หน้าเว็บ

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สะกดจิต เหตุเกิดที่เขามหาชัยตอน 2

ในตอนที่แล้วจะเห็นว่าสามารถที่จะสะกดจิตหมู่ได้ และกลุ่มของอาจารย์หลายท่านขณะนั้นก็ได้ติดต่อวิทยากร คุณผัน วิสูตร ให้มาบรรยายและสะกดจิตเฉพาะกลุ่มของอาจารย์ จำได้ว่าอยู่ที่ห้องติดกับห้องโสต (320)ขณะนี้ ปกติแล้วก่อนเริ่มสะกดจิตจริงๆ ถ้าเป็นการสะกดจิตแต่ละบุคคลตามที่เราเคยดูในภาพยนต์ จะสะกดใครก็ให้เขาสนใจไปที่จุดเดียวก่อน เช่นให้มองที่แสงไฟฉายขนาดเล็กที่เตรียมไว้ หรือให้พูดตาม หรือให้ทำตามที่บอก จากนั้นเมื่อเข้าสู่จิตใต้สำนึก ผู้สะกดจิตก็จะถามเรื่องอดีตที่ผ่านมาแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ใช้ในกระบวนการสอบสวนบางอย่างได้


ขณะนั้นเมื่ออาจารย์มาพร้อมกันแล้ววิทยากรก็ดึงดูดความสนใจของพวกเรา ด้วยการให้พิจารณาตามที่วิทยากรบอก ด้วยการเริ่มพิจารณาตั้งแต่ผ่าเท้าขึนมาโดยพูดเสียงที่ชวนทำตามว่า กล้ามเนื้อฝ่าเท้าจงผ่อนคลาย ขณะนี้กล้ามเนื้อฝ่าเท้าผ่อนคลายแล้ว รู้สึกสบาย แล้วขยับไปอวัยวะของรางกายต้องไป กล้ามเนื้อ น่อง ขา หน้าท้อง หน้าอก แล้วไปที่ตา หลังจากกล้ามเนื้อตาจงผ่อนคลาย กล้ามเนื้อตาผ่อนคลายแล้วรู้สึกสบาย หนังตาหนักแล้ว...จงหลับ และจงหลับลึกยิ่งขึ้น ถ้าหากใครที่ตกอยู่ในอำนาจสะกดจิตแล้วก็จะเป็นไปตามที่ผู้สะกดจิตบอกหรือสั่งให้ทำ แต่คำสั่งนั้นคงกระโชกโฮกฮากไม่ได้

ในบรรดาอาจารย์ที่เข้าร่วมให้เขาสะกดจิตก็มีผมคนหนึ่ง พยายามที่จะทำตามคำบอกทุกอย่าง แต่ก็รู้สึกว่าไปไม่ถึงไหน เขาให้หลับก็ไม่หลับ แต่ก็สงบขึ้นเล็กน้อย และผมก็ไม่แน่ใจว่าใครบ้างที่คล้อยตามไปตามคำบอกของผู้สะกดจิต เมื่อผมลองพิจารณาแบบคิดเอาเองก็เป็นไปได้ว่าถ้าบอกว่า ถูกสะกดจิตไปตามคำสั่งทุกอย่างก็กลัวว่าถูกหาว่าจิตอ่อนถูกชักจูงได้ง่าย กลัวเสียฟอร์มตามคำวัยรุ่น แต่ผมไม่ได้คิดว่าจะเสียฟอร์มอะไร แต่มันเป็นธรรมชาติที่ สำหรับเด็กวัยรุ่นเยาวชน หรือนักศึกษาขณะนั้นเป็นเหมือนผ้าขาว ที่จะเชื่อจะใส่อะไรให้เขาจะรับได้ง่าย แต่สำหรับอาจารย์นั้นอาบน้ำร้อนมาก่อน มีภาวะหน้าที่การงานในรับผิดชอบเยอะ อาจจะคิดโน่นคิดนี้ ทำใจให้ใครชักจูงยากหน่อย

อย่างไรก็ตามวิทยากรก็ทิ้งท้ายไว้อย่างหนึ่งและนำมาใช้ปฏิบัติได้ผลดี นั่นก็คือการสะกดจิตตนเอง ก็ช่วยทำให้ใจสงบได้จริงผมทดลองมาแล้ว ช่วยให้การนอนหลับง่ายดายขึ้น แทนที่ให้คนอื่นมาบอกให้ทำ เราก็บอกตัวเราเองให้ทำตาม ก็เริ่มมาจากกล้ามเนื้อเท้า ไปเรื่อยจนถึงกล้ามเนื้อตาแล้วสั่งให้หลับ ทำบ่อยๆ บางคนยังไม่ถึงกล้ามเนื้อตาก็หลับไปแล้ว เพราะทุกครั้งพูดถึงกลามเนื้อใดเราก็จะคิดถึงสิ่งนั้นเพียงอย่างเดียว ทำบ่อยๆ จะทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าถอดจิตตัวเองได้ มายืนดูตัวเองนอนอยู่

การประยุกต์อีกทางหนึ่งไม่จำเป็นต้องบอกกล้ามเนื้อตามลำดับเราอาจจะจับจุดใดของร่างกายก็ได้ แล้วเพ่งไปที่จุดนั้นขณะหลับตา ไม่ว่าท่านจะอยู่ในท่าไหนจะสมดุลย์เอียงตัวอย่างไร ก็ให้คิดแค่ว่าขณะนี้ตัวเอียง รู้สึกจากการคาดหรือจิตนาการได้ว่าน่าจะเป็นลักษณะอย่างไรและ แล้วลองนึกถึงส่วนอื่นๆ ว่าอยู่อย่างไรรู้สึกอย่างไร ไปเรื่อยๆ ทำบ่อยๆ แล้วจะรู้ถึงความสงบแห่งจิต โดยไม่ต้องไปใช้เครื่องมือที่ไหนก็ใช้ร่างกายของเรานี่แหละเป็นตัวศึกษา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น