หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

กองทัพหุ่นยนต์บุกประเทศไทย


เรานำหุ่นยนต์มาใช้ทำงานหลายอย่างในเชิงอุตสาหกรรม โดยออกแบบให้ทำงานเฉพาะทางด้านใดด้านหนึ่ง แต่หุ่นยนต์ที่ทำงานได้เหมือนมนุษย์ยังมีน้อยมาก ที่นำออกสู่ตลาดซื้อขายในเชิงพานิชย์ยังมีน้อยมากทั้งนี้เพราะราคายังแพงมาก แต่มีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนหุ่นยนต์เพิ่มมากขึ้น ในราคาถูกลงที่อาจจะมีคนบางกลุ่มซื้อหามาใช้ได้ เพื่อมาช่วยงานบางอย่างได้


เนื่องในวันวิทยาศาสตร์ที่จะถึงนี้ ประเทศไทยโดยองค์กรทางวิทยาศาสตร์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ และสายการบินไทย ได้รับความร่วมมือจากประเทศญีปุ่นที่จะจัดส่งหุ่นยนต์มาแสดงความสามารถให้คนไทยชม เกือบจะเช่าเหมาลำกันมาทีเดียว หลายคนอาจคิดว่าหุ่นยนต์จะต้องแพคใส่ลังมาอะไรทำนองนั้น แต่การขนส่งมาก็ให้หุ่นยนต์นั่งในที่นั่งของคนตามปกติ และเมื่อลงจากเครื่องบินก็ให้ลงมาตรวจคนเข้าเมืองเหมือนกับคนคนหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหุ่นยนต์นั้นสามารถแสดงอาการได้เหมือนคน แต่ที่ดีกว่าก็คือไม่ต้องกินอาหารไม่ต้องขับถ่าย เพียงแต่ต้องชาร์ตแบตเตอร์รีหรือเปลี่ยนเซลล์เชื้อเพลิงพลังงาน เพื่อเป็นแหล่งพลังงานให้หุ่นยนต์ทำงานต่อไป

การพัฒนาหุ่นยนต์ให้มีความสามารถมากเท่าใดนั้น จำเป็นต้องใช้ศาสตร์หลายแขนงในทางวิทยาศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์บางแขนง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่จะเป็นมันสมองให้กับหุ่นยนต์ วัสดุศาสตร์และกลศาสตร์ที่จะทำให้หุ่นยนต์เคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกสิ้นเปลืองพลังงานน้อยที่สุด และในมิติทางภาษา การรับรู้เพื่อที่จะฟังคำสั่งได้เช่นเดียวกับมนุษย์ และจะให้แสดงอารมณ์ให้เหมือนมนุษย์ได้มากน้อยเพียงใดเป็นต้น ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการพัฒนาหุ่นยนต์มากที่สุดประเทศหนึ่ง และได้มีการผลิตขึ้นจำหน่ายทางการค้าแล้วหลายรูปแบบ ดังปรากฏความก้าวหน้าจากการพัฒนาหุ่นยนต์จากประเทศญี่ปุ่นอยู่เนืองๆ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมประเทศญี่ปุ่นจึงมีความก้าวหน้า เพราะเฉพาะปี 2005 ตามบันทึกขององค์การสหประชาชาติ ญี่ปุ่นเป็นชาติที่จดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญามากที่สุดในโลกคือ 4 แสนกว่ารายการตามด้วยอะเมริกา และจีน ไม่แน่ใจว่าประเทศไทยจนได้เท่าใด แต่คิดว่ายังคงน้อยอยู่ การแสดงความสามารถของหุ่นยนต์ที่ส่งมาในครั้งนี้จะจุดประกายให้เราได้ตระหนักว่า เราจะตอบสนองต่อความก้าวหน้าด้านนี้อย่างไร


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น