หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เมื่อประชาธิปไตยซื้อได้กินได้

ต้องยอมรับกันอย่างหนึ่งว่าการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยนั้น เรายังไม่มีความพร้อมมากนัก จึงทำให้ประชาธิปไตยไทยลมลุกคลุกคลาน และแม้กระทั้งในปัจจุบัน ประชาชนส่วนหนึ่งก็ยังไม่เข้าใจว่าประชาธิปไตยทีควรจะเป็นมันเป็นอย่างไร และการกระทำแบบใดที่เป็นการทำลายประชาธิปไตย และแบบใดจึงเป็นการส่งเสริมประชาธิปไตย การเรียกร้องประชาธิปไตยโดยไม่รู้กันว่าประชาธิปไตยคืออะไรกันแน่นั้นเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน


โดยทั่วไปในสังคมประชาธิปไตยเราต้องการคนดีมีความรู้มาช่วยกันเป็นพลังให้แผ่นดินในการแก้ปัญหาในการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนโดยส่วนร่วม หรือประโยชน์สาธารณะ โดยไม่ไปกระทบสิทธิบุคคลอื่นหรือทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน หรือถ้ามีบ้างก็ได้รับน้อยที่สุดหรือได้รับการชดเชย แต่โดยกระบวนการประชาธิปไตยของเราที่ใช้วิธีการเลือกตั้งตัวแทน นั้นกลับกลายเป็นว่าเราไม่ได้คนดีมีความสามารถแต่กลับได้นักการเมืองที่คิดกอบโกยผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องจำนวนมาก การกระทำทุกวิถีทางที่จะให้ได้เป็นผู้แทนปวงชนอันทรงเกียรตินั้น วิธีการหนึ่งก็โดยการซื้อเสียง หรือการให้เงินหรือสิ่งของในลักษณะของสินบน ว่าให้ไปเลือกตัวแทนตามที่กำหนด การให้สินจ้างรางวัลให้คนไปเลือกผู้แทนนั้นเป็นกระบวนการที่ทำลายประชาธิปไตยอย่างหนึ่ง เพราะทำให้เราได้คนที่ไม่ดีมาเป็นตัวแทนที่คิดจะกอบโกยหรือถอนทุนทีหลังได้

วิธีการซื้อเสียงมีรูปแบบต่างๆ โดยให้เงินผ่านตางหัวคะแนน หรือผ่านใครก็แล้วแต่ ถ้าใครที่รับเงินไปแล้วก็ต้องรับปากว่าจะไปเลือก บ้างว่าต้องกตัญญู กับผู้มีพระคุณช่วยเหลือทางการเงินก็ได้ไปช่วยเลือกผู้ แทน บางที่เมื่อรับเงินแล้วต้องสาบานด้วยว่าจะเลือกสนับสนุนคนที่หัวคะแนนบอก บางแห่งเมื่อรู้ว่าพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดเป็นที่เคารพนับถือก็เอารูปพระหรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมากับซองเงิน แล้วให้สาบานต่อพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้มาด้วย บางที่นอกจากให้เงินทอง สาบานแล้วยัง กันเหนียวอีกว่า หากได้รับเลือก ก็จะได้รับเงินอีกเท่านั้นเท่านี้ ให้เก็บคูปองนี้ไว้ขึ้นเงินอีกวิธีนี้ทำให้ได้แนวร่วมช่วยหาเสียงอีกต่างหาก เพราะหวังว่าจะได้เงินในอนาคต และนำมาซึ่งการเห็นได้ชัดว่าประชาธิปไตยกินได้ นอกเหนือจากนโยบายประชานิยมที่มานำเสนอกัน

การที่ประชาธิปไตยของเราล้มเหลวที่ผ่านมาเพราะใช้อามิสสิ้นจ้างเพื่อให้ได้เป็นผู้แทนของปวงชน ซึ่งแน่นอนว่าก่อให้เกิดปํญหาใหญ่ตามมาดังเช่นที่เห็นอยู่ทุกวัน ที่เราได้ผู้แทนที่ทำลายประชาธิปไตยมากกว่าที่จะเป็นผู้มาพัฒนาประชาธิปไตยให้มั่นคง โดยคนที่เข้ามาเป็นตัวแทนต้องเสียสละเน้นประโยชน์ส่วนรวม แต่เรามักจะเห็นว่าการกระทำแอบแฝงในหลายรูปแบบ ในลักษณะวัดครึ่งหนึ่งกรามการครึ่งหนึ่ง บ้างครั้งก็ซึ่งๆ หน้า โดยการแก้กฏหมายรอไว้เพื่อเข้าไปเบียดบังผลประโยชน์ส่วนรวม การคอร์รัปชั่นบางครั้งกฏหมายก็ไม่อาจยื่นมือมาลงโทษได้ และขั้นต่อไปกระบวนทางสังคมจะช่วยกันลงโทษโดยการแซงชั่น บอยคอต หรือประจานความเลวทรามจนอาจจะอยู่ในสังคมไม่ได้ และที่ชาวพุทธเชื่อมั่นในเรื่องกฏแห่งกรรมว่าใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ถ้าทำกรรมเลวก็จะได้รับผลเลว หากกระบวนการทางกฏหมาย และทางสังคมยังลงโทษไม่ได้ก็ยังมีกฏแห่งกรรม การลงโทษตามกฏแห่งกรรมเป็นไปในลักษณะที่ฟ้าดินลงโทษ หรือ มีอันเป็นไปบางครังก็หาสาเหตุไม่ได้

แล้วเราจะแก้ไขกันอย่างไร ผู้เขียนเชื่อในหลักการที่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นลักษณะของการวิวัฒนาการ จะเปลี่ยนแปลงปุบปับทันทีพร้อมเพียงกันทุกภาคส่วนนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่เราริเริ่มตั้งแต่วันนี้ได้ ที่จะให้การศึกษาแก่นักเรียนนักศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงระดับมหาวิทยาลัยทั้งในระบบนอกระบบ ให้คนเข้าใจประชาธิปไตยตั้งแต่ยังเล็กและทำต่อเนื่องทุกระดับ และจริงจัง นอกจากการศึกษาประชาธิปไตยในสถานศึกษาแล้ว การประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างๆ ก็ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ให้เข้าใจประชาธิปไตยในทางที่ถูกที่ควรเป็นอย่างไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น