หน้าเว็บ

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เศษเสี้ยวหนึ่งของเมืองนคร

สืบสาวราวเรื่องไปเมื่อสัก 50 ปีมาแล้วผมเป็นเด็กที่เกิดในเมือง และมีบ้านอยู่ในเมือง ในเมืองในที่นี้ผมหมายถึงตำบลในเมืองที่มีกำแพงเมืองล้อมรอบและมีคูคลองล้อมรอบด้วย ด้านเหนือของเมืองก็มีสนามหน้าเมืองมีสพานนครน้อย ส่วนด้านใต้คงจะเป็นประตูชัยก็มีสพานข้ามคลองชื่อเดียวกัน จำได้ว่าสมัยเด็กไม่เกิน 7 ขวบเคยไปเดินบนแนวกำแพงด้านตะวันออกยังมีร่องรอยเป็นแนวกำแพงยังได้เคยไปจับหยิบอิฐของกำแพงเมืองเก่า โดยไม่ได้ซาบซึ้งถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์เลย ว่าถ้าเราไม่บุกรุก ไม่ทำลายก็คงจะได้บูรณะให้เป็นกำแพงเมืองได้เกือบรอบ ไม่ใช่มีแต่เฉพาะด้านหน้าเพียงด้านเดียว หลังจากนั้นผมก็เห็นว่ามีการบุรุกสร้างบ้านเรือนหลังกำแพง แล้วกำแพงก็ค่อยๆ ถูกรื้อถูกทำลายไปจนเกือบหมด เช่นเดียวกับกำแพงด้านตะวันตกซึ่งยังมีคูคลองให้เห็นอยู่ สำหรับด้านตะวันออกนั้นเป็นที่ลุ่มลาดต่ำ ตอนหลังถูกถมจนแนวคูคลองหายไป ผมทราบว่าที่ดินบริเวณกำแพงทีถูกบุรุกนั้น เป็นที่ดินราชพัศดุเป็นของแผ่นดิน ผู้บุรุกที่ดินจะไปขอเป็นฉโนตเพราะถือสิทธิ์การครอบครอง ซึ่งทราบต่อมาภายหลังว่าเป็นคดีความกันถึง 3 ศาล ผู้บุกรุกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็ไม่สามารถจะนำที่ดินไปขายหรือไปจำนอง แต่ก็มีสิทธิในการอยู่อาศัยได้ตลอดไป ต้องเสียค่าเช่าไม่กีบาททำนองนี้แหละ


อีกเรื่องหนึ่งที่ผมได้รับการเล่าขานมาก็คือ นอกจากจะมีตำบลท่าวัง ซึ่งน่าจะเป็นท่าที่จะเข้ามาในวัง แล้วยังมีวัดวังตะวันออกและวัดวังตะวันตก ซึ่งด้านวัดวังตะวันตกนั้นจะเห็นว่ายังมีเรือนไทยโบราณที่อนุรักษ์ไว้ ตามประวัตินั้นคงจะเป็นวังเก่าที่เจ้าเมืองคงจะสร้างไว้สำหรับนางสนมกำนัลทำนองนั้น ต่อมาภายหลังได้สร้างเป็นวัดอยู่ในบริเวณเดียวกัน และต่อมาอีกช่วงหนึ่งมีการตัดถนนผ่านผ่าวัดหรือวังทำให้มีวัดอยู่ทั้งสองฝาก แล้วสุดท้ายกลายเป็นวัดวังตะวันออก และวัดวังตะวันตกก็ด้วยเหตุนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น