ในช่วงเดือนที่ผ่านมาได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับการบริโภคอาหารซึ่งทำให้เราสับสน และทำให้คิดว่าความรู้ที่เราเรียนมานั้นถูกต้องสมบูรณ์แล้วนั้นต้องเปลี่ยนความคิด จะเชื่ออะไรตามโฆษณาที่กรอกหู หรือตามตำราทุกอย่างคงไม่ได้แล้ว ก็อยากจะยกตัวอย่างว่าที่ผ่านมาเราเคยเชื่อว่าน้ำมันที่อิ่มตัวไม่ดีทำให้ตกค้างในร่างกายได้ทำให้อ้วนได้ สู้น้ำมันที่ไม่อิ่มตัวพวกน้ำมันพืชไม่ได้ และอีกกรณีหนึ่งคือไข่แดงมีโคเรสเตอร์รอลที่เป็นโทษทำให้เส้นเลือดอุดตัน
ปัจจุปันผลการศึกษากลับพบว่าน้ำมันที่มีความอิ่มตัวเช่นน้ำมันมะพร้าว ที่ว่าจะสะสมในร่างกายกลับมีผลการยืนยันว่าเป็นน้ำมันที่ดีมีการสะลายตัวเร็วกว่าก็ให้เกิดพลังงานได้เร็วไม่สะสมในร่างกายกลับช่วยดึงน้ำมันที่ไม่ดีออกมาด้วย และผลการศึกษาที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือพบว่าการใช้น้ำมันปาล์มประกอบอาหารจะทำให้เกิดยางเหนียวหนีดๆ ตกค้างในเส้นเลือดมากกว่าน้ำมันสัตว์เช่นน้ำมันหมู ซึ่งน้ำมันหมูแทบไม่มีสารที่ตกค้างที่จะไปขัดขวางทางเดินของเส้นเลือด
ในกรณีของไข่ก็เช่นเดียวกันสมัยหนึ่งมีประโยชน์มากพออีกสมัยหนึ่งบอกว่าไขมันสูง ไขมันไม่ดีไม่ควรรับประทานมาก อีกสมัยหนึ่งก็บอกว่ากินได้ไม่เป็นไรมีสารชดเชยกันในตัวเองที่ไม่ทำให้อ้วนหรือไปอุดตันเส้นเลือด แต่มาสมัยนี้ก็บอกว่าน้ำมันในไข่น่าจะเป็นไขมันที่ดีมีประโยชน์ไม่ตัองกลัวอีก เกี่ยวกับไข่ที่เรารับประทานกันเกือบทุกวันก็ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ เอาเป็นว่ารับประทานวันละหนึ่งฟองไม่ต้องไปหาหมอ (ดังที่คนเก่าแก่บางคนเคยพูดไว้)
จากความรู้ที่เปลี่ยนไปจากการศึกษาก็น่ารับฟังว่ามีการทดลองยืนยัน แต่การทดลองยืนยันเราจะเชื่อได้แค่ไหนว่าการทดลองจะไม่ผิดพลาด หรือสรุปผลการทดลองได้ถูกต้องเพราะคนเรามักจะเชื่อวิทยาศาสตร์ว่าเป็นความจริง ทั้งๆที่เป็นมายาคติ โดยปรัชญาวิทยาศาสตร์เองก็บอกว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทั้งหลายนั้นยังไม่สมบูรณ์ยังสามารถที่ปรับปรุงให้ถูกต้องขึ้นได้เสมอ และให้ยอมรับฟังแนวคิดของผู้อื่นที่พิสูจน์ได้ว่าถูกต้องกว่า และสามารถเปลี่ยนความคิดเดิมไปยอมรับความคิดใหม่ที่ดีกว่า หลักที่ดีที่สุดก่อนจะเชื่ออะไรก็คือใช้หลักกาลามสูตรของพระพุทธองค์ที่เป็นวิทยาศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์เสียอีกที่เตือนให้เราสังวรไว้ว่าอย่างเชื่ออะไรง่ายๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น