๋บ เครื่องไมโครเวฟ เครื่องคอมพิวเตอร์ ในกรณีเครื่องคอมพิวเตอร์เราสามารถทดสอบง่ายๆ ให้ใช้เม้าแสงเสียบที่พอร์ทยูเอสบี จะเห็นว่าแสงทีเม้าซ์จะติดอยู่ตลอดเวลา เพราะมีไฟมาเลี้ยงที่ช่องยูเอสบีอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าจะยังไม่ได้เปิดสวิตช์ใช้คอมพิวเตอร์อยู่ก็ตาม ดังนั้นถ้าหากต้องการประหยัดไฟฟ้าส่วนนี้ได้อีกก็ควรถอดปลั๋ก หรือมีสวิตช์อีกชั้นก่อนต่อเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ มีข้อดีจากการถอดปลั๋กออกไม่ให้เสียบค่าเต้าเสียบไว้ก็คือ ในหน้าฝนที่มีฝนฟ้าคะนองมักจะมีไฟฟ้าจากภายนอกรั่วไหลเข้ามาทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายได้ถ้าไม่ถอดปลั๋ก และขณะนี้ก็เข้าหน้าฝนแล้ว ก็พึงระวังความสูญเสียจากฟ้าผ่าดังกล่าว

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

นอกจากแอร์คาร์ดแล้วยังมีแอร์พอร์ท

เราทราบกันดีว่าแอร์คาร์ดเป็นเป็นโมเดมความเร็วสูงที่ใช้ติดตั้งกับโน้ตบุคผ่านทางพอร์ทยูเอ็สบี แล้วสามารถจะเข้าถึงอินเตอร์เน้ตได้ทุกที่ทุกเวลาจริง ทำให้โน้ตบุคเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานติดต่อสื่อสาร


แต่มีอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าแอร์พอร์ท (air port) ไม่ได้แปลว่าสนามบิน แต่เป็นอุปกรณ์ติดต่อกับเรื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายชนิดหนึ่งมีพอร์ทยูเอ็สบีในตัว คอมพิวเตอร์สามารถส่งสัญญาณมาพิมพ์กับเครื่องพิมพ์ที่ต่อกับพอร์ยูเอ็สบีระยะไกล สามารถส่งเพลงจากคอมพิวเตอร์ไปยังเครื่องรับนี้ที่ต่อลำโพงไว้ได้โดยผู้อื่นไม่รู้ว่าเพลงมาจากเครื่องเล่นใด ก็นับว่าช่วยอำนวยความสะดวกไม่ต้องมีสายระโยงระยางกับเครื่องคอมพิวเตอร์แถมยังจัดให้อยู่ระยะห่างไกลออกไปโดยไม่รู้ว่าต้นตอมาจากไหน

ทฤษฎีการคิดที่เก่าแก่ที่สุด

แม้ปัจจุบันเรายังศึกษากันถึงเรื่องการคิดของมนุษย์ทำอย่างไรให้คิดได้ คิดเป็น คิดอย่างมีเหตุผล แล้วเราก็บอกว่าการที่ใครคนใดทำอะไรที่ไม่ค่อยเข้าท่าว่าคิดไม่เป็น ทั้งนี้เพราะการคิดมีผลต่อการกระทำ จากคำพูดที่ว่า คิดทำอะไรก็จะได้อย่างนั้น ถ้าคิดดีก็จะได้ดี คิดชั่วก็มักจะได้ชั่ว แต่ที่เราศึกษากันมากก็คือทำอย่างไรให้คนคิดอย่างมีวิจารณยาน คิดอย่างมีสร้างสรรค์ และคิดได้อย่างมีเหตุมีผล ซึ่งการคิดทั้งสามที่กล่าวมานั้น เป็นการคิดที่พึงประสงค์อยากจะให้มีขึ้นในตัวคน เพราะคนที่มีการคิดทั้งสามอย่างนี้เกิดขึ้นในตัวแล้ว จะเป็นคนที่ไม่เป็นพิษเป็นภัย มักจะไม่คิดในทางชั่วร้ายนั่นเอง


ทฤษฎีการคิดที่เก่าแก่ที่สุดที่ได้อธิบายว่าการคิดเกิดขึ้นได้อย่างไรถึงรากที่มา และยังได้อธิบายไปมากกว่านั้นถึงที่มาว่ามันก่อให้เกิดความทุกข์สุขอย่างไร อันชี้ให้เห็นว่าการคิดก่อให้เกิดอารมณ์และส่งผลก่อให้เกิดการคิดอีก มีอารมณ์รักโลภโกรธหลง ก็เพราะการคิด และพื้นฐานที่มาที่ก่อให้เกิดอารมณ์ ก็คือความรู้สึกหรือเวทนาจากการรับรู้ และก่อให้เกิดความจำหรือสัญญา นั่นคือการรับรู้ ความรู้สึก อารมณ์ นำไปสู่การปรุงแต่งคือการคิดซึ่งก็คือสังขารของเรา อันเป็นภาวะทางจิตล้วน ที่มีใจหรือวิญญาณเป็นเป็นที่ตั้งที่รับสภาวะทางจิตทั้งหลาย ทฤษฎีการคิดที่ว่านี้ก็คือขันธ์5 โดย 4 ใน5 ส่วนนั้นเกี่ยวข้องกับการคิด อีกส่วนหนึ่งอ้ันได้แก่รูปที่มีองเห็นจับต้องได้นั้นก็เป็นสิ่งที่อยู่เคียงคู่กับจิตอันเป็นตัวคิด กายที่ไม่มีจิตหรือไม่คิดก็เหมือนกับท่อนไม้ จิตที่ไม่มีกายหรือกายที่เสื่อมสลายตายไปก็คงเป็นได้แค่วิญญาณหรือพล้ังงานรูปหนึ่ง

พัฒนาการที่เคียงคู่มากับคอมพิวเตอร์

คำกล่าวนี้ยังคงเป็นจริงที่ว่ายิ่งคอมพิวเตอร์พัฒนาขึ้นเท่าใดก็จะเป็นตัวช่วยพัฒนาด้านอื่นๆ ตามไปด้วยทุกทาง ยิ่งเราเห็นคอมพิวเตอร์พัฒนาขึ้นมากเท่าใด ก็คิดได้ว่าวงการอื่นๆ ก็พัฒนาไปเร็วเท่านั้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เครื่องใช้อำนวยความสะดวกต่างๆ รวมไปถึงการประยุกต์ใช้ทางการศึกษา


คอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ไปในทางที่ช่วยให้เราทำอะไรได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ประหยัดขึ้น เราจะเห็นได้ชัดขึ้นว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต่างก็ต้องมีคอมพิวเตอร์เข้าเป็นส่วนหนึ่งในผลิตภัณฑ์นั้น ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีความฉลาด อัตโนมัติทำให้การดำเนินชีวิตง่ายและสะดวกขึ้นกว่าเดิม ทำให้คนเราได้มีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากขึ้นแต่ไม่จำเป็นว่าจะต้องเต็มไปด้วยความเร่งรีบเสมอไป

