เรายังคงจำกันได้ว่าได้เกิดเหตุการณ์ที่ปลาตายในท้องทะเลจังหวัด กระบี่ สตูล ตรัง พังงา เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ และตามข่าวได้บอกว่า เป็นคลืนภายในที่เรียกว่า internal wave เป็นสาเหตุที่ทำให้ปลาขึ้นมาตายจำนวนมาก นัยว่า จากอุณหภูมิน้ำที่เคยสูงถึง 27-28 องศากลับลดลงเหลือไม่ถึง 24 องศา ทำให้ปลาทะเลปรับตัวไม่ทัน เกิดอาการน็อคทำให้ตาย ซึ่งได้คาดคะเนความผิดปกตินี้ว่า เป็นผลจากภาวะโลกร้อน คล้ายๆ กับปรากฏการณ์ แอนนิโญที่เป็นไปในตรงข้ามที่น้ำอุ่นที่ไม่มีความสมบูรณ์เข้ามาแทนที่น้ำเย็นกว่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นเวลานานซึ่งมีผลกระทบต่อสัตว์ทะเลไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ เป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจจำนวนมาก
และเมื่อไม่กี่วันมานี้นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้สำรวจแนวปะการังกระบี่เกือบ 200 กม. พบปะการังอ่อนตายเกือบหมด เมื่อวัดอุณหภูมิน้ำใต้น้ำลึงลงไปที่แนวปะการังปรากฏว่าอุณหภูมิลดลงอย่างมากจาก 24-25 องศาเล่นลงเหลือแค่ 14-15 องศา และยังได้ตรวจวัดจำนวนออกซิเจนในน้ำพบว่าลดลงเป็นอย่างมาก จากเดิมมีมากกว่า 5 มกต่อลิตรลดลงเหลือไม่เกิน 2 มก.ต่อลิตร คราวนี้ก็เช่นกันว่าน่าจะเกิดจากภาวะโลกร้อนอีก แม้ว่าจะไม่มีใครฟันธง 100 เปอร์เซ้นต์ว่าเกิดจากภาวะโลกร้อน แต่ก็มีแนวโน้มที่สูงมากที่เป็นไปได้ว่าเกิดจากฝีมือมนุษย์ อันเป็นข้อสรุปของนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกหลายคน อย่างไรก็ตามต้องมีผลมาจากเหตุใดเหตุหนึ่งหรือหลายๆ เหตุรวมกัน เช่นจากสารพิษ การเพิ่มของพลเมือง และอื่นๆ แต่เมื่อดตามหลักฐานที่เกิดขึ้น มีแนวโน้มว่าจะเกิดจากภาวะโลกร้อนมากที่สุด และเราควรจะได้ศึกษาหาทางรักษาโลกใบนี้เอาไว้ หรือมิฉะนั้นจะเป็นการสิ้นสุดอารยธรรมของโลกในอนาคตอันใกล้นี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น