ทฤษฎีไร้ระบบหรือทฤษฎีเคออส(chaos) โดยทั่วไปเข้าใจกันว่าเป็นภาวะที่ปั่นป่วนโกลาหล ซึ่งดำรงอยู่แฝงตัวอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ที่เป็นพลังแห่งการสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในตัว ดังที่เรากล่าวกันว่า วิกฤติเป็นโอกาส เหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้คราวนี้ เป็นช่วงเวลาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลายคนไม่ได้คาดคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้
เพื่อพิจารณาตามทฤษฎีไร้ระบบดังกล่าวแล้ว เราจะพบว่าระบบโลกของเราน่าจะอยู่ในภาวะวิกฤติต่างๆ ที่ไม่ธรรมดาเป็นภาวะวิกฤติซ้อนวิกฤติ และทุุกวิกฤติมีการเสริมพลังกัน ทำให้เกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ เป็นวิกฤติทับซ้อนที่มีความซับซ้อนถ้าฟังดูรายงานอากาศถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นก็ยังไม่มีใครยืนยันได้ชัดเจนว่าฝนตกในคราวนี้ที่ผิดฤดูมากนั้นมีเหตุมาจากอะไรกันแน่ ซึ่งยากที่จะคาดเดา วิกฤติในคราวนี้เป็นวิกฤติทางสิ่งแวดล้อม ที่เป็นผลจากวิกฤติด้านอื่นๆ ส่วนหนึ่ง หากมนุษย์ไม่ทำลายธรรมชาติ ไม่ทำลายระบบนิเวศหรือสิ่งแวดล้อมแล้ว ความรุนแรงของภัยพิบัติคงจะน้อยลงกว่านี้
จากปรากฏการณ์ที่เกิดน้ำท่วมภาคใต้คราวนี้ถือว่าเป็นภาวะที่ผลิกผันที่ไม่ธรรมดา บ้างก็สรุปว่าเป็นผลจากภาวะโลกร้อน แล้วภาวะโลกร้อนนั้นเกิดขึ้นมาจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยมากน้อยแค่ไหน ตอนนี้ก็เริ่มจะยอมรับกันแล้วว่ามนุษย์ก็มีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ตามทฤษฎีไร้ระบบแล้ว หรือในทฤษฏีผีเสื้อขยับปีก ที่การเปลี่ยนแปลงที่ส่วนหนึ่งส่วนใดของโลกแม้ไม่มากก็อาจส่งผลกระทบส่งผลร้ายแรงต่อส่วนอื่นๆของโลกได้ทั้งสิ้น โลกจะถึงกาลล่มสลายหากมนุษน์ยังไม่ตระหนัก ดังที่ท่านพุทธทาสได้กล่าวไว้ว่า โลกาจะวินาศหากศิลธรรมไม่กลับมา
การศึกษาของเราก็คงต้องเปลี่ยนไปให้มองที่องค์รวมมากขึ้น และมีศิลธรรม รักและเข้าใจธรรมชาติมากขึ้นโดยเฉพาะนิเวศวิทยาแห่งการอยู่ร่วมกันของพลโลก ไม่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึง แต่ทั่วโลกจะต้องทำความเข้าใจร่วมกันในอันที่จะรักษาโลกใบนี้ไว้ให้อยู่ยืนนาน และคงจะมีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำได้ ก็โดยการปฏิวัติโลก โดยการมีกองกำลังพิทักษ์โลก ขนาดประชาชนในลิเบียถูกทำร้ายยังมีกองกำลังนานาชาติไปพิทักษ์ปกป้องได้ แล้วโลกเราเกิดภัยพิบัติคนตายมากมายกว่านัก ก็น่าจะมีการตกลงกันให้มีกองกำลังนานาชาติไปคุ้มกัน ปกป้องกันคุ้มครองหากที่ใดมีการกระทำที่จะส่งผลต่อการเกิดภัยพิบัติ ที่ส่งผลให้เกิดผลเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินมากมายมหาศาล
ที่คิดข้อเสนอมานั้นมันก็เป็นเพียงแค่ความฝันที่ส่งผลต่อการกระทำได้ยาก หากจะหาหนทางแก้ความโกลาหล ความปั่นป่วนดังที่เกิดขึ้น ความเชื่อโบราณที่ยังใช้การได้ดีและน่าคิดก็คือ การใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว แล้วน้ำท่วมจะไปใช้ความนิ่งอยู่ได้อย่างไร ก็ตอบแบบกำปั้นทุบดินถ้าน้ำมันไหลแรงก็ทำให้ไหลช้า เพราะการเคลื่อนที่เป็นสัมพันธ์ภาพขึ้นอยู่กับการเปรียบเทียบ หรือคิดง่ายๆ แต่เพียงว่าก็อย่าเอาตัวเราให้ไปเพิ่มความเคลื่อนไหวก็แล้วกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น