สังคมมนุษย์กำลังเป็นสังคมที่ใช้คอมพิวเตอร์กันเป็นเหมือนเรื่องปกติธรรมดา และความสามารถของคนก็พัฒนาขึ้นไปกว่าเดิมมากตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ขณะนี้เราอาจจะได้ยินข่าวถึงความเก่งของเด็กที่ทำอะไรได้มากกว่าเด็กสมัยก่อน เช่นเด็กรุ่นใหม่แม้อายุเพียง 4 ขวบก็สามารถทำอะไรบางอย่างเท่ากับผู้ใหญ่เมื่อก่อน ดังปรากฏเป็นข่าวว่าเด็กอายุ 4 ขวบสร้างงานมัลติมีเดียด้วย movie maker ของระบบปฏิบัติการวินโดว์ได้ทำให้เด็กบางคนเป็นเศรษฐีตั้งแต่ยังเด็ก หรือทำให้คนเป็นเศรษฐีได้ตั้งแต่ยังหนุ่มเพียงแต่ให้มีความคิดสร้างสรรค์ สร้างสรรค์สิ่งที่แตกต่างสร้างกระแสนิยมขึ้นมาได้ดังผู้สร้างเครือข่ายสังคม face book

การพัฒนาการอย่างไม่หยุดยั้งอันเนื่องจากความสามารถของคอมพิวเตอร์และความคิดสร้างสรรค์ที่ใส่ให้กับคอมพิวเตอร์ในรูปของซอพท์แวร์อย่างไม่หยุดยั้ง เป็นไปในแนวทางที่ทำให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลมากขึ้นกว่าเดิมเสมอ เป็นไปตามหลักการคุณภาพแบบองค์รวมที่ว่าคุณภาพและความสามารถสามาถเพิ่มขึ้นได้เสมอเมื่อทำอะไรที่แตกต่าง

กรณีการผูกขาดของซอพท์แวร์กับวินโดว์7

กรณีที่มีการฟ้องร้องกันอย่างมากในเรื่องความพยายามที่จะผู้ขาดการใช้ซอพท์แวร์บางตัวในระบบปฏิบัติการ เช่นเบล้าเซอร์ การที่ไมโครซอพท์ฝังตัวอยู่ในระบบปฏิบัติการเลยและไม่สามารถถอนออกจากระบบปฏิบัติการ ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งซึ่งเคยมีการร้องเรียน และเป็นเหตุให้ผู้พัฒนาเบล้าเซอร์บางตัวต้องล้มหายตายจากไป เช่นเนสเคป เป็นต้น ในเรื่องนี้อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของบริษัทไมโครซอพท์ที่ถูกตั้งข้อรังเกียจ จนกระทั่งไมโครซอพท์ต้องยอมถอยในระบบวินโดว์ 7 ที่เพิ่งวางตลาดไปไม่ถึงปี จะเห็นว่ามีหลายอย่างที่ไม่ได้ฝังตัวไว้เหมือนเมื่อก่อน แต่เป็นระบบที่สามารถถอดถอน ติดตั้งใหม่ได้


ในวินโดว์7 จึงมีเบล้าเซอร์ที่สามารถถอดถอนติดตั้งเบล้าเซอร์อื่นแทน รวมทั้ง movie maker และ ส่วนการรักษาความปลอดภัย ป้องกันไวรัสเป็นต้น

บทบาทของแฮกเกอร์

ปกติแล้วแฮกเกอร์ คือผู้ที่พยายามเจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ผ่านทางอินเตอร์เน็ต เข้าไปทำอะไรบางอย่างที่แสดงว่าสามาถควบคุมคอมพิวเตอร์ตามที่ตัวเองต้องการ หรืออาจจะเพียงเข้าไปเขียนข้อความไว้ว่าเป็นการศึกษาแถมแนะนำว่าจุดอ่อนอยู่้ที่ใด สำหรับแฮกเกอร์ทีใจร้ายอาจไปทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เขาเสียหาย หรือทำลายข้อมูล แต่การกระทำของแฮกเกอร์กลับเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเจ้าของผลิตภัณฑ์ เช่นที่เกิดขึ้นกับไอโฟนที่มีผู้เจาะระบบเข้าไปในศูนย์การควบคุม และสามารถที่จะเข้าไปแก้ไขใส่ระบบปฏิบัติการที่ไม่ได้รับอนุญาติ แต่ทำให้บริษัทแอปเปิลได้รู้ว่ามีจุดอ่อนตรงไหน ที่ทำให้ผู้อื่นเจาะเข้ามาในระบบได้ ทำให้ปิดจุดอ่อนได้ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถที่จะใช้โทรศัพท์ที่ซื้อมาไม่ถูกต้องใช้ระบบของไอโฟนได้อีกต่อไป แฮกเกอร์ก็ต้องหาทางแก้อีกต่อไป


ปกติแล้วแอปเปิลได้พัฒนาเครื่ืองมือขึ้นมาเพื่อพัฒนาโปรแกรมประยุกต์บนมือถือเอง ใช้คอมไพล์เลอร์ของตัวเอง ซึ่งเมื่อเร็วนี้บริษัทอโดบี้ ได้ใช้เครื่องมือของอโดบี้เองในการพัฒนาโปรแกรมประยุกบนมือถือ ทำให้แอปเปิลเองไม่พอใจนักในเรื่องนี้ที่ต้องไปทำความตกลงกับผู้ร่วมพัฒนาใหม่ว่าไม่ยอมรับเครื่องมือของบริษัทอื่น และดูเหมือนว่าอโดบี้เองก็ตั้งท่าจะฟ้องแอปเปิลในเรื่องนี้ที่กีดกันไม่ให้ใช้เครื่องมือของตนเอง

ระบบปฏิบัติการมือถือแอนดรอยที่ไม่ธรรมดา

ระบบปฏิบัติการมือถือที่ google พัฒนาขึ้นเพื่อใช้บนเครื่องมือถือที่เรียกว่าแอนดรอย(Android) โดยเคอร์เนลอันเป็นแกนกลางการควบคุมมาจากระบบปฏิบัติการลินุกซฺ์ ที่google ประกาศเปิดเผยตัวโปรแกรมให้กับผู้ที่ไปพัฒนาต่อจึงทำให้ค่ายมือถือหลายค่ายช่วยกันพัฒนาแอปปลิเคชั้นให้รวมหัวกันแข่งกับไอโฟนของแอปเปิลที่ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ให้ผู้อื่นไปพัฒนาต่อได้


ถ้าพิจารณาถึงยุทธวิธีการให้ฟรีระบบปฏิบัติการแอนดรอยนั้นละม้ายคล้ายคลึงกับประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ตอนที่เริ่มมีไมโครคอมพิวเตอร์ในยุคแรกๆ เครื่องแอปเปิลเคยครองตลาด แล้วถูกตีตกไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ไอบีเอ็มที่เปิดเผยสถาปัตยกรรมทุกอย่างให้คนไปพัฒนาต่อทำให้เครื่องพีซีเจริญรุดหน้าไปเหนือกว่าแอปเปิล จนมีอยู่่ช่วงหนึ่งแอปเปิลก็คิดจะเป็ดเผยสถาปัตยกรรมทั้งหมดเพื่อให้ผู้อื่นได้มาช่วยพัฒนา คราวนี้ประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอยอีกที่ google ได้ทำให้ระบบปฏิบัติการมือถือมีประสิทธิภาพบางอย่างก็ดีกว่าคู่แข่งน่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะมีหลายค่ายช่วยกันพัฒนา ระบบปฏิการนี้น่าจะมีอนาคตไกล เพราะมีหลายแบรนด์ได้พัฒนาออกมาจำหน่ายแล้ว รวมทั้งแบรนด์ที่ googleสนับสนุน และกำลังใช้ระบบปฏิบัติการนี้กับกระดานอิเลคทรอนิกส์เช่นเดียวกับไอแพดของแอปเปิล

ความสามารถของแอนดรอยที่เหนือกว่าบางเรื่องเช่นการซิงค์ข้อมูลระหว่างเครืองโทรศัพท์มือถือกับระบบอีเมลล์ดังเช่นในGmail การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในgmail อินเตอร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่นรายชื่อเบอร์โทรศัพท์ หากโทรศัพท์ศูนย์หายเบอร์โทรศัพท์รายชื่อก็จะไม่ศูนย์หายเพราะมีอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในบัญชีของ gmail แล้วเป็นต้น

ยอดขายสะท้านโลก

เรื่องที่ฮือฮากันมากเมื่อเร็วนี้ก็คือการทำตลาดของสตีป จ็อบซีอีโอบริษัทแอปเปิลที่เปิดตัวกระดานอิเลคทรอนิกส์ไอแพด ที่มียอดการสั่งจองจำนวนมากผลิตไม่ทันต้องระงับการสั่งจองนับเป็นการทำตลาดชั้นเซียนทีเดียว และที่จองไว้แล้วส่วนใหญ้่ก็อยู่้ในประเทศอเมริกา ซึ่งจำหน่ายไปแล้ว 1 เดือนทำยอดขายได้ถึง 1 ล้านชุด ความจริงค่ายไมโครซอพท์ก็ได้ออกจอระบบสัมผัสที่เขียนกับปากกาที่ออกแบบเฉพาะลงบนหน้าจอมาแล้ว แต่ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ เมื่อแอปเปิลมาทำใส่ลักษณะอื่นๆลงไปพร้อมกับมีระบบปฏิบัติการที่ใช้ง่ายทำให้ได้รับความนิยมสูง


อย่างไรก็ตามใช่ว่าไมโครซอพท์จะไม่ประสบผลสำเร็จเอาเสียเลย ถ้าว่าไปแล้วไมโครซอพท์ก็ประสบผลสำเร็จเกินคาดในวินโดว์7 แต่ไม่ฮือฮามากคนไปสนใจกับการทำตลาดของสตีปจ็อปเสียมากทำให้ดูเหมือนว่าวินโดว์7 เป็นธรรมดาไป หรือเพราะว่าขายวินโดว์มาหลายเวอร์ชั้นแต่ละเวอร์ขั้นด้วยยอดขายไม่น้อย สำหรับวินโดว์ 7 เพราะเพียง6 เดือนที่วางตลาดวินโดว์7 สามารถขายไลเซนต์แกะกล่องทั่วโลกได้ถึง 100 ล้านชุดทีเดียว ก็ถือว่าเป็นยอดขายสะท้านโลกได้อีกรายการหนึ่งที่อาจจะเหนือว่าไอแพดด้วยซ้ำ

วินโดว์ 7 ที่แตกต่าง

การเปลี่ยนรุ่นขอระบบปฏิบัติการจากเอ็กพีหรือวิสต้า มาเป็นวินโดเซเวนก็ต้องมีส่วนที่ดีกว่าเดิมหรือมีลักษณะอื่นที่ทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น ก็จะยกตัวอย่างบางประการที่ได้ทดลองใช้


การเปลี่ยนพื้นหลังหรือแบคกราวด์สามารถที่จะตั้งเวลาให้เปลี่ยนเวลาตามที่ต้องการได้ คลายกับเป็นสไลด์โชว์ได้ทันที ที่โดนเด่นมากคือการจัดการวินโดว์ เช่นการเปิดวินโดว์ไว้หลายวินโดว์พร้อมๆ กันหลายอันจนไม่รู้ว่าอันไหนซ้อนอันไหน เพียงให้เอาเม้าซ์ไปชี้ที่ทาสบาร์ก็จะมีพรีวิวให้ทราบว่ามีจออะไรเปิดอยู่บ้างพอรู้ได้ว่าอะไรเป็นอะไร และเมื่อจะทำงานกับหน้าต่างไหนก็คลิกที่หน้าต่างนั้นก็เข้าสู่การทำงานทันที ในกรณีมีอยู่หลายหน้าต่างที่เปิดอยู่ ถ้าต้องการเน้นมาใช้หน้าต่างหนึ่งหน้าต่างใดโดยเฉพาะ ก็ใช้เม้าซ์จับหน้าต่างนั้นเขย่ารั่วๆ แล้วจะทำให้หน้าต่างอื่นหายไปเหมือนกับการสลัดหน้าต่างอื่นทิ้งไปให้หมดนั่นเอง และในกรณีที่จะเปิดสองหน้าต่างพร้อมกันในหน้าเดสท็อปเดียให้เลื่อนหน้าต่างนั้นไปทางขวากับทางซ้ายแล้วจะปรับขนาดหน้าต่างให้ครึ่งของหน้าจอโดยอัตโนมัติ และถ้าต้องการอันหนึ้่งอันใดเต็มจอก็เลื่อนหน้าจอนั้นไปด้านบน

การดูเครื่องมือปฏิทินและนาฬิกาว่าเวลาเท่าใดแล้วจะมีปุ่่มลางขวาสุดให้เลื่อนเม้าซ์ไปที่นั่นแล้วก็จะแสดงเดสท็อปให้เห็นพร้อมซึ่งมีปฏิทินนาฬิกาให้เห็นและเลื่อนกลับก็จะมาที่หน้าจอที่กำลังทำงานอยู้่

และที่น่าจะมีประโยชน์มากอีกอย่างคือการมี Library ที่แบ่งออกเป็น library ย่อยๆ เช่นmusics library document library และอื่นๆ การทำได้เช่นนี้ทำให้ข้อมูลของเครื่องมาอยู่ที่เดียวกันทำให้ค้นหาได้ง่ายกว่าเดิม

ในส่วนการรักษาความปลอดภัย มีส่วนที่ให้มาเรียกว่า microsoft security essential ที่ให้ดาวโหลดซอพท์แวร์มาติดตั้งได้ ทำให้ไม่ต้องใช้โปรแกรมควบคุมไวรัสอื่นมาติดตั้ง แต่ยังรับประกันไม่ได้ว่าดีว่าโปรแกรมควบคุมกำจัดไวรัสอื่น เช่น นอร์ตัน แมกกาฟี หรือ น็อต


อย่างอื่นๆ หากเจออะไรที่มีประโยชน์ก็จะเล่าสู่กันฟังอีก

แนวคิดการแก้ปัญหาความขัดแย้ง

วันนี้ได้พบหนังสือแจกเล่มเล็กๆ ที่หน้าปกเขียนว่าขจรทศทิศ ด้านล่างของปกทำเป็นรูปทีวี เขียนว่าครูตู้ ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนเรียบเรียงรวบรวม ทราบแต่ว่ามาจากโครงการพบกันครึ่งทาง เนื้อหามีเพียง 50 หน้า ที่เป็นการรวบรวมคำสอนบางส่วนของปูชนียบุคคลที่ได้เผยแพร่ความรู้ในทางโลกและทางธรรมจากเอกสารต่างๆ มีข้อคิด ข้อแนะนำ คำคมที่ถ้าได้ปฏิบัติแล้ว น่าจะแก้ปัญหาที่เรากำลังประสบอยู่ตามสถานะการณ์ปัจจุบัน


ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าเกิดมีรอยร้าวขึ้นในสังคมระหว่างคนหลายคนเกิดมีรอยร้าว ซึ่งหนังสือเล่มเล็กนี้ได้บอกว่าการหาวิธีสมานความร้าวลำบากยุ่งยากมาก ถ้ารอยร้าวนั้นท้้งกว้างและลึกอาจต้องอาศัยฝีมือคุณหมอเทวดา ถ้าหมอท่านเมตตา แต่สำหรับบางคน การสร้างความร้าวฉานคืองานชิ้นโบว์แดง หนังสือนี้ไม่ได้อธิบายให้ต่อเนื่องว่าจะแก้ความร้าวฉานอย่างไร แต่ไปปรากฏในหลายที่ของหนังสือที่น่าจะเป็นหนทางแห่งการแก้ปัญหา

สิ่งที่นายกรัฐมนตรีเคยพูดไว้ว่าไม่อยากที่จะเปิดบาดแผลสร้างบาดแผลของสังคมให้มากขึ้น และนายกก็เคยพูดไว้ว่าจะท้อไม่ได้ สอดคล้องกับหัวข้อ ไม่่อ่อนแอ ไม่ท้อแท้ ไม่หวั่นไหว ในอีกหัวข้อหนึ่งคือรักเพราะรักหรือรักเพื่อจะรัก ที่บอกว่าการแก้ปัญหาที่เฉียบขาดที่สุดก็คือรักเขา และทำให้เขารัก การให้ที่เหมือนง่ายแต่ยากมากคือ การให้อภัย และให้ข้อคิดอีกว่า มีสักกี่คนที่รู้สิ่งที่ตนคิดว่าดีนั้น มันไม่ดี หรือดีน้อยกว่าไม่ดีสุดท้ายในหัวข้อนี้ที่นำไปพิจารณาได้คือ คนกตัญญูมักไม่ชั่วร้าย และสำหรับการคิดที่ดีต้องมีความรอบคอบ มีเหตุผล และสร้างสรรค์ คนไม่มีทุกข์คือคนที่คิดอยู่เสมอว่าการไม่ได้ตามที่ปรารถนาเป็นเรื่องธรรมดา การเรียนรู้โดยไม่คิดเป็นการสูญเปล่า..แต่การคิดโดยไม่เรียนรู้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง

เรื่องสุดท้ายของหนังสือเล่มเล็กนี้คือ หัวข้อใหญ่ว่า การบ้าน หัวข้อย่อยลงมาคือ วันนี้ทำดีหรือยัง โดยให้ข้อคิดว่าผู้ให้คือผู้ได้ ผู้รับคือผู้สูญเสีย การให้การรับมีหลายอย่าง เราได้ให้ ได้รับอะไรบ้างกี่ครั้งในเรื่องต่อไปนี้

สิ่งของ, โอกาส, ความช่วยเหลือ, การชี้แนะ, การยอมรับ, การต้อนรับ, ความรู้สึกดีๆ,ความเบิกบาน, ความเป็นใหญ่, การให้อภัย, อิสระ, อำนาจ, ความเมตตา, ธรรมมะ

ข้อสุดท้ายธรรมะนั้นหนังสือนี้ยังได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่าฝ่ายธรรมนั้น พอใจในสิ่งที่ตนมี สนใจในการสร้างเหตุ มุ่งการเสียสละ สนใจใฝ่รู้ความจริง ส่วนฝ่ายอธรรมนั้นจะยินดีพอใจของคนอื่น สนใจแต่ผลประโยชน์ที่ได้รับ มุ่งการครอบครอง และเพลิดเพลินอยู่กับภาพมายา

การแก้ปัญหาเป็นการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความสงบเป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง พระพุทธองค์ได้บอกทั้งปัญหาและวิธีแก้ไว้แล้วเพียงแต่จะทำตามหรือไม่เพียงไร โดยมีข้อคิดว่า ถามทำไม ถ้าไม่คิดแก้ปัญหา และถามทำไมถ้าไม่คิดเอาคำตอบไปปฏิบัติ


อ้างอิง จากหนังสือ ขจรทศทิศ ตามโครงการพบกันครึ่งทาง พิมพ์ที่โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2551

ควันหลงอุษาคเนย์

ได้มีโอกาสฟังเรื่องอุษาคเนย์จากวิทยากร ที่ไม่ตรงกับที่ตั้งใจว่าจะไปฟัง และได้ทราบว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะการสื่อสารที่ผิดพลาดอะไรสักอย่าง (communication breakdown) เนื่องจากวิทยากรเป็นผู้สอนด้านรัฐศาสตร์การเมืองในออสเตรเลีย ตัวอย่างเปรียบเทียบการเมืองในออสเตรเลียที่แตกต่างจากชาวอุษาคเนย์ ซึ่งเป็นมุมมองที่ดูว่าชาวอุษาคเนย์ ในยุคแรกๆ และแม้ปัจจุบันก็ตาม ที่ไม่ได้ยอมรับว่าตัวเอง(ออสเตรเลียเป็นส่วนหนึ่งของเอเซีย) แม้ว่าประเทศห้อมล้อมจะเป็นเอเซียก็ตาม จากการฟังวิทยากรก็พอสรุปได้ว่า ถ้าคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของเอเซียแล้ว กลั่วว่าส่วนไม่ดีของเอเซียจะชักนำให้ออสเตรเลียตกต่ำไปด้วย จึงยึดถือเอายุโรปเป็นต้นแบบดีกว่า และไม่นับรวมอยู่ในเอเซีย


หลังจากกลุ่มผู้ฟังมานั่งรับประทานของว่างก็มีการพูดคุยกันต่อ ก็อดไม่ได้ที่จะวิจารณ์ออสเตรเลียบ้าง ว่าจริงแล้วออสเตรเลียนั้นคนที่มาอยู่ออสเตรเลียช่วงก่อนเป็นประเทศก็คือนักโทษที่อังกฤษส่งมาอยู่ และต่อมากลุ่มชนเหล่านี้ก็กลายมาเป็นพลเมืองออสเตรเลีย ก็พยายามยกระดับตัวเองเพราะมีปมด้อยเรื่องนี้อยู่ด้วยจึงไม่มองให้เป็นส่วนของเอเซีย กลับไปยกเอายุโรปประเทศดั้งเดิมเสียมากกว่าแม้ว่าจะเคยปฏิเสธไม่ให้อยู่ร่วมแผ่นดินมาก่อน

อีกเรื่องหนึ่งที่วิทยากรชี้ประเด็นให้เห็นก็คือว่า เรารู้เรื่องเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านในอุษาคเนย์น้อยมาก และยกตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ว่าเป็นประเทศที่รู้เรื่องประเทศเพื่อนบ้านดีกว่าประเทศอื่นๆ ในอุษาคเนย์ด้วยกัน จะว่าไปอาจเป็นความจำเป็นของสิงคโปร์ที่เป็นประเทศเล็กไม่ค่อยมีทรัพยากรธรรมชาติ แต่เน้นด้านการค้ากับต่างประเทศเพื่อความอยู่รอดทำให้ต้องศึกษาเพื่อนบ้าน ในเรื่องนี้จำได้ว่าครั้งหนึ่งหลายสิบปีมาแล้วมีคนไปสัมภาษณ์ชาวอเมริกันว่ารู้จักประเทศไทยหรือไม่ ชี้ในแผนที่ก็ไม่ถูก และมักเรียกประเทศไทยผิดว่าใต้หวัน ตอนนั้นก็คิดได้ว่าประเทศไทยไม่มีความหมายอะไรต่อเขามากนัก มองว่าไทยยังด้อยพัฒนาที่เป็นประเทศหนึ่งที่รับความช่วยเหลือจากอเมริกัน และถ้ามองกลับมาที่เราตอนนี้ เราก็เริ่มให้ความสนใจประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ตั้งสถาบันเพื่อการศึกษา หรือหน่วยงานที่ให้ความสนใจประเทศต่างๆ อย่างน้อยเราก็มีศูนย์ศึกษาอินโดนีเซีย อเมริกันคอนเนอร์ การคิดตั้งสถาบันศึกษาอุษาคเนย์รูปแบบใดก็แล้วแต่เป็นเรื่องดี ถ้าทำให้จริงจังก็จะเป็นจุดเด่นได้ถ้าลงลึกด้านใดด้านหนึ่งให้จริงจัง

การเรียนรู้ประเทศเพื่อนบ้านทำให้เราเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมแต่ละที่ที่แตกต่างกัน สร้างความเข้าใจระหว่างกันได้ลดโอกาสที่จะขัดแย้งกัน และนำไปสู่ความสัมพันธ์ด้านอื่นๆ ลองจับประเด็นมาสักเรื่องไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะเห็นความแตกต่าง โดยเฉพาะสังคมวัฒนธรรม เช่นในเรื่องเพศ ศาสนาที่แตกต่างก็มีความเข้าใจเรื่องเพศที่แตกต่าง กฏระเบียบสังคมก็แตกต่างกันไป การกระทำในประเทศหนึ่งได้แต่ไปกระทำในอีกประเทศหนึ่งไม่ได้เป็นต้น

จากการที่โลกแคบเข้าการติดต่อถึงกันได้สะดวก เรียนรู้กันได้ง่ายมากกว่าเดิม เป็นช่องทางที่เราจะศึกษาชาวอุษาคเนย์ด้วยกัน คนลาวอาจไม่ชอบอาหารจานโปรดที่มีเป็ดเพราะคิดว่าเป็ดเป็นสัตว์ปากตลาดส่งเสียงร้องเทียบกับคนเหมือนไม่มีมารยาทอะไรทำนองนั้น แต่ลาบเป็ดอุดรเป็นที่ลือชื่อได้รับความนิยมสำหรับคนไทย และยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกหลายอย่างและมีหลายอย่างเช่นกันที่เรามีภาพลบต่อประเทศเพื่อนบ้านที่ดูเหมือนว่าจะลบล้างได้ยาก จากการที่ประเทศสยามเคยยิ่งใหญ่มาก่อน ขยายอานาเขตไปกว้างไกล ว่าสยามประเทศเคยทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านกวาดต้อนผู้คนมาก็มากในสมัยโบราณ และเกาะเล็กๆ เช่นลังกาวี มาเลเซีย ก็มีประวัติศาสตร์ว่า ศุลต่านและทหารออกไปรบกับทัพสยามโดยนำเสนอในรูปของวิดีโอให้นักท่องเที่ยวดู ซึ่งเป็นแง่มุมของประวัติศาสตร์ที่คงไม่มีอีกแล้ว แต่ก็มีผลทางด้านจิตใจที่ทำให้ห่างเหินจากเพื่อนบ้านที่อาจไม่ค่อยไว้ใจเราได้เช่นกัน แล้วเราจะนำเสนอเพื่อให้เกิดภาพที่ดีระหว่างกันอย่างไรก็น่าศึกษาอยู่เหมือนกัน

อย่าเพิ่งสิ้นหวังกฏแห่งกรรมยังมี

กฏแห่งกรรมค้นพบกันมานานตั้งแต่ครั้งพุทธกาลที่ ที่พระพุทธองค์ได้กล่าวไว้ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หว่านพืชชนิดใดย่อมได้พืชชนิดนั้น พูดสั้นๆตีความกันเอาเองว่าทำอะไรได้อย่างนั้น ด้วยพุทธวัจนะดังกล่าวนี้ก็เป็นที่มาของกฏแห่งกรรม การทำกรรมไม่ดีให้กลายเป็นดี เป็นการชดเชยการทำกรรมชั่ว ซึ่งก็ทำให้ช่วยเยียวยาลดความรุนแรงของกรรมลงได้บ้าง ดังที่กล่าวกันว่ากฏแห่งกรรมมีจริง แต่ไม่ใช่ว่าปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม อย่างไรก็ตามกฏแห่งกรรมก็ยังมีอยู่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ เพียงแต่จะทำให้กรรมหนักบรรเทาเบาบางลงหรือตัดกรรมได้ในที่สุด


ในทางวิทยาศาสตร์นิวตันเพิ่งค้นพบกฏในทำนองเดียวกับกับกฏแห่งกรรม ก็คือกฏการเคลื่อนที่ข้อที่สามที่ว่า เมื่อมีแรงกระทำใดก็ย่อมมีแรงต้านเกิดขึ้นเสมอในทิศทางที่ตรงกันข้ามกัน เป็นข้อพิสูจน์ยืนยันถึงกฏแห่งกรรมได้อย่างหนึ่งในเชิงวิทยาศาสตร์ ยิ่งเราศึกษาถึงลักษณะการถ่ายทอดทางพันธุกรรมสมัยใหม่ ซึ่งเชื่อมโยงการถ่ายทอดลักษณะต่างๆ ไปยังลูกหลานนั้นมีหลักฐานยืนยันว่าผลกระทำของพ่อแม่ มีผลถ่ายทอดไปยังยีนของลูกที่ก่อให้เกิดลักษณะต่างๆ ที่ผิดเพี้ยนไปได้ก็ถือว่าเป็นกฏแห่งกรรมทางพันธูกรรมอย่างหนึ่ง

เมื่อไม่นานมานี้ ได้ดูรายการโทรทัศน์ผู้จัดรายการได้กล่าวถึงกฏแห่งกรรมไว้ 3 ประการคือกรรมตามกฏหมาย หมายถึงว่าเมื่อทำผิดก็ถูกลงโทษตามกฏหมาย และหากไม่ถูกลงโทษตามกฏหมายก็อาจถูกลงโทษโดยสังคม ที่ไม่คบหาสมาคม ตำหนิตราหน้าจนไม่มีที่ยืนในสังคมได้ บางครั้งก็โดดลงโทษทั้งสองอย่างดังกล่าว และยังเป็นไปได้อีกข้อหนึ่งที่หากกฏหมายก็ลงโทษไม่ได้ สังคมก็ไม่เอาเรื่อง ก็ยังมีกฏแห่งกรรมที่ตามทันซึ่งอาจจะเกิดขึ้นวันใดวันหนึ่ง อย่างหาสาเหตุไม่เจอเหมือนกับว่าจะหาเหตุผลได้ยาก บางทีก็เรียกว่าฟ้าดินลงโทษ กฏแห่งกรรมในกรณีที่สามนี้ น่าจะรวมไปถึงการถ่ายทอดทางกรรมพันธ์ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงยีนของลูกหลานด้วย

ถ้าจะขยายความว่าคนที่ทำความชั่วความแล้วแม้สังคมกฏหมายก็เอาผิดไม่ได้ แต่ตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าได้ทำผิด ไม่ซื่อสัตย์อย่างไร ซึ่งเก็บบันทึกไว้ในจิตใต้สำนึก ก็จะนึกระแวงผู้อื่นเช่นเดียวกับที่ตัวเองได้กระทำไว้ ทำให้จิตใจไม่ปกติสุขได้อย่างหนึ่ง หากมีลูกหลานก็ไม่รู้จะสอนลูกหลานอย่างไรให้กระทำดี เพราะตัวเองก็ได้ทำสิ่งที่เลวร้ายมา สภาพจิตของผู้ที่กระทำกรรมชั่วบางครั้งก็แสดงออกมาทางกาย และส่งผลต่อลูกหลานอย่างแน่นอน สำหรับกรณีที่แม้ไม่ได้กระทำความชั่วร้ายใดๆ กรรมก็ยังมาตามสนองนั้น ไม่ได้ทำผิดอะไรก็ต้องมาประสบความเลวร้ายความทุกข์ ก็มีแต่ก็ยังมีทางที่จะเยียวยาได้ไม่ยาก สำหรับคนที่ทำกรรมชั่วแล้วกรรมตามทันมาถึงลูกหลานแล้วอย่างเห็นได้ชัดก็มี ดังนั้นอย่างเพิ่งสิ้นหวังพึงทำกรรมดีไว้ผลที่ได้จะมีแต่ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน แต่ถ้ายังทำกรรมชั่วต่อไปผลก็ย่อมได้ในทางเลวร้ายมากขึ้นไปอีก

ควันหลงวันสงกรานต์

สงกรานต์ปีนี้ดังที่ทราบกันดีว่ามีวิกฤติการเมือง ที่ชุมนุมกันไม่เลิกรา ผู้ประกอบการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวถึงกับออกมาประกาศว่าอาจจะทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ถึงแสนล้านทีเดียว เพราะยิ่งรัฐบาลมีความพยายามที่จะให้กลับสู่ภาวะปกติอย่างไร ก็ยังทำไม่สำเร็จ และรัฐบาลก็ยังคงใช้ความพยายามต่อไป ไม่ว่ามูลเหตุที่ก่อให้เกิดวิกฤติการณ์เช่นนี้ จะเริ่มมาจากใครมากน้อยเท่าใด ผลกระทบที่เกิดขึ้นก้จะเกิดกับคนทุกกลุ่มไม่ว่าอยากดีมีจน สำหรับคนที่พอจะมีเงินอยู่บ้าง ขาดทุนกำไรไปบ้าง หรือเสมอตัวก็ยังไม่ค่อยรู้สึกอะไร สำหรับคนจนอาจได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะลำพังไม่เกิดวิกฤติก็มีรายได้ไม่ค่อยพอใช้อยู่แล้ว เป็นหนี้เป็นสินอยู่ก็มาก ยิ่งการประท้วงที่ว่าอาจทำให้ขาดรายได้ไปถึงแสนล้าน แล้วแน่นอนว่ารายได้ของคนจนก็ต้องลดน้อยไปเป็นธรรมดา


สำหรับคนไม่เห็นด้วยกับผู้ชุมนุม เมื่อได้ยินว่าพวกผู้ชุมนุมจะไปปิดศาลากลาง หรือจะเผาศาลากลางในจังหวัดของตัวเอง กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยบางคนแทนที่จะห้ามปรามกับยุให้ไปปิดไปเผาก็ดี เผาบ้านเผาเมืองตัวเอง (ก็จะได้เดือดร้อนลำบากกันเอง) เพราะยิ่งมีเหตุการณ์วุ่นวายในจังหวัดใดมากคนก็จะไม่ไปเที่ยว มีการยกเลิกเที่ยวบัน รถทัวร์จำนวนมาก ส่งกรานต์ปีนี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวเกาะและชายทะเล ทางใต้ ก็ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวจำนวนมาก ภูเก็ต กระบี่ทำให้การจราจรติดขัดเป็นกระบวนยาวทีเดียว (เป็นสาเหตุหนึ่งหรือเปล่าที่นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงสถานที่ที่วุ่นวายมีความขัดแย้งทางการเมืองไปพักผ่อนจังหวัดที่ไกลจากปัญหาการเมือง (คิดได้ว่าพวกที่ยุให้เผาศาลากลางในต่างจังหวัด จะทำให้นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงมาเที่ยวในที่ที่สงบกว่า) นอกจากนี้มีผู้จัดการบริษัททัวร์แห่งหนึ่งเล่าให้ฟังว่า มีผู้ซื้อทัวร์เป็นกลุ่มจากทางใต้ไปเที่ยวจังหวัดในภาคเหนือ ยกเลิกการจองไปท่องเที่ยวเกือบหมด ทั้งนี้เพราะแขกรู้สึกไม่ปลอดภัยจากเหตุการณ์การประท้วง

สอดคล้องกับที่นักท่องเที่ยวทางใต้ก็ยังคงมีจำนวนมาก เส้นทางเข้าจังหวัดภูเก็ตและแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดกะบี่ จราจรหนาแน่นบางครั้งก็ทำให้รถติดเป็นทางยาว ประกอบกับปีนี้ราคายางพาราและปาล์มได้ราคาดี ทำให้เศรษฐกิจทางใต้ค่อนข้างดี ปีนี้จึงไม่ค่อยได้ยินข่าวอาชญากรรมมากนัก สำหรับการชุมนุมก็อาจส่งผลให้เศรษฐกิจที่ตกต่ำอยู่แล้วแย่ลงอีก นอกจากว่าผู้ชุมนุมได้กำลังใจเสริมพิเศษโดยวิธีใดก็แล้วแต่ ซึ่งถ้าเป็นวเช่นนั้นจริงก็จะเป็นการสร้างรายได้ให้กับผู้ชุมนุมที่ว่างงานไม่มีรายได้ หรือมีฐานะยากจน หาเช้ากินค่ำให้อยู่ร่วมชุมนุมต่อไป ส่งผลให้การชุมนุมยืดเยื้อ ตราบเท่าที่ยังได้รับแรงสนับสนุนกำหลังใจเสริมพิเศษและก่อให้เกิดรายได้ อย่างไรก็ตามจะเป็นการบั่นทอนความก้าวหน้า และทำให้ประเทศทดถอยยากจนลงในภาพรวมแน่นอน เออ.. แล้วจะช่วยกันอย่างไรดี

ให้กำลังใจนายกสนับสนุนนโยบายรัฐบาล

นับตั้งแต่เหตุการณ์ขอคืนพื้นที่ให้ประชาชน โดยพยายามผลักดันผู้ที่มาชุมนุมให้ออกนอกพื้นที่ แต่ก็ได้รับการต่อต้านทุกรูปแบบจากผู้ชุมนุม และสุดท้ายต่างฝ่ายต่างก็ต้องถอยเพราะมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายใช้อาวุธสงครามร้ายแรงเข้าแทรกแซงทำให้มีการล้มเจ็บล้มตายจำนวนมากทั้งสองฝ่ายนั้น ตามหลักฐานที่ได้ดูจากภาพและวิดีโอนั้น ประชาชนคงจะตัดสินได้ว่า กองกำลังนี้ทำเพื่ออะไร ทำให้การแก้ปัญหาให้ประชาชนนอกจากจะไม่สำเร็จแล้วยังซ้ำเติมให้สถานะการณ์แย่ไปกว่าเดิม แก้ปัญหายากขึ้นกว่าเดิม การเจรจาก็เกิดขึ้นได้ยากขึ้นอีก แนวโน้มความรุนแรงก็อาจเกิดขึ้นได้อีก


แต่จากการตรวจสอบพบว่าประชาชนก็ยิ่งให้ความสนับสนุนรัฐบาลมากขึ้น เห็นใจรัฐบาลมากขึ้นที่ได้ทำตามขั้นตอนสากล และฝ่ายทหารเป็นผู้ถูกกระทำล้มตายและบาดเจ็บจำนวนมากอย่างไม่เคยมีมาก่อนยังไม่พบหลักฐานใดที่ทหารทำให้ผู้ชุมนุมล้มตาย แต่มีภาพที่ผู้ชุมนุมทำร้ายทหารเป็นส่วนมาก เราจะไม่เห็นภาพที่ทหารกระทืบทำร้ายประชาชนเหมือนเมื่อก่อน ก็เป็นไปได้ทำให้คนเห็นใจทหารมากขึ้น และยังสนับสนุนรัฐบาลสำหรับหลักฐานที่พอจะดูได้จาก facebook ของท่านนายกรัฐมนตรีเองที่ท่านนายกเขียนมาเกือบทุกวันเหมือนกัน หลังจากเกิดเหตุกรณ์รุนแรงแล้วพบว่ามีคนสนับสนุนข้อเขียนของนายก และเห็นใจคอมเมนต์เข้ามาเพิ่มกว่าเดิมเกือบเท่าตัวในวันเดียวกัน เช่นเดียวกับ facebook รณรงค์ไม่ยุบสภาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นเด่นชัดหลังเกิดเหตุการณ์มากขึ้น ก็เพิ่มยอดขึ้นจนขณะนี้เกือบ 3 แสนคนแล้วที่เข้ามาเขียนสนับสนุน

การให้การสนับสนุนนายกรัฐมนตรี และยังคงสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ไม่ใช่จะได้มาโดยที่รัฐบาลไม่ทำอะไรเลย แต่เป็นเพราะนโยบายที่ส่งผลแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศได้ผลที่มีแนวโน้มอย่างชัดเจนว่าจีดีพีจะเพิ่มขึ้นมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรอบหลายปี หากไม่เกิดปัญหาวิกฤติในครั้งนี้คงจะได้เห็นอะไรดีๆ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ทำให้เศรษฐกิจของเราต้องมาสดุดลงไป นับเป็นความสูญเสียโอกาสทีจะก้าวไปข้างหน้าที่จะสร้างความมั่งคั่งให้ประเทศ เราทุกคนต่างได้รับผลที่เกิดขึ้นตามมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม ได้ยินจากข่าวจากแหล่งต่างๆ ที่มีความปรารถนาดีต่อประเทศโดยรวมว่า เราทุกคนต้องช่วยกันทำให้สงบ ไม่เฉพาะแต่รัฐบาล บางคนก็อาจบอกว่ามืดแปดด้าน บางคนก็บอกว่าถ้าแต่ละคนคิดและกระทำแต่เพียงว่าไม่ทำอะไรเลวร้ายลงไปกว่าเดิมก็ถือว่าช่วยเหลือประเทศแล้ว และถ้าช่วยให้คนคิดได้เลิกล้มที่จะทำร้ายทำลายประเทศก็จะได้กุศลมาก และในฐานะข้าราชการที่ยังไงก็แล้วแต่ เมื่อก่อนนั้นมีหน้าที่ที่จะต้องสนับสนุนนโยบายรัฐบาล นอกเสียจากว่ารัฐบาลทำผิดพลาดร้ายแรงก็อาจพิจารณาที่จะถอนการสนับสนุนได้เหมือนกัน

จุดเปลี่ยนประเทศไทย

จากเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงรัฐบาลเพื่อให้ยุบสภานำมาซึ่งความรุนแรงที่บาดเจ็บล้มตาย นับเป็นความสูญเสียใหญ่อีกครั้งหนึ่งที่ประเทศเป็นผู้สูญเสีย นั่นหมายถึงทุกคนเป็นผู้สูญเสีย เราคงจะบอกไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก ใครเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดผลเช่นนั้น แต่ที่เราจะบอกได้ว่าหากมีลางบอกเหตุใด เราไม่แจ้งเหตุเตือนภัยใดๆให้กับสังคม ไม่ได้เสนอแนะทางออกใดไว้ให้ เท่ากับเราได้นิ่งเฉยดูดายเหมือนไม่ได้ทำหน้าที่ของชาวอุดมศึกษา ลางบอกเหตุหลายอย่างบอกให้เราทราบว่า การพัฒนาของเราเป็นไปในทางที่จะกลับมาทำลายล้างตัวเอง แต่เราก็ยังไม่ได้คิดที่จะแก้ไขกันอย่างจริงจัง การศึกษาของเราก็ไม่ได้ช่วยให้คนเรามีความสำนึกเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้สอนให้คนมีทั้งความรับผิดชอบและภาระรับผิดชอบ เราจึงเห็นคนทำอะไรเพื่อตัวเองเป็นหลักในทุกระดับเพื่อผลประโยชน์ รายได้เงินทอง อันนำมาซึ่งความรุนแรงต่างๆ ในสังคมของเรา


วันนี้คงจะต้องเป็นวันที่เราต้องกลับมามองตัวเอง นำวิกฤติกลับมาเป็นโอกาส เพราะตามหลักสำคัญของชีวิตที่ค้นพบกันไม่กี่ปีมานี้ นั่นก็คือเมื่อชีวิตก้าวไปสู่จุดที่เกิดความไม่มั่นคง แล้วมีบางอย่างที่ล่มสลายลงไป และจะปรากฏสิ่งใหม่ที่ไม่เหมือนเดิมขึ้นมาแทนที่ อาจจะเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่จะให้ระบบคงอยู่ต่อไปในแนวทางที่ดีกว่าเดิม มีความมั่นคงกว่าเดิมโดยการเรียนรู้บทเรียนที่ผ่านมา นั่นก็คือถ้าเรายังทำอะไรอยู่เหมือนเดิมก็ยังคงให้ผลในแบบเดิม จึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นประเทศที่มีกฏระเบียบ มีวินัย เคารพกฏกติกากันมากกว่านี้ โดยจะด้วยวิธีการ ด้วยหลักการใหม่ๆอย่างไรคงจะมีหลายแนวทางและแนวทางนั้นเป็นไปเพื่อความสงบสุข แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถเริ่มได้ก่อนก็คือด้วยหลักธรรมศาสนาของเราที่ว่าทำความดีไม่ทำความชั่วและให้มีสติละลึกหลักธรรมอันนี้ให้ได้อยู่เสมอ แล้วเราคงจะไม่ต้องใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหา เพราะคนดีมีธรรมอยู่ในหัวใจไม่มีใครที่จะตัดสินปัญหาโดยการใช้กำลัง

ทุกคนช่วยชาติได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

จากการพูดคุยสอบถามความเห็นถึงการที่เราจะช่วยชาติกันอย่างไรได้บ้างในสถานะการณ์ปัจจุบัน บางคนตอบครั้งแรกก็อาจบอกว่าไม่มีปัญญาคนเก่งฉลาดกว่าเป็นไหนๆก็ยังแก้ไม่ได้เลย แล้วเราไกลปืนเที่ยงจะไปช่วยอะไรได้ แต่ก็มีหลายคนบอกว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปทางที่ดียังเป็นไปได้


เมื่อไรก็ตามที่เกิดปัญหาของชาติก็ส่งผลต่อคนทุกคน ทั้งความปลอดภัยในชีวิตทรัพสิน และสภาพจิตที่ถดถอย สภาพเศรษฐกิจที่อาจตกต่ำลง เมื่อไรก็ตามที่รัฐบาลต้องใช้กำลังจำนวนมากมาดูแลรักษาความสงบ นั่นหมายถึงการนำเงินภาษีอากรของทุกคนไม่ว่าจะจ่ายภาษีทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม ถ้าพิจารณาดูว่าใครจะเสียหายมากกว่ากัน ถ้าคนรวย หรือพอมีบ้างก็ไม่เดือดร้อนเท่าใดนัก แต่สำหรับคยยากจนก็อาจส่งผลกระทบทำให้รายได้ไม่พอค่าใช้จ่ายได้นั่นก็คือวงจรแห่งความยากจน

บางคนบอกว่าการช่วยชาติได้ก็ด้วยการกระทำ การกระทำโดยไม่กระทำอะไรให้เลวร้ายไปกว่าเดิม ก็ยังดีกว่าผู้ที่กระทำแล้วทำให้เกิดผลกระทบในทางถดถอยเลวลง คือเป็นผู้ไม่สร้างปัญหาแต่ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น แต่ถ้าใช้ความพยายามคิดต่อไปว่ากระทำอะไรที่จะให้มีประโยชน์ อาจโดยการพูดคุย สั่งสอนคนที่สอนได้ ส่งจดหมาย พูดโทรศัพท์ และเขียนแสดงความคิดเห็นที่ถูกต้อง การเขียน การพูด การสนับสนุนผู้อื่นให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ถือว่าเป็นการกระทำอย่างหนึ่ง

บางคนก็บอกว่าไม่ทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อน ไม่ทำให้ผู้อื่นลำบากใจ นั่นก็คือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เข้าใจผู้อื่นก็ถือว่าเป็นการช่วยชาติแล้ว เมื่อนึกถึงประเด็นนี้ว่าในโลกแห่งความสัมพันธ์นี้ ยากที่การกระทำของคนคนหนึ่งจะไม่กระทบถึงผู้อื่นเลย แม้ว่าคนเราจะเกิดมาต่างสถานที่ ต่างสถานะและโอกาส บางคนอาจจะประกอบอาชีพโดยสุจริตตามกฏหมายร่ำรวยขึ้นมาอย่างมหาศาล และขณะเดียวกันก็มีคนยากคนจนทั้งที่มีอยู่เดิมและเกิดใหม่มาทดแทน คนที่ร่ำรวยขึ้น ส่วนหนึ่งเงินที่ได้มาก็อาจมาจากคนจนไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ทางตรงคือการซื้อสิ้นค้าหรือบริการจากกิจการของคนรวย ทางอ้อมก็คือเมื่อธุรกิจของคนรวยก้าวหน้าสร้างความมั่งคั่งนั้น มีคนจำนวนหนึ่งอาจต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการดังกล่าว และคนกลุ่มนี้เป็นคนเดียวกับที่จ้างหรือให้ค่าตอบแทนคนจนกว่าอีกทอดหนึ่ง ถ้าพวกเขาต้องไปจ่ายค่าสิ้นค้าบริการคนรวยแพงมาก บางครั้งก็อาจทำให้เกิดการกดขี่ขูดรีดคนจนต่ออีกช่วงหนึ่งก็ได้ ดังนั้นคนที่ร่ำรวยจำนวนมาก ที่อาจตระหนักในเรื่องนี้จึงต้องคืนกำไรให้สังคมจำนวนมากเช่นเดียวกัน เพราะไหนๆ ทรัพสมบัติเป็นของนอกกายเอากลับไปไม่ได้สู้ทำประโยชน์ให้เกิดกับสังคมไม่ดีกว่าหรือ

บางคนพยายามบอกว่าต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน แรงมาก็แรงไป บางคนบอกว่าไม่ใช้กำลังในการตัดสินปัญหา ไม่ใช้ความรุนแรง ก็ขอแช่งชักหักหระดูกผู้ที่ทำในสิ่งเลวร้าย ใครก็ตามที่มีเจตนาไม่ดี กระทำยำยีให้ผู้อื่นเดือดร้อน เห็นแก่ตัวเป็นหลัก ก็ขอให้ทำอะไรต่อไปก็อย่าได้ประสบผลสำเร็จให้ขัดข้องหมองใจตลอดไป ให้เป็นโรคร้ายไม่สบายตัว ไม่สบายใจกายตัวตลาดไป ทำอะไรก็ให้ติดขัดขัดข้อง ช่วยกันส่งพลังจิตให้เขาได้สำนึกทำในสิ่งที่ดีก็ได้

ที่กล่าวมานั้นถือเป็นการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ให้สังคมเราดีขึน และเชื่อว่าสังคมใดก็ตามหากมีคนเลวมากกว่าคนดีสังคมนั้นก็จะอยู่ไม่ได้ หรือถ้าคนดีไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นเลยจะเรียกว่าคนดีต่อไปได้อย่างไร และคนชั่วคนเลวยังคงทำขั่วหนักข้อต่อไปอีกโดยคนดีไม่มาปรามแล้่วสังคมนั้่นก็หาความสงบสุขไม่ได้เช่นกัน กฏแห่งกรรมมีจริง แต่เราไม่รู้ว่าบางครั้งกรรมที่มาตอบสนองใครทำไว้ตั้งแต่เมื่อไรที่มาเกี่ยวข้องกับเราก็ไม่อาจทราบได้ แต่เราทำให้บรรเทาได้ ไม่ใช่ปล่อยตามยถากรรม