หน้าเว็บ

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การใช้ยานยนต์ให้ประหยัดพลังงาน 2

การประหยัดพลังงานในการขับรถยนต์นั้นมีหลายองค์ประกอบ ที่เป็นประเด็นหลักก็คือ ความเร็วในการขับขี่ การใช้เครื่องปรับอากาศ การใช้เกียร์ เบรค และยางรถยนต์ที่ใช้


ความเร็วรถแน่นอนว่ายิ่งขับเร็วยิ่งเปลือง แต่ก็มีเหมือนกันที่ช้าเกินไปก็เปลืองเช่นกัน ในกรณีใช้เกียร์ต่ำตลอดเวลา แต่ความเร็วที่เหมาะสมที่สุดในการประหยัดน้ำมันคือตั้งแต่ 50 กม/ชม - 80 กม/ชม ควรเร็วสูงสุดตามกฏจราจรให้แค่ไม่เกิน 90 กม/ชม.

ส่วนการใช้เครื่องปรับอากาศรถยนต์แน่นอนว่าจะต้องเปลืองน้ำมันขึ้นถ้าใช้แอร์ เพราะระบบแอร์รถยนต์นั้นส่วนที่เป็นคอมเพรสเซอร์แอร์ นั้นใช้สายพานจากเครื่องยนต์มาหมุน หากเราปลดไม่ให้คอมเพรสเซอร์หมุนคือไม่ใช้เครื่องปรับอากาศก็ย่อมประหยัดขึ้น ดังนั้นถ้าอากาศไม่ร้อนมากนักไม่ควรเปิดแอร์ แต่ขณะที่ปิดแอร์ควรเปิดช่องให้มีการระบายอากาศถ้าไม่เปิดกระจก และเมื่อก่อนจะถึงเป้าหมายที่จะขับรถไปก็ควรปิดแอร์ก่อนสักระยะหนึ่ง

การใช้เกียร์ซึ่งประกอบด้วยเฟืองทดเมื่อต้องการแรงของกำลังรถยนต์ต่างกัน ตอนเริ่มออกรถต้องใช้พลังงานสูงก็จะต้องเป็นเกียร์ต่ำที่ให้กำลังงานสูง แต่เมื่อรถยนต์วิ่งด้ายความเร็วเพิ่มขึ้นต้องเปลี่ยนเกรียร์ไปที่ระดับสูงขึ้น การควบคุมเกียร์ไม่ถูกต้องจะทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูง เช่นการขับรถขึ้นเนินใช้เกียร์สูงรถยนต์จะกำลังตกทันที ต้องเปลี่ยนกลับมาเป็นเกียร์ต่ำจึงจะขึ้นเนินได้ดีหรือในกรณีรถยนต์ติดหล่มก็เช่นกันก็ต้องใช้เกียร์ต่ำช่วย เพราะเกียร์ต่ำได้ใช้เฟืองทดรอบส่งแรงได้สูงแต่ความเร็วจะตำ ทำนองเดียวกันเมื่อวิ่งรถทางเรียบด้วยความเร็งสูงด้วยเกียร์ต่ำก็ย่อมสิ้นเปลืองน้ำมันกว่า เพราะวิ่งได้ช้ากว่า จะสังเกตุเห็นว่าเครื่องยนต์จะทำงานหนักเสียงดังขึ้น ถ้าใช้เกี่ยร์ต่ำเกินไปในการวิ่งความเร็งสูง

การใช้เบรคก็มีส่วนในแง่ที่ว่าการเบรครถกระทันหันบ่อยๆ จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น เพราะการเบรคแต่ละครั้งเท่ากับการหักล้างแรงที่ไปข้างหน้า ให้ลดลงทันที แทนที่รถจะวิ่งได้ระยะทางกลับไม่ได้ระยะทาง แต่กลับต้องใช้น้ำมันเพิ่มในส่วนที่เบรคให้ความเร็วลดต่ำลง ดังนั้นก่อนถึง 4 แยกควรชลรถลงให้เบรคน้อยที่สุดก็จะประหยัดน้ำมันได้มากที่สุด

จากการศึกษาเรื่องดอกยางและลมของยาง นั้นมีความสัมพันธ์กับการใช้น้ำมันถ้าดอกยางสึกมากจะทำให้การเสียดทานระหว่างล้อกับถนนไม่ดี ทำให้ส่งแรงให้ล้อหมุนไปข้างหน้าไม่เต็มที่ ความดันลมยางที่น้อยเกินไปหรือมากเกินไปส่งผลให้ใช้พลังงานมากขึ้น ดังนั้นควรตรวจสอบทั้งดอกยาง และความดันลมในยางที่เหมาะสมอยู่เสมอ และที่สำคัญแม้มีดอกยางดียางต้องไม่เก่าเก็บ ทิ้งไว้ไม่ใช้ก็เสื่อมคุณภาพต้องเปลี่ยนเช่นกัน ยากอาจจะตายไม่ยืดหยุ่นอย่างเหมาะสม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น