หน้าเว็บ

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เมืองน่าอยู่ในต่างแดน

นับว่าผมโชคดีที่ได้ไปอยู่อาศัยในเมืองที่น่าอยู่ในต่างประเทศมากกว่า 1 ปีขึ้นไปคือที่เมืองฮิโรซากิ จังหวัดเอโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น และเมืองโคลัมเบียรัฐมิสซูรี ประเทศอเมริกา ทั้งสองเมืองนี้มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันคือเป็นเมืองขนาดเล็กพลเมืองไม่เกิน 1 แสนคน แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมือนเมืองใหญ่ๆ ที่เหมือนกันก็คือความปลอดภัย ทั้งสองเมืองบ้านเรือนไม่มีรั้ว หรือถ้ามีก็เป็นคันกั้นขึ้นมาเตี้ยๆ พอเดินข้ามได้ หรือไม่ก็ปลูกต้นไม้เตี้ยๆ ดังนั้นบ้านทั้งสองเมืองนี้จึงได้โชว์ความสวยงามของบ้านอย่างเต็มที่ไม่มีรั้วสูงๆมาบังไว้ ที่เมือฮิโรซากินั้นจะปิดร้านช่องเร็วเพราะเป็นเมืองหนาว มีร้ายโชว์ห่วยขายของเล้กๆ น้อยๆ รับล้างรูปถัดรูป เมื่อเราจะเข้าร้านไปซื้อของหรือไปอัดรูปล้างรูป เมื่อเข้าไปในร้านจะมีเครื่องหมายบอกว่าให้กดออดเรียกผู้บริการ เราต้องกดออดเรียกคนขายออกมา ทำให้นึกถึงบ้านเราสิ้นค้าเข้าของคงหายหมดร้านแน่ แต่คนญี่ปุ่นเมื่อไม่มีลูกค้าเข้าร้านคงไปทำอย่างอื่น และที่น่าสนใจอีกอย่างคือไม่มีอาชญากรรมหรือมีน้อยมาก เพราะที่สถานีตำรวจมีคุกแต่ไม่มีนักโทษเป็นส่วนใหญ่ถ้าจับมาอยู่ในคุกบ้างก็เป็นพวกขี้เมา รุ่งเช้าเขาก็ปล่อยไปแล้ว ทำให้เมืองนี้มีตำรวจหญิงมากกว่าชาย เอาไว้จับรถผิดกฏจราจรเสียมากกว่า คนเมืองนี้มักใจดีเป็นเกษตรกรปลูกแอปเปิลกันทั้งเมือง และอยู่ในจังหวัดที่มีต้นซากุระมากที่สุด มีคนต่างจังหวัดมาเที่ยวเมืองนี้มากกว่า 5 ล้านคนในแต่ละปี ขณะที่คนทั้งจังหวัดมีเพียง 1 ล้านคน


ในเมืองโคลัมเบียก็เช่นกัน การไปซื้อของสินค้า ไม่ว่าห้างใหญ่ห้างเล็กซื้อไปแล้วไม่พอใจใน 1 เดือนนำมาคืนได้แม้ว่าจะใช้ไปแล้วก็ตาม คนไทยบางคนไปแล้วไม่มีผ้าห่ม ไม่มีกล้องวิดีโอใช้ไปซื้อมาใช้พอใช้เสร็จก็เอาไปคืนก็มี เวลาไปเติมน้ำมันรถยนต์ส่วนใหญ่เราต้องเติมน้ำมันเอาเองแล้วมาจ่ายเงินทีหลังโดยมีตัวเลขบอกราคาอยู่ที่หน้าจอคนเก็บเงิน เมื่อจ่ายเงินเสร็จก็ขับรถออกไป นั่นก็แสดงว่าไม่มีค้นเบี้ยว จึงยังมีบริการเช่นนี้อยู่ และที่น่าทึ่งก็คือเมืองนี้ตั้งแต่ตั้งเมืองมาเคยมีอาชญกรรมฆ่ากันตายเพียง 1 ราย ทำให้เมืองนี้ได้รับการโหวดเป็นเมืองที่น่าอยู่อันดับ 5 ของประเทศ

เมื่อสองปีที่แล้วความจริงจังหวัดนครศรีธรรมราชของเราก็เคยติดอันดับเมืองน่าอยู่ที่สุดของประเทศร่วมกับจังหวัดเชียงราย คงจะมีมาตรวัดความน่าอยู่ต่างจากเมืองทั้งสองที่ผมเล่ามา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น