ในศตวรรษที่ 13 หรือสมัยกลาง ทอมัสอไควนัส รวมระบบธรรมชาติของอริสโตเติลเข้ากับหลักเทวะวิทยา และจริยศาสตร์ วิทยาศษสตร์สมัยกลางอยู่บนรากฐานของเหตุและผล และศรัธาไปพร้อมๆ กัน เข้าใจความหมาย สาระสำคัญมากกว่าการควบคุม และคาดการณ์ ค้นหาเจตนาที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ธรรม จากสมัยกลางเปลี่ยนไปเป็นทัศนะที่มองโลกเป็นเครืืองจักร มองโลกเป็นเครื่องจักร และยังครอบงำโลกสมัยใหม่ในปัจจุบัน จากการค้นพบที่สำคัญของโคเปอร์นิคัส กาลิเลโอ และนิวตัน
นำวิธีวิเคราะห์เชิงเหตุผลของเดคาตส์มาใช้ โดยฟรานซิสเบคอน ทำให้แพร่หลายในศตวรรษที่ 16-17 เป็นยุคการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ื บทบาทสำคัญที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การปฏวัติเริ่มจากโคเปอร์นิคัส ปฏิเสธทัศนะของปโตเลมี และคัมภีร์ไบเบิลที่ว่าโลกเป็นศูนย์กลางของเอกภพ เคปเลอร์ค้นพบความเป็นบรรณสา
วิทยาศาสตร์แบบนิวตัน ธรรมชาติทั้งหลายคิดให้เป็นเครื่องจักรกล ซึ่งจะต้องเอาชนะและนำมาใช้ประโยชน์ให้ได้ ในการกำเนิดโลกทัศน์แบบวิทยาศาสตร์ มองความเป็นจริงเป็นเครื่องจักร แทนที่จะมองเป็นองค์คาพยพที่มีชีวิต อย่างไรก็ตามผู้ที่คุณูประการแก่การวางรากฐานของวิทยาศาสตร์สมัย ได้แก่ ฟรานซิส เบคอน วิลเลี่ยมฮาร์วีย์ เรอเน เดคาตส์ ทอมัส ฮอบส์ และได้แซก นิวตัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น