1. ภาวะผู้นำ และกลยุทธ์ ผู้บริหารเข้าใจและคำนึงถึงประโยชน์ที่ได้จากการจัดการความรู้ การสื่อสารผลักดันห้มีการจัดการความรู้ ให้มีทิศทางและกลยุทธ์ที่ชัดเจนว่าจัดการความรู้เพื่ออะไร
2. วัฒนธรรมองค์กร วัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ต้องได้รับการสนับสนุน
3. เทคโนโลยีสารสนเทศ ทางด้านการจัดการความรู้ ค้นหาความรู้ไปใช้วิเคราะห์ข้อมูล จัดเก็บความรู้
4. การวัดผลประเมินผล อะไรที่ได้รับการประเมินย่อมมีโอกาสที่จะปรับปรุงคุณภาพให้สูงขึ้นได้ นั่นคือทำให้ทราบสถานะการณ์ขององค์กร ทำให้สามารถทบทวนปรับปรุงได้
5. โครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้างหรือระบบรองรับบุคคล นำบุคลากรให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน เช่นสถานที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ โครงสร้างระบบงาน
ทั้ง 5 ประการดังกล่าว หากบริหารอย่างเป็นระบบไปในทิศทางเดียวกันสอดคล้องเชื่อมโยงกัน การจัดการความรู้ก็จะประสบผลสำเร็จ
วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553
องค์รวม (holistic)
คำว่าองค์รวมมาจาก holos หรือ whole ในภาษากรีก เป็นทัศนะที่ถือว่าความเป็นจริงทั้งหมดของสิ่งใดย่อมมีคุณสมบัติเฉพาะตน จะไม่สามารถเข้าใจได้ถ้าแยกสิ่งนั้นออกเป็นส่วนย่อยๆ เมื่อรวมส่วนย่อยๆ ที่แยกออกไปก็ยังไม่สามารถเทียบความหมาย ความสำคัญกับคุณสมบัติองค์รวมเดิม นั่นคือเมื่อแยกออกไปแล้วเมื่อนำมารวมไม่อาจจะรวมกันแล้วให้ได้เหมือนกับองค์รวมเดิมนั่นเอง
วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ชีวาลัย
โลกหรือชีวาลัย(Biosphere) ที่เราอยู่อาศัยเป็นหนึ่งเดียวของระบบชีวิต ทุกอย่างเกื้อกูลกันและกัน ส่วนหนึ่งเสียหายจะส่งผลกระทบทั้งระบบ
ข้อแตกต่างระหว่างนักวิจัยกับนักพัฒนา
นักวิจัยคือผู้ที่จะสร้างความรู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้(to know what we don't know) หรือพอรู้เลาๆ แต่ยังไม่แน่ชัด ให้ชัดขึ้นกว่าเดิม
นักพัฒนาคือผู้ที่พยายามทำให้ผู้อื่นในองค์กรชุมชน เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่คุณภาพใหม่ แก่ผู้คนที่ยังมองไม่เห็น และยังไม่แน่ใจในหนทาง และคุณภาพใหม่ที่ควรเปลี่ยนแปลง
การที่ไม่สามารถสร้างความเป็นธรรม เป็นหาความยากจนความอดอยาก ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศโดยรวมก็ยังเกิดขึ้นซ้ำซาก นั่้นคือไม่สามารถที่จะสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ ในส่วนนี้นักวิจัยสามารถที่จะสร้างความชัดเจน ความแน่ชัดเพื่อนำไปใช้เพื่อก่อให้เกิดความเป็นธรรม ที่นักพัฒนาสามารถทำให้เกิดการเปลียนแปลงตาม ความชัดเจนใหม่
นักพัฒนาคือผู้ที่พยายามทำให้ผู้อื่นในองค์กรชุมชน เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่คุณภาพใหม่ แก่ผู้คนที่ยังมองไม่เห็น และยังไม่แน่ใจในหนทาง และคุณภาพใหม่ที่ควรเปลี่ยนแปลง
การที่ไม่สามารถสร้างความเป็นธรรม เป็นหาความยากจนความอดอยาก ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศโดยรวมก็ยังเกิดขึ้นซ้ำซาก นั่้นคือไม่สามารถที่จะสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ ในส่วนนี้นักวิจัยสามารถที่จะสร้างความชัดเจน ความแน่ชัดเพื่อนำไปใช้เพื่อก่อให้เกิดความเป็นธรรม ที่นักพัฒนาสามารถทำให้เกิดการเปลียนแปลงตาม ความชัดเจนใหม่
ประสานฉุกเฉิน
ในโครงสร้างฉุกเฉิน ต้องคิดและตัดสินใจได้ถูกต้องและเร็ว การประสานฉุกเฉินก็คือการหล่อเลี้ยงให้เกิดการสนทนา และให้ความสนใจกับโครงสร้างฉุกเฉินให้มาก และการมีภาวะผู้นำที่จะประสานฉุกเฉิน
หนทางแห่งความอยู่รอด
ในระยะยาวแล้วคุณภาพคือความอยู่รอด แต่บางสถานะการณ์ก็ไม่ใช่คำตอบเสมอไป ดังเช่นในกรณีใช้แล้วทิ้งจะให้มีคุณภาพมากก็คงไม่ได้เพราะต้นทุนจะมากเกินไป ดังนั้นความอยู่รอดจึงขึ้นอยู่กับต้นทุนและคุณภาพซึ่งต้นทุนต่ำย่อมได้เปรียบ และต้นทุนต่ำกว่าแล้วยังได้คุณภาพมาตรฐานก็ยิ่งขึ้นได้ และที่สำคัญที่จะต้องคำนึงถึงให้มากนั่นก็คือการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง
สมุนไพรช่วยลดความดัน
สำหรับคนที่ความดันสูง รับประทานพืชสมุนไพรในครัวเรือนดังนี้
กระเทียม กินสด หรือผสมอาหารแก้คาว พร้อมๆ ไปกับป้องกันความดันโลหิตสูง
คื่นฉ่าย โดยการนำต้นสดมาตำคั้นเอาแต่น้ำ หรือต้นสดตำให้ละเอียด ต้มกับน้ำกรองเอากากออก
และสามารถกินเป็นผักสด หรือผสมอาหาร
กาฝากมะม่วง นำมาตากแห้ง ต้มน้ำดื่ม
กระเจี๋ยบแดง นอกจากลดความดันแล้วยังลดคอเลสเตอร์รอลได้ แก้นิ่ว ลดไข้
บัวบก ยาบำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย ขับปัสสาวะ แก้ลดความดันโลหิตสูง
พืชสมุนไพรในครัวเรือนอื่นๆ คือ ขิง ขี้เหล็ก ผักชี ผักชีฝรั่ง มะขาม แมงลัก ก็ลดความดันได้
กระเทียม กินสด หรือผสมอาหารแก้คาว พร้อมๆ ไปกับป้องกันความดันโลหิตสูง
คื่นฉ่าย โดยการนำต้นสดมาตำคั้นเอาแต่น้ำ หรือต้นสดตำให้ละเอียด ต้มกับน้ำกรองเอากากออก
และสามารถกินเป็นผักสด หรือผสมอาหาร
กาฝากมะม่วง นำมาตากแห้ง ต้มน้ำดื่ม
กระเจี๋ยบแดง นอกจากลดความดันแล้วยังลดคอเลสเตอร์รอลได้ แก้นิ่ว ลดไข้
บัวบก ยาบำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย ขับปัสสาวะ แก้ลดความดันโลหิตสูง
พืชสมุนไพรในครัวเรือนอื่นๆ คือ ขิง ขี้เหล็ก ผักชี ผักชีฝรั่ง มะขาม แมงลัก ก็ลดความดันได้
วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553
มนุษย์: สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอายุยืนที่สุด
โดยทั่วไปสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่าจะมีอายุยืนยาวกว่าสัตว์ที่มีขนาดเล็กกว่า ในประเภทเดียวกัน แต่ก็มีข้อยกเว้นที่น่าแปลกในกรณีของสัตว์มนุษย์ โดยที่มนุษย์มีอายุยาวนานกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆที่มีขนาดโตกว่า เช่นลิงกอริลล่า ช้าง และปลาวาฬ ที่จริงแล้วสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีอยู่ทั้งหมดนั้น มนุษย์มีอายุยืนยาวที่สุด ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเป็นเช่นนั้น แต่อาจเนื่องมาจากความก้าวหน้าทางการแพทย์ แม้แต่ในสมัยโบราณก็ตาม เป็นครั้งคราวที่มนุษย์ก็มีอายุมากกว่า 100 ปี ที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไม่เคยมีปรากฏให้เห็น
วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ทฤษฎีโครงสร้างทางความคิดและการกระทำ
ความคิดเป็นเรื่องของจิตใจ เป็นเรื่องของการสร้างจินตนาการคล้ายๆกับการสร้างวิมานในอากาศ แต่อย่างไรก็ตามความคิดได้ส่งผลถึงสิ่งสำคัญอีกสองประการคือ ความรู้สึก และการกระทำไปตามแนวความคิด มีทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความคิด ว่าจะคิดดีคิดร้าย คิดเป็นประโยชน์คิดเป็นโทษ คิดตื้น คิดลุ่มลึกที่กล่าวถึงโครงสร้างทางความคิดอันได้แก่ทฤษฎี ชีมม่า (Schema Theory) คำว่า Schema หมายถึงโครงสร้างความคิดในสมองซึ่งมีการจัดกลุ่มข้อมูลเกี่ยวกับความรู้และ ประสบการณ์ที่ผู้เรียนหรือบุคคลใดๆมีอยู่ ข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์ในการคาดคะเนตีความข้อมูลใหม่ และปรับปรุงข้อมูล ใหม่ให้เข้ากับข้อมูลเดิมที่มีอยู่ แล้วเก็บข้อมูลนั้นไว้ใช้ต่อไป (พีรพงศ์ สุขแก้ว 2548)
การที่มีข้อมูลใน schema มาใช้ประกอบในการตีความ คาดคะเนข้อมูลใหม่ได้นั้น ช่วยผู้เรียนในการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ทำให้การเรียนรู้เร็วขึ้น จากการยึดความรู้เดิมมาใช้ในการคาดเดาสรุปตัดสินใจ แม้จะไม่ถูกต้องทั้งหมดแต่จะค่อยปรับไปในแนวทางที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น โครงสร้างทางความรู้ที่ผู้เรียนมีอยู่เดิมนั้นเป็นที่มาของคำว่า Schemata หรือเป็นโครงสร้างพื้นฐาน (Framework) หรือมีสคริปซ์ (script) หรือโครงสร้างของความรู้ (knowledge structure) มนุษย์มีกระบวนการในการรับประมวลข้อมูลตีความเพื่อเป็นประโยชน์ในการสื่อสาร ต่อไป โครงสร้างความรู้ไม่ได้อยู่กันอย่างกระจัดกระจายแต่มีลำดับชั้นและมีการจัด กลุ่มตามคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกัน
จากทฤษฎีนี้เมื่อเทียบเคียงมาใช้กับการเรียนรู้สาขาวิชา ต่างๆ ตั้งแต่การเรียนรู้ทางภาษานอกจากภาษาแม่ และรายวิชาสาขาต่างๆ ก็ล้วนต้องการสร้างความเข้าใจนำไปใช้ประโยชน์ได้การทราบโครงสร้างทางความคิด ยังต้องเชื่อมโยงไปยังเรื่องอื่นๆ เป็นต้นว่าความรู้สึกการแสดงอารมณ์ รวมทั้งการแสดงออก การกระทำต่างๆ ที่สื่อให้เกิดการเรียนรู้ในทางที่เหมาะสม ดังที่ Diane. (1986) อ้างโดย พีรพล (2005) ชี้ให้เห็นว่าการสื่อสารเป็นกระบวนการที่ผู้เรียนจำเป็นต้องมีความ รู้มากกว่าการรู้รูปแบบของภาษา (form) ความหมาย (meaning) และหน้าที่ของภาษา (Functions) ผู้เรียนยังต้องนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ด้วย นั่นเป็นการยืนยันว่านอกจากจะต้องมีความคิด ความรู้สึกแสดงอารมณ์แล้วยังต้องมีการกระทำ กิจกรรมการเรียนการสอนต่างๆ จำต้องจัดให้มีการปฏิสัมพันธ์การแปลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาที่การเรียนรู้จากการกระทำ จะเกิดการเรียนรู้อยู่ได้นานมากที่สุด เพราะการกระทำไม่ว่ารูปแบบใดจำเป็นต้องใช้ ความคิด แสดงความรู้สึก และทักษะอื่นๆรวมอยู่ด้วยเสมอ
การที่มีข้อมูลใน schema มาใช้ประกอบในการตีความ คาดคะเนข้อมูลใหม่ได้นั้น ช่วยผู้เรียนในการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ทำให้การเรียนรู้เร็วขึ้น จากการยึดความรู้เดิมมาใช้ในการคาดเดาสรุปตัดสินใจ แม้จะไม่ถูกต้องทั้งหมดแต่จะค่อยปรับไปในแนวทางที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น โครงสร้างทางความรู้ที่ผู้เรียนมีอยู่เดิมนั้นเป็นที่มาของคำว่า Schemata หรือเป็นโครงสร้างพื้นฐาน (Framework) หรือมีสคริปซ์ (script) หรือโครงสร้างของความรู้ (knowledge structure) มนุษย์มีกระบวนการในการรับประมวลข้อมูลตีความเพื่อเป็นประโยชน์ในการสื่อสาร ต่อไป โครงสร้างความรู้ไม่ได้อยู่กันอย่างกระจัดกระจายแต่มีลำดับชั้นและมีการจัด กลุ่มตามคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกัน
จากทฤษฎีนี้เมื่อเทียบเคียงมาใช้กับการเรียนรู้สาขาวิชา ต่างๆ ตั้งแต่การเรียนรู้ทางภาษานอกจากภาษาแม่ และรายวิชาสาขาต่างๆ ก็ล้วนต้องการสร้างความเข้าใจนำไปใช้ประโยชน์ได้การทราบโครงสร้างทางความคิด ยังต้องเชื่อมโยงไปยังเรื่องอื่นๆ เป็นต้นว่าความรู้สึกการแสดงอารมณ์ รวมทั้งการแสดงออก การกระทำต่างๆ ที่สื่อให้เกิดการเรียนรู้ในทางที่เหมาะสม ดังที่ Diane. (1986) อ้างโดย พีรพล (2005) ชี้ให้เห็นว่าการสื่อสารเป็นกระบวนการที่ผู้เรียนจำเป็นต้องมีความ รู้มากกว่าการรู้รูปแบบของภาษา (form) ความหมาย (meaning) และหน้าที่ของภาษา (Functions) ผู้เรียนยังต้องนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ด้วย นั่นเป็นการยืนยันว่านอกจากจะต้องมีความคิด ความรู้สึกแสดงอารมณ์แล้วยังต้องมีการกระทำ กิจกรรมการเรียนการสอนต่างๆ จำต้องจัดให้มีการปฏิสัมพันธ์การแปลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาที่การเรียนรู้จากการกระทำ จะเกิดการเรียนรู้อยู่ได้นานมากที่สุด เพราะการกระทำไม่ว่ารูปแบบใดจำเป็นต้องใช้ ความคิด แสดงความรู้สึก และทักษะอื่นๆรวมอยู่ด้วยเสมอ
ทฤษฎีและปรัชญาการสร้างความรู้
constructivist พิจารณาให้เป็นทฤษฎีของการเรียนรู้และการสอน มากกว่าจะเน้นย้ำไปที่ความซับซ้อนของโลกแห่งความเป็นจริง และโครงสร้างทางความรู้ด้านต่างๆ ที่ยังไม่ดีนัก constructivist เกี่ยวข้องกับวิธีการสอน และยืนยันว่าไม่มีการเรียนรู้ที่เป็นการค้นพบในความเข้าใจที่จะเผยให้ทราบ หรือเหมือนกับถอดหน้ากากของโครงสร้างภายนอก แบบฉบับของกระบวนการสร้างขึ้นมากกว่าที่จะเป็นบางอย่าง เช่นการอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมชาติหรือการค้นพบ
constructivist โต้แย้งว่านักเรียกสร้างความเข้าใจ สร้างความรู้ให้แก่ตนเอง นอกจากนี้ยังพิจารณาให้ constructivist เป็นปรัชญาการเกิดหรือบ่อเกิดของความรู้ (epistemology) เป็นทฤษฎีของความรู้เพื่อใช้ในการอธิบายว่าเรารู้ในสิ่งที่เรารู้ได้อย่างไร (to explain how we know what we know)
บ่อเกิดของความรู้ตามแนว constructivist ยืนยันให้ทราบว่าเครื่องมืออย่างเดียวที่มีอยู่ให้กับผู้ที่จะรู้คือความรู้ คือประสาทรับสัมผัสทั้งหลาย (sense) โดยผ่านทางการเห็น ได้ยินเสียง ได้กลิ่น และรับรส ที่แต่ละคนปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ด้วยข่าวสารจากประสาทรับสัมผัสที่แต่ละคนสร้างขึ้นมาเป็นภาพของโลกที่เข้าไป สัมผัส
ดังนั้น constructivism ยืนยันให้ทราบถึงว่าความรู้มีอยู่ในตัวคน โดยที่ความรู้นั้นไม่สามารถที่จะส่งผ่านถ่ายทอดจากหัวครูไปยังหัวของนัก เรียน นักเรียนพยายามที่จะทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ครู่สอนโดยพยายามที่จะให้สอด คล้องเข้ากันได้กับประสบการณ์ที่มีของแต่ละบุคคล
constructivist โต้แย้งว่านักเรียกสร้างความเข้าใจ สร้างความรู้ให้แก่ตนเอง นอกจากนี้ยังพิจารณาให้ constructivist เป็นปรัชญาการเกิดหรือบ่อเกิดของความรู้ (epistemology) เป็นทฤษฎีของความรู้เพื่อใช้ในการอธิบายว่าเรารู้ในสิ่งที่เรารู้ได้อย่างไร (to explain how we know what we know)
บ่อเกิดของความรู้ตามแนว constructivist ยืนยันให้ทราบว่าเครื่องมืออย่างเดียวที่มีอยู่ให้กับผู้ที่จะรู้คือความรู้ คือประสาทรับสัมผัสทั้งหลาย (sense) โดยผ่านทางการเห็น ได้ยินเสียง ได้กลิ่น และรับรส ที่แต่ละคนปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ด้วยข่าวสารจากประสาทรับสัมผัสที่แต่ละคนสร้างขึ้นมาเป็นภาพของโลกที่เข้าไป สัมผัส
ดังนั้น constructivism ยืนยันให้ทราบถึงว่าความรู้มีอยู่ในตัวคน โดยที่ความรู้นั้นไม่สามารถที่จะส่งผ่านถ่ายทอดจากหัวครูไปยังหัวของนัก เรียน นักเรียนพยายามที่จะทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ครู่สอนโดยพยายามที่จะให้สอด คล้องเข้ากันได้กับประสบการณ์ที่มีของแต่ละบุคคล
การปรับตัวคือทางรอด
ใน ภาวะที่โลกเราอยู่ในเศรษฐกิจเสรีทุนนิยมโลกาภิวัฒน์ ที่โลกเราเปลี่ยนแปลงไปเร็วมากจนทำให้เราต้องเปลี่ยนตามโลกให้ทันมิฉะนั้น แล้วก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง หลายคนย้ำคิดว่าต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ถึงแม้ว่าไม่เปลี่ยนตัวเองก็จะมีคนมาทำให้เปลียนอยู่ดี ปัญหาคือว่าจะเปลี่ยนอย่างไรจึงจะทำให้เกิดคุณค่า เกิดความรักสามัคคี เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ แต่การเปลี่ยนเพื่อการอยู่รอดปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องปรับตัวรับกับ สิ่งใหม่ที่ถ้าโถมเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย สัตว์ทั้งหลายปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปหรือมิฉะนั้นก็ล้ม หายตายจากไป เช่นเดียวกันสำหรับมนุษย์ที่ถึงกับมีการกล่าวกันว่า ผู้ที่อยู่รอดได้ไม่ใช้ผู้ที่ฉลาดลึกล้ำที่สุดแต่เป็นผู้ที่สามารถที่จะปรับ ตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมและสถานะการณ์ได้มากที่สุดต่างหาก ต่อไปเป็นตัวอย่างหนึ่งของการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์
ชนเผ่าอินเดียแดงที่อาศัยอยู่บนเทือกเขาแอนดิส จะมีปริมาณเลือดมากกว่าผู้ที่อยู่บริเวณพื้นราบประมาณ 20 เปอร์เซนต์ เลือดที่เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษนี้ประกอบด้วยอนุภาคก้อนเลือด (corpuscles) อันเป็นตัวนำเอาฮีโมโกลบินที่จำเป็นต้องใช้ในการดูดซึมออกซิเจนเพื่อใช้ใน การหายใจ จำนวนออกซิเจนที่ได้เพิ่มขึ้นมาโดยวิธีนี้ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการมีชีวิตรอด เพราะในพื้นที่ที่มีอากาศเบาบางดังในบริเวณที่สูงๆบนภูเขา ฮีโมโกลบินของแต่ละคนจะเพิ่มเกือบขึ้นเกือบ 60 เปอร์เซนต์โดยน้ำหนักที่ระดับสูง 15,000 ฟิต เซลลฺ์เม็ดเลือดแดงมีขนาดใหญ่กว่าเม็ดเลือดแดงของคนที่อาศัยอยู่ที่พื้นราบ ซึ่งแน่นอนว่าพื้นที่ผิวเซลล์ที่มากกว่าสามารถดูดซับออกซิเจนได้มากกว่า อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่บนแถบภูเขาสูง ร่างกายอาจไม่สูงใหญ่และอายุก็ไม่ยืนเท่ากับคนที่อยู่บนพื้นราบโดยรวม
ชนเผ่าอินเดียแดงที่อาศัยอยู่บนเทือกเขาแอนดิส จะมีปริมาณเลือดมากกว่าผู้ที่อยู่บริเวณพื้นราบประมาณ 20 เปอร์เซนต์ เลือดที่เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษนี้ประกอบด้วยอนุภาคก้อนเลือด (corpuscles) อันเป็นตัวนำเอาฮีโมโกลบินที่จำเป็นต้องใช้ในการดูดซึมออกซิเจนเพื่อใช้ใน การหายใจ จำนวนออกซิเจนที่ได้เพิ่มขึ้นมาโดยวิธีนี้ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการมีชีวิตรอด เพราะในพื้นที่ที่มีอากาศเบาบางดังในบริเวณที่สูงๆบนภูเขา ฮีโมโกลบินของแต่ละคนจะเพิ่มเกือบขึ้นเกือบ 60 เปอร์เซนต์โดยน้ำหนักที่ระดับสูง 15,000 ฟิต เซลลฺ์เม็ดเลือดแดงมีขนาดใหญ่กว่าเม็ดเลือดแดงของคนที่อาศัยอยู่ที่พื้นราบ ซึ่งแน่นอนว่าพื้นที่ผิวเซลล์ที่มากกว่าสามารถดูดซับออกซิเจนได้มากกว่า อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่บนแถบภูเขาสูง ร่างกายอาจไม่สูงใหญ่และอายุก็ไม่ยืนเท่ากับคนที่อยู่บนพื้นราบโดยรวม
ทำไมจึงกล่าวว่าน้ำมันมะพร้าวเป็นยาอายุวัฒนะได้
น้ำมันมะพร้าวมีวิตามินอี ที่เป็นตัวต้านออกซิแดนซ์ และต้านอนุมูลอิสระ อันเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ร่างกายเสื่อสภาพลด สามารถลดการเสื่อมสภาพของร่างกาย ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ซ่อมแซมส่วนสึกหรือ ใช้น้ำมันมะพร้าวทาผิวลดรอยเหี่ยวย่อน ลดฟ้า จุดด่างดำ ทำให้ผิวเนียนนุ่ม ไม่ทำให้ผิวกร้านแดด
ธรรมชาติความรู้วิทยาศาสตร์
มีการจัดประเภทความรู้ทางวิทยาศาสตร์ 2 ประเภทที่แตกต่างกัน ความรู้ชนิดแรกคือความรู้เชิงกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นวิธีการที่นักวิทยาศาสตร์ที่ดำเนินการปฏิบัติเพื่อให้ได้ความรู้ อีกชนิดคือความรู้ที่เป็นผลผลิตของวิทยาศาสตร์อันเป็นความจริงทางวิทยาศาสตร์ มโนทัศน์ และทฤษฏี ซึ่งกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ก่อให้เกิดขึ้น นักจิตวิทยารู้จักความรู้2 ชนิดนี้ในนามความรู้เชิงกระบวนการ (procedural knowledge) และความรู้เชิงบรรยาย (declarative knowledge)
เป็นที่ชัดเจนว่าทฤษฎีของการสอนจะต้องรับรู้ถึงวัตถุประสงค์ในการสอนทั้งความรู้เชิงบรรยายและความรู้เชิงกระบวนการ ตอนต่อไปจะได้กล่าวถึงความรู้แต่ละชนิดในรายละเอียดในตอนต่อไป
ความรู้เชิงบรรยาย(descriptive knowledge)
โดยทั่วไปความรู้เชิงบรรยายอยู่ในรูปของหน่วยการเรียนรู้หรือหน่วยคำสอนของเนื้อหาเชิงบรรยาย ที่ประกอบด้วยชุดต่างๆ ของมโนทัศน์และระบบมโนทัศน์ มีองศาของความซับซ้อน ความเป็นนามธรรม และความสำคัญ ต่างๆกัน จะเห็นว่ามโนทัศน์ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวแต่เพียงลำพัง แต่มีความสัมพันธ์กับระบบที่มีความหมาย มักมีโครงสร้างตามลำดับชั้นของมโนทัศน์ มโนทัศน์ที่อยู่เหนือกว่าและต่ำกว่าของระบบมโนทัศน์ นอกจากนั้นมโนทัศน์ยังอ้างถึงรูปแบบบางอย่าง มีการใช้เทอมต่างๆ ซึ่งแบ่งมโนทัศน์ออกได้ 3 ชนิดคือ
1. มโนทัศน์ตามความเข้าใจ ของสามัญสำนึกในทันที
2. มโนทัศน์เชิงบรรยาย เป็นเหมือนกับการมีปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบตัว หรือการเปรียบเทียบเทียบเคียงโดยตรงกับวัตถุและเหตุการณ์ 3.มโนทัศน์เชิงทฤษฎี โดยการกำหนดเป็นข้อตกลงเบื้องต้นเหมืนอกับสัจพจน์ ในส่วนของลักษณะที่ไม่อาจรับรู้ได้ ไม่มีใครเข้าใจความหมายของมโนทัศน์เชิงทฤษฎีใดๆโดยปราศจากความเข้าใจบางอย่างและรู้ถึงระบบทฤษฎีที่เป็นอยู่ ซึ่งข้อมูลจากการปฏิบัตินั้นมีระบบทฤษฎีนั้นเป็นพื้นฐาน มีระบบมโนทัศน์อยู่ 2 ชนิดคือ
1. ระบบมโนทัศน์เชิงบรรยาย ประกอบด้วยมโนทัศน์ตามความเข้าใจ มโนทัศน์เชิงบรรยายซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเฉพาะวัตถุที่สามารถรับรู้ได้ และการปฏิสัมพันธ์ของวัตถุเหล่านี้
2. ระบบมโนทัศน์เชิงทฤษฎีประกอบด้วยมโนทัศน์ตามความเข้าใจ เชิงบรรยาย และเชิงทฤษฎี
การเกิดขึ้นของมโนทัศน์เชิงบรรยาย
มโนทัศน์เชิงบรรยายเกิดขึ้นอย่างไร นั้นเป็นเหมือนกับกระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการนี้มีรูปแบบเดียวกับการหาเหตุผลแบบนิรนัยเชิงสมมุติฐาตน (hypothetical-deductive reasoning) ที่นำให้เราไปสู่การทดสอบสมมุติฐาน การเกิดมโนทัศน์ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเหมือนกระบวนการทางนามธรรมโดยตรง และอยู่บนฐานของความสามารถที่จะสร้างและทดสอบสมมุติฐาน การเข้าใจแบบนี้ความรู้เชิงมโนทัศน์ที่มี (เป็นแง่หนึ่งของความรู้เชิงบรรยาย)ขึ้นอยู่กับความรู้เชิงกระบวนการของแต่ละคน ขณะที่แต่ละคนได้รับทักษะเพิ่มในการใช้ขั้นตอนนิรนัยเชิงสมมุติฐาน การเกิดมโนทัศน์ก็จะง่ายขึ้น
การเกิดมโนทัศน์เชิงทฤษฎี
การเกิดมโนทัศน์เชิงทฤษฎีเป็นที่เข้าใจได้ง่ายเมื่อพิจารณางานของชาร์ล ดาวิน (Charles Darwin) จากการที่เขาได้เปลี่ยนทัศน์จากนักสร้างสรรค์ ไปเป็นนักวิวัฒนาการ ยิ่งกว่านั้นเขาได้สร้างทฤษฎีวิวัฒนาการอันเป็นที่น่าพอใจผ่านทางการใช้การคัดเลือกตามธรรมชาติ (natural selection) ชาร์ล ดาวินได้ก้าวเข้ามาใช้มโนทัศน์การคัดเลือกตามธรรมชาติ โดยที่เขาได้เห็นงานเขียนของ Matthus เกี่ยวกับแนวคิดหลักสำคัญ ที่สามารถยืมมาใช้ในการอธิบายการวิวัฒนาการ แนวคิดหลักก็คือการเลือกที่คิดขึ้น โดยการเลือกพืชสัตว์พื้นเมือง นำไปเทียบเคียงกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในธรรมชาติ และสามารถนับได้ถึงการเปลียนแปลงหรือการวิวัฒนาการของสปีชีซ์
การเทียบเคียงแสดงบทบาทหลักในการเกิดมโนทัศน์เชิงทฤษฎี Handson อ้างถึงกระบวนการที่ยืมแนวคิดเก่าและประยุกต์ใช้ในสถานะการณ์ใหม่ว่า abduction (Hanson, 1947) ยังมีคนอื่นๆอ้างถึงกระบวนการเรียกว่าการวิเคราะห์หาเหตุผลเชิงตรรกะ (analogical reasoning)(Karplus,1979 Lason & Lawson, 1979) โดยวิธีนี้แอปดักชั่น เป็นการใช้การเทียบเคียงยืมความคิดเก่าและประยุกต์ใช้ในสถานะการณ์ใหม่เพื่อสร้างมโนทัศน์ใหม่และคำอธิบายใหม่ การใช้วิธีการวิเคราะห์หาเหตุผลเชิงตรรกะเเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มักจะอ้างถึงกันคือการคิดแบบสร้างสรรค์ สิ่งที่สำคัญคือจิตใต้สำนึก (subconscious mind) แสดงบทบาทสำคัญในการสร้างความคิดใหม๋ตามที่ Pierce อ้างอิงใน Hanson (1977) คือ ” All the ideas of science come to it by way of abduction. Abduction consists in studying the facts and devising a theory to explain them. It is only justification is that if we are ever to understand things at all, it must be that way: แนวคิดทั้งหมดของวิทยาศาสตร์มามีอยู่ได้โดยแนวคิดของแอปดักชัน แอปดักชั่นประด้วยการศึกษาความจริงและออกแบบทฤษฎีที่จะใช้อธิบายในเรื่องที่ศึกษา มันเป็นเพียงการปรับเปลี่ยนที่เมื่อถ้าเราจะเข้าใจสิ่งต่างๆหรือไม่ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามนั้น”
เป็นที่ชัดเจนว่าทฤษฎีของการสอนจะต้องรับรู้ถึงวัตถุประสงค์ในการสอนทั้งความรู้เชิงบรรยายและความรู้เชิงกระบวนการ ตอนต่อไปจะได้กล่าวถึงความรู้แต่ละชนิดในรายละเอียดในตอนต่อไป
ความรู้เชิงบรรยาย(descriptive knowledge)
โดยทั่วไปความรู้เชิงบรรยายอยู่ในรูปของหน่วยการเรียนรู้หรือหน่วยคำสอนของเนื้อหาเชิงบรรยาย ที่ประกอบด้วยชุดต่างๆ ของมโนทัศน์และระบบมโนทัศน์ มีองศาของความซับซ้อน ความเป็นนามธรรม และความสำคัญ ต่างๆกัน จะเห็นว่ามโนทัศน์ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวแต่เพียงลำพัง แต่มีความสัมพันธ์กับระบบที่มีความหมาย มักมีโครงสร้างตามลำดับชั้นของมโนทัศน์ มโนทัศน์ที่อยู่เหนือกว่าและต่ำกว่าของระบบมโนทัศน์ นอกจากนั้นมโนทัศน์ยังอ้างถึงรูปแบบบางอย่าง มีการใช้เทอมต่างๆ ซึ่งแบ่งมโนทัศน์ออกได้ 3 ชนิดคือ
1. มโนทัศน์ตามความเข้าใจ ของสามัญสำนึกในทันที
2. มโนทัศน์เชิงบรรยาย เป็นเหมือนกับการมีปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบตัว หรือการเปรียบเทียบเทียบเคียงโดยตรงกับวัตถุและเหตุการณ์ 3.มโนทัศน์เชิงทฤษฎี โดยการกำหนดเป็นข้อตกลงเบื้องต้นเหมืนอกับสัจพจน์ ในส่วนของลักษณะที่ไม่อาจรับรู้ได้ ไม่มีใครเข้าใจความหมายของมโนทัศน์เชิงทฤษฎีใดๆโดยปราศจากความเข้าใจบางอย่างและรู้ถึงระบบทฤษฎีที่เป็นอยู่ ซึ่งข้อมูลจากการปฏิบัตินั้นมีระบบทฤษฎีนั้นเป็นพื้นฐาน มีระบบมโนทัศน์อยู่ 2 ชนิดคือ
1. ระบบมโนทัศน์เชิงบรรยาย ประกอบด้วยมโนทัศน์ตามความเข้าใจ มโนทัศน์เชิงบรรยายซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเฉพาะวัตถุที่สามารถรับรู้ได้ และการปฏิสัมพันธ์ของวัตถุเหล่านี้
2. ระบบมโนทัศน์เชิงทฤษฎีประกอบด้วยมโนทัศน์ตามความเข้าใจ เชิงบรรยาย และเชิงทฤษฎี
การเกิดขึ้นของมโนทัศน์เชิงบรรยาย
มโนทัศน์เชิงบรรยายเกิดขึ้นอย่างไร นั้นเป็นเหมือนกับกระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการนี้มีรูปแบบเดียวกับการหาเหตุผลแบบนิรนัยเชิงสมมุติฐาตน (hypothetical-deductive reasoning) ที่นำให้เราไปสู่การทดสอบสมมุติฐาน การเกิดมโนทัศน์ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเหมือนกระบวนการทางนามธรรมโดยตรง และอยู่บนฐานของความสามารถที่จะสร้างและทดสอบสมมุติฐาน การเข้าใจแบบนี้ความรู้เชิงมโนทัศน์ที่มี (เป็นแง่หนึ่งของความรู้เชิงบรรยาย)ขึ้นอยู่กับความรู้เชิงกระบวนการของแต่ละคน ขณะที่แต่ละคนได้รับทักษะเพิ่มในการใช้ขั้นตอนนิรนัยเชิงสมมุติฐาน การเกิดมโนทัศน์ก็จะง่ายขึ้น
การเกิดมโนทัศน์เชิงทฤษฎี
การเกิดมโนทัศน์เชิงทฤษฎีเป็นที่เข้าใจได้ง่ายเมื่อพิจารณางานของชาร์ล ดาวิน (Charles Darwin) จากการที่เขาได้เปลี่ยนทัศน์จากนักสร้างสรรค์ ไปเป็นนักวิวัฒนาการ ยิ่งกว่านั้นเขาได้สร้างทฤษฎีวิวัฒนาการอันเป็นที่น่าพอใจผ่านทางการใช้การคัดเลือกตามธรรมชาติ (natural selection) ชาร์ล ดาวินได้ก้าวเข้ามาใช้มโนทัศน์การคัดเลือกตามธรรมชาติ โดยที่เขาได้เห็นงานเขียนของ Matthus เกี่ยวกับแนวคิดหลักสำคัญ ที่สามารถยืมมาใช้ในการอธิบายการวิวัฒนาการ แนวคิดหลักก็คือการเลือกที่คิดขึ้น โดยการเลือกพืชสัตว์พื้นเมือง นำไปเทียบเคียงกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในธรรมชาติ และสามารถนับได้ถึงการเปลียนแปลงหรือการวิวัฒนาการของสปีชีซ์
การเทียบเคียงแสดงบทบาทหลักในการเกิดมโนทัศน์เชิงทฤษฎี Handson อ้างถึงกระบวนการที่ยืมแนวคิดเก่าและประยุกต์ใช้ในสถานะการณ์ใหม่ว่า abduction (Hanson, 1947) ยังมีคนอื่นๆอ้างถึงกระบวนการเรียกว่าการวิเคราะห์หาเหตุผลเชิงตรรกะ (analogical reasoning)(Karplus,1979 Lason & Lawson, 1979) โดยวิธีนี้แอปดักชั่น เป็นการใช้การเทียบเคียงยืมความคิดเก่าและประยุกต์ใช้ในสถานะการณ์ใหม่เพื่อสร้างมโนทัศน์ใหม่และคำอธิบายใหม่ การใช้วิธีการวิเคราะห์หาเหตุผลเชิงตรรกะเเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มักจะอ้างถึงกันคือการคิดแบบสร้างสรรค์ สิ่งที่สำคัญคือจิตใต้สำนึก (subconscious mind) แสดงบทบาทสำคัญในการสร้างความคิดใหม๋ตามที่ Pierce อ้างอิงใน Hanson (1977) คือ ” All the ideas of science come to it by way of abduction. Abduction consists in studying the facts and devising a theory to explain them. It is only justification is that if we are ever to understand things at all, it must be that way: แนวคิดทั้งหมดของวิทยาศาสตร์มามีอยู่ได้โดยแนวคิดของแอปดักชัน แอปดักชั่นประด้วยการศึกษาความจริงและออกแบบทฤษฎีที่จะใช้อธิบายในเรื่องที่ศึกษา มันเป็นเพียงการปรับเปลี่ยนที่เมื่อถ้าเราจะเข้าใจสิ่งต่างๆหรือไม่ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามนั้น”
รูปแบบการเรียนการสอนแบบ STS
ก่อนอื่น STS ย่อมาจาก Science Technology and Social เป็นการเรียนการสอนที่บูรณาการทั้งวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และมิติทางสังคมเข้าด้วยกัน ดังนั้นการสอนวิทยาศาสตร์แบบ STS จึงต้องการความชำนาญในยุทธวิธีการสอนที่กว้างขวางกว่า เช่นการคิดแบบปลายเปิด (divergent thinking) การทำงานเป็นกลุ่มย่อยขนาดเล็ก นักเรียนเป็นศูยน์กลาง การอภิปรายในชั้นเรียน การแก้ปัญหา การจำลองแบบและการจำลองสถานะการณ์ การตัดสินใจ การวิพากษ์วิจารณ์การเห็นแย้ง การโต้เถียงกันด้วยเหตุผล และรวมทั้งการสื่อ และการใช้แหล่งทรัพยากรในชุมชน (Iikenhead, solomon, 1989,1993)
ในแง่มุมของการศึกษาแบบ STS จะมีหลากหลายแนวทาง แนวทางในประเด็นที่นำไปสู่เทคโนโลยี แต่ไม่ลึกเข้าไปในคำถามทางสังคม ในแนวทางด้านอาชีพจะยกประเด็นคำถามเหล่านี้ขึ้นมา แนวทางที่ข้ามศาสตร์เน้นย้ำให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ แต่อาจจะเป็นไปได้ที่ทำให้ความเก่งของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีลงเมื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาทางสังคม
การศึกษาแบบ STS อยู่ในระดับที่ตื้นไม่ลึกซึ้งอะไร ถ้าปราศจากมิติทางประวัติศาสตร์ แต่ในเรื่องนี้ก็อาจเป็นไปได้กลายเป็นวิชาการมากเกินไป
ในแนวทางปรัชญาสามารถที่จะให้แนวคิดเกี่ยวกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ แต่ก็เฉพาะที่ระดับพื้นฐานมาก เมื่อ STS เป็นเหมือนแนวทางการสอนและการเรียนรู้ในบริบทประสบการณ์ของมนุษย์
สำหรับในแง่มุมของหลักสูตร โดยหน้าที่บ่งถึงว่าอะไรที่เป็นเป้าหมายสำหรับการสอนวิทยาศาสตร์แบบ STS ที่ซึ่งให้มีความรูรอบมโนทัศน์ที่ลุ่มลึกขึ้น มีความสามารถที่จะใช้ทักษะกระบวนการ ปรับปรุงทักษะการคิดสร้างสรร ทัศนคติทางวิทยาศาสตร์หรือจิตวิทยาศาสตร์ ให้นำมโนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์และทักษะกระบวนการมาใช้ในชีวิตประจำวัน และในการตอบสนองต่อการตัดสินใจส่วนบุคคล แนวทาง STS จึงหมายถึงแนวทางที่จะหาค่าหาคำตอบและโดยประสบการณ์ตรง ที่แนวคิดพื้นฐานและทักษะสามารถที่จะสังเกตได้ในสั้งเกต
STS ยังหมายถึงการมุ่งเน้นไปที่ปัญหาของโลกที่เป็นจริงที่มีองค์ประกอบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากแนวคิดทัศนะของนักเรียน แทนที่จะเริ่มจากมโนทัศน์และกระบวนการ ในลักษณะที่
-นอกเหนือจากห้องเรียนไปยังชุมชนในท้องถิ่น
-เหตุการปัจจุบัน
-มีศักยภาพที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และรับผิดชอบในการทำเช่นนั้น
-เน้นย้ำต่อความรับผิดชอบในการตัดสินใจในโลกแห่งความเป็นจริงของนักเรียน
ด้วยแนวทาง STS จะให้ทิศทางที่จะให้ทุกคนเป็นผู้รู้วิทยาศาตร์และเทคโนโลยี
ในแง่มุมของการศึกษาแบบ STS จะมีหลากหลายแนวทาง แนวทางในประเด็นที่นำไปสู่เทคโนโลยี แต่ไม่ลึกเข้าไปในคำถามทางสังคม ในแนวทางด้านอาชีพจะยกประเด็นคำถามเหล่านี้ขึ้นมา แนวทางที่ข้ามศาสตร์เน้นย้ำให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ แต่อาจจะเป็นไปได้ที่ทำให้ความเก่งของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีลงเมื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาทางสังคม
การศึกษาแบบ STS อยู่ในระดับที่ตื้นไม่ลึกซึ้งอะไร ถ้าปราศจากมิติทางประวัติศาสตร์ แต่ในเรื่องนี้ก็อาจเป็นไปได้กลายเป็นวิชาการมากเกินไป
ในแนวทางปรัชญาสามารถที่จะให้แนวคิดเกี่ยวกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ แต่ก็เฉพาะที่ระดับพื้นฐานมาก เมื่อ STS เป็นเหมือนแนวทางการสอนและการเรียนรู้ในบริบทประสบการณ์ของมนุษย์
สำหรับในแง่มุมของหลักสูตร โดยหน้าที่บ่งถึงว่าอะไรที่เป็นเป้าหมายสำหรับการสอนวิทยาศาสตร์แบบ STS ที่ซึ่งให้มีความรูรอบมโนทัศน์ที่ลุ่มลึกขึ้น มีความสามารถที่จะใช้ทักษะกระบวนการ ปรับปรุงทักษะการคิดสร้างสรร ทัศนคติทางวิทยาศาสตร์หรือจิตวิทยาศาสตร์ ให้นำมโนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์และทักษะกระบวนการมาใช้ในชีวิตประจำวัน และในการตอบสนองต่อการตัดสินใจส่วนบุคคล แนวทาง STS จึงหมายถึงแนวทางที่จะหาค่าหาคำตอบและโดยประสบการณ์ตรง ที่แนวคิดพื้นฐานและทักษะสามารถที่จะสังเกตได้ในสั้งเกต
STS ยังหมายถึงการมุ่งเน้นไปที่ปัญหาของโลกที่เป็นจริงที่มีองค์ประกอบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากแนวคิดทัศนะของนักเรียน แทนที่จะเริ่มจากมโนทัศน์และกระบวนการ ในลักษณะที่
-นอกเหนือจากห้องเรียนไปยังชุมชนในท้องถิ่น
-เหตุการปัจจุบัน
-มีศักยภาพที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และรับผิดชอบในการทำเช่นนั้น
-เน้นย้ำต่อความรับผิดชอบในการตัดสินใจในโลกแห่งความเป็นจริงของนักเรียน
ด้วยแนวทาง STS จะให้ทิศทางที่จะให้ทุกคนเป็นผู้รู้วิทยาศาตร์และเทคโนโลยี
รูปแบบการเรียนรู้แบบเจนเนอร์เรทีฟ
ตามชื่อมาจากคำว่า Generative learning model คำว่า generative เป็นคำคุณศัพท์ ส่วน generator เป็นคำนามที่แปลว่าเครื่องกำเนิด (ไฟฟ้า) generative จึงเป็นที่สภาพที่กำเนิดหรือที่กำเนิด ดังนั้น Generative learning model จึงเป็นรูปแบบที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ รูปแบบกำเนิดการเรียนรู้ เพื่อที่จะเปลี่ยนทัศนะแนวคิดของผู้เรียน ที่เน้นให้ว่านักเรียนจะกระตือรือร้น สร้างหรือก่อกำเนิดความหมายจากประสาทสัมผัสอินทรีย์ (sensory input) ตามรูปแบบการเรียนรู้แบบนี้นั้น เน้นตามวัตถุประสงค์สามประการ
1.ต้องทำให้ทัศนะของนักเรียนให้ชัดว่าเป็นอย่างไรก่อน
2.ปรับเปลี่ยนทัศนะนักเรียนไปทางทัศนะทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน
3.แล้วทำให้ทัศนะทางวิทยาศาสตร์เข้มแข็งมั่นคงขึ้นภายใต้ความรู้พื้นฐานที่นักเรียนมี
สำหรับกระบวนการในการสอนรูปแบบที่กำเนิดการเรียนรู้ กล่าวคือ
ในขั้นแรกเริ่มต้องมั่นใจให้ได้ถึงทัศนะที่มีอยู่ของนักเรียน ในขั้น focus ตามด้วยขั้น challenge หรือท้าทาย และขั้นการประยุกต์ (application) ที่มุ่งไปที่นำเอาทัศนะของนักเรียน เข้าไปอยู่ในแนวเดียวกับทัศนะทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันที่ยอมรับกัน
generative learning หรือการเรียนรู้ที่กำเนิดขึ้น เป็นทฤษฎีหนึ่งที่เน้นการบูรณาการสื่อใหม่ต่างๆอย่างแข็งขันกับแบบแผนความคิด (schemata) ที่มีอยู่ หรือการเข้าใจแนวคิดที่ผู้เรียนจะต้องบูรณาการอย่างกระตือรือร้นกับข้อมูลสารสนเทศใหม่ เข้ากับความเข้าใจหรือแบบแผนการคิดที่มีอยู่ เป็นข้อตกลงเบื้องต้นหลัก ของรูปแบบการเรียนรู้ที่เรียกว่า “generative learning ” (Wittrock, 1978,1976) ที่กล่าวอีกอย่างว่า การเรียนรู้ทั้งหมดเป็นการค้นพบ (all learning is discovery)
1.ต้องทำให้ทัศนะของนักเรียนให้ชัดว่าเป็นอย่างไรก่อน
2.ปรับเปลี่ยนทัศนะนักเรียนไปทางทัศนะทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน
3.แล้วทำให้ทัศนะทางวิทยาศาสตร์เข้มแข็งมั่นคงขึ้นภายใต้ความรู้พื้นฐานที่นักเรียนมี
สำหรับกระบวนการในการสอนรูปแบบที่กำเนิดการเรียนรู้ กล่าวคือ
ในขั้นแรกเริ่มต้องมั่นใจให้ได้ถึงทัศนะที่มีอยู่ของนักเรียน ในขั้น focus ตามด้วยขั้น challenge หรือท้าทาย และขั้นการประยุกต์ (application) ที่มุ่งไปที่นำเอาทัศนะของนักเรียน เข้าไปอยู่ในแนวเดียวกับทัศนะทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันที่ยอมรับกัน
generative learning หรือการเรียนรู้ที่กำเนิดขึ้น เป็นทฤษฎีหนึ่งที่เน้นการบูรณาการสื่อใหม่ต่างๆอย่างแข็งขันกับแบบแผนความคิด (schemata) ที่มีอยู่ หรือการเข้าใจแนวคิดที่ผู้เรียนจะต้องบูรณาการอย่างกระตือรือร้นกับข้อมูลสารสนเทศใหม่ เข้ากับความเข้าใจหรือแบบแผนการคิดที่มีอยู่ เป็นข้อตกลงเบื้องต้นหลัก ของรูปแบบการเรียนรู้ที่เรียกว่า “generative learning ” (Wittrock, 1978,1976) ที่กล่าวอีกอย่างว่า การเรียนรู้ทั้งหมดเป็นการค้นพบ (all learning is discovery)
วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ปฐกถานายกรัฐมนตรี ในงานนำเสนอผลงานวิจัยแห่งชาติ2553
ในตอนเช้านายกรัฐมนตรีได้มาเปิดงานภาคการประชุม และปาฐกถาพิเศษเรื่อง "การวิจัยและการสร้างสรรค์สังคมและเศรษฐกิจไทย ในเนื้อหาพอจะถอดความสำคัญได้คือ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการใช้ผลงานวิจัยมาแก้ปัญหาของประเทศ ไม่ใช่ด้วยอารมณ์ความรู้สึก แต่ด้วยปัญญาด้วยหลักฐานข้อเท็จจริงจากการวิจัยโดยให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิฐและสังคมแห่งชาติฉบับที่11 การใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การใชัภูมิปัญญาและวัฒนธรรม ในการพัฒนาประเทศ และการทำธุรกิจต่างๆก็จะต้องแข่งขันได้กับนานาชาติได้ ก็ต้องอาศัยงานวิจัย่ที่จะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ และการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้มีคุณภาพสูงขึ้น เน้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์วิสาหกิจขนาดย่อม
ในด้านการส่งเสริมการวิจัยให้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาของประเทศอย่างหนึ่งก็คือการเพิ่มงบประมาณการวิจัยให้เพิ่มสูงมากขึ้นจากเดิม ในภาพรวมจากงบประมาณการวิจัยเพียง 0.2 เปอร์เซ็นต์่ของจีดีพี จะให้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 0.5 เปอร์เซ็นต์ ภายในไม่เกิน 5 ปี ชาววิชาการทั้งหลายเตรียมตัวเตรียมใจเขียนข้อเสนอโครงการวิจัยกันต่อไปคงจะมีโอกาสได้งบประมาณมาทำงานวิจัยกันมากขึ้น ขอให้โครงการนั้นมีประโยชน์ และมีเหตุมีผลก็แล้วกัน
เรื่องสำคัญอีกอย่างที่นายกพูดถึงก็คือเรื่องมหาวิทยาลัย 1 จังหวัด 1 มหาวิทยาลัย ที่ให้มหาวิทยาลัยหนึ่งรับผิดชอบแก้ปัญหาให้กับจังหวัดโดยเฉพาะ ซึ่งการดำเนินการอย่างไรสำหรับจังหวัดที่มีหลายมหาวิทยาลัยนั้นยากที่จะคาดเดา หากจะสร้างมหาวิทยาลัยขึ้นมาใหม่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้ามองว่าเป็นการส่งสัญญาณว่า ให้ทำการวิจัยเพื่อท้องถิ่นให้มากขึ้น ให้เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อท้องถิ่นที่แท้ตามพรบ.มหาวิทยาลัยราชภัฏละก็ใกล้เคียง 1 จังหวัด 1 มหาวิทยาลัย
ในด้านการส่งเสริมการวิจัยให้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาของประเทศอย่างหนึ่งก็คือการเพิ่มงบประมาณการวิจัยให้เพิ่มสูงมากขึ้นจากเดิม ในภาพรวมจากงบประมาณการวิจัยเพียง 0.2 เปอร์เซ็นต์่ของจีดีพี จะให้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 0.5 เปอร์เซ็นต์ ภายในไม่เกิน 5 ปี ชาววิชาการทั้งหลายเตรียมตัวเตรียมใจเขียนข้อเสนอโครงการวิจัยกันต่อไปคงจะมีโอกาสได้งบประมาณมาทำงานวิจัยกันมากขึ้น ขอให้โครงการนั้นมีประโยชน์ และมีเหตุมีผลก็แล้วกัน
เรื่องสำคัญอีกอย่างที่นายกพูดถึงก็คือเรื่องมหาวิทยาลัย 1 จังหวัด 1 มหาวิทยาลัย ที่ให้มหาวิทยาลัยหนึ่งรับผิดชอบแก้ปัญหาให้กับจังหวัดโดยเฉพาะ ซึ่งการดำเนินการอย่างไรสำหรับจังหวัดที่มีหลายมหาวิทยาลัยนั้นยากที่จะคาดเดา หากจะสร้างมหาวิทยาลัยขึ้นมาใหม่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้ามองว่าเป็นการส่งสัญญาณว่า ให้ทำการวิจัยเพื่อท้องถิ่นให้มากขึ้น ให้เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อท้องถิ่นที่แท้ตามพรบ.มหาวิทยาลัยราชภัฏละก็ใกล้เคียง 1 จังหวัด 1 มหาวิทยาลัย
วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เวชศาสตร์ชลอวัยจากจิบจิบนกแอร์
จากที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ประเทศที่มีผู้สูงวัยมาก เหตุผลหนึ่งที่ทำให้มนุษย์เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วนน้ำนมที่ยืนนานที่สุด ก็คือความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ ดังจะเห็นได้จากอายุเฉลี่ยของคนไทยก็สูงขึ้น อย่างไรก็ตามการมีผู้สูงวัยมากไม่ใช่ว่าเป็นคนแก่ แต่เป็นคนแก่ที่สุขภาพดียังทำงานกระฉับกระเฉงอยู่ ต่อไปคงจะทายอายุกันยากมากขึ้น เพราะขณะนี้ได้เกิดสาขาทางการแพทย์ใหม่ขึ้นมาในทางที่จะชลอความแก่ ที่เรียกว่า เวชศาสตร์ชลอวัย (Ani Ageing Medicine) เป็นศาสตร์แนวใหม่ในการดูแลสุขภาพจากภายใน โดยวิเคราะห์เจาะลึกถึงระดับพันธุกรรม การทำงานของเซลล์ อวัยวะต่างๆ ในแนวทางที่จะวางแผนดูแลสุขภาพ ป้องกันการเกิดโรค ด้วยแนวคิดที่ว่าการเกิดโรคบางอย่างบ่งบอกถึงความเสื่อมที่เกิดภายในร่างกายหรือความชราเข้ามาเยือนบ้างแล้ว อันได้แก่โรคเบาหวาน ความดัน หัวใจจากหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
โดยความพยายามจะหาปัจจัยความเสื่อม โดยทุกคนหลีกเลี่ยงความเสื่อมความชราไม่ได้แต่สามารถทื่จะชลอได้ ซึ่งปัจจัยความเสื่อมได้แก่พันธุกรรมในร่างกาย เซลล์เสื่อมสภาพจากสะสมอนุมูลอิสระ ภาวะบกพร่องของฮอร์โมน นำไปสู่การตรวจพันธุกรรม การตรวจภาวะโภชนาการ การประเมินประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ จากการตรวจ
ระดับกรดอะมิโน ระดับกรดไขมันที่จำเป็น ระดับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ การตรวจประสิทธิภาพ การขจัดของเสียของตับ การตรวจความรุนแรงการสะสมของโลหะหนัก และสารพิษที่ก่อให้เกิดโรค การตรวจภูมิแพ้และแอบแฝง
โดยสรุปเวชศาสร์ชลอวัยเป็นศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ผสมผสานเทคโนโลยีการตรวจในห้องปฏิบัติการทำให้ทราบถึงโอกาสที่จะเกิดโรค เป็นที่มาของทฤษฎีการตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุของความผิดปกติในเซลล์ก่อนที่จะเกิดโรคจริง เพราะการตรวจสุขภาพตามปกติ ถ้าไม่มีโรคจะตรวจไม่เจอ ไม่ได้ประกันว่าเซล อวัยวะต่างๆในร่างกายยังทำงานได้ปกติ
โดยความพยายามจะหาปัจจัยความเสื่อม โดยทุกคนหลีกเลี่ยงความเสื่อมความชราไม่ได้แต่สามารถทื่จะชลอได้ ซึ่งปัจจัยความเสื่อมได้แก่พันธุกรรมในร่างกาย เซลล์เสื่อมสภาพจากสะสมอนุมูลอิสระ ภาวะบกพร่องของฮอร์โมน นำไปสู่การตรวจพันธุกรรม การตรวจภาวะโภชนาการ การประเมินประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ จากการตรวจ
ระดับกรดอะมิโน ระดับกรดไขมันที่จำเป็น ระดับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ การตรวจประสิทธิภาพ การขจัดของเสียของตับ การตรวจความรุนแรงการสะสมของโลหะหนัก และสารพิษที่ก่อให้เกิดโรค การตรวจภูมิแพ้และแอบแฝง
โดยสรุปเวชศาสร์ชลอวัยเป็นศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ผสมผสานเทคโนโลยีการตรวจในห้องปฏิบัติการทำให้ทราบถึงโอกาสที่จะเกิดโรค เป็นที่มาของทฤษฎีการตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุของความผิดปกติในเซลล์ก่อนที่จะเกิดโรคจริง เพราะการตรวจสุขภาพตามปกติ ถ้าไม่มีโรคจะตรวจไม่เจอ ไม่ได้ประกันว่าเซล อวัยวะต่างๆในร่างกายยังทำงานได้ปกติ
เรื่องคาดไม่ถึงของศาสตร์พันธุกรรม
ปัจจุบันศาสตร์ด้านพันธุ์วิศวกรรมได้รับการยอมรับและนำไปประยุกต์ใช้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของพืชตกแต่งพันธุ์กรรม ในสัตว์ก็คือการจำลองสิ่งมีชีวิตให้เหมือนต้นแบบที่เรียกว่าโคลนนิ่งก็มีการนำมาใช้อย่างกว้างขวาง แต่สำหรับผู้ที่เริ่มต้นในศาสตร์ด้านนี้คือวิทยาศาสตร์พันธุกรรม ผลการศึกษาค้นคว้าแม้แต่ผู้คิดค้นก็คาดไม่ถึงจริงๆ เพราะเมื่อเป็นที่เข้าใจเขาก็เสียชีวิตไปแล้ว
กล่าวคือโจฮาน เมนเดลถือว่าพระชาวออสเตรียเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งวิทยาศาสตร์พันธุกรรม ที่ว่าคาดไม่ถึงก็เพราะเขาดำเนินชีวิตไปในทางที่เขาเองไม่พอใจและไม่ต้องการ อยากเป็นครูสอนมหาวิทยาลัยแต่ก็สอบเข้ามาทำงานไม่ได้ โดยทางมหาวิทยาลัยมีบันทึกผลการสอบไว้ว่า เขาขาดความชัดเจนในระดับความรู้ลึกและที่จำเป็น เมื่อเมนเดลส่งบนความการทดลองอันเป็นงานบุกเบิกพันธุศาสตร์พิมพ์เผยแพร่ไปยังนักพืชศาสตร์ชาวสวิตส์ก็ยังถูกส่งกลับด้วยข้อคิดเห็นที่เย็นชา เมื่อเขาไม่ได้พิมพงานเผยแพร่ เป็นผลให้เมนเดลล้มเลิกงานทางวิทยาศาสตร์ โดยงานที่สำคัญของเขาไม่เป็นที่เข้าใจจนกระทั่งปี 1900 หรือ 110 ปีมาแล้ว อันเป็นเวลาที่เขาเสียชีวิตไปแล้วถึง 16 ปี
ผลงานของเมนเดลเกี่ยวของกับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมในพืช โดยทดลองกับต้นถั่วที่ปลูกเพื่อการทดลองแสดงให้เห็นถึงลักษณะทางกรรมพันธ์ที่เป็นลักษณะเด่นและลักษณะด้วย จากความเรู้เรื่องเหล่านี้นำไปสู่การค้นพบที่ไม่ธรรมดาก็คือยีนหรือสารพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะทางกรรมพันธ์ นำไปสู่การค้นพบรหัสพันธุกรรมมนุษย์ สามารถที่จะตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อประโยชน์ต่างๆ ได้มากมายรวมถึงการจำลองแบบพืชสัตว์หรือโคลนนิ่ง นำไปสู่วิชาใหม่ๆ เช่นพันธุวิศวกรรม ชีวเทคโนโลยี เป็นต้น
กล่าวคือโจฮาน เมนเดลถือว่าพระชาวออสเตรียเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งวิทยาศาสตร์พันธุกรรม ที่ว่าคาดไม่ถึงก็เพราะเขาดำเนินชีวิตไปในทางที่เขาเองไม่พอใจและไม่ต้องการ อยากเป็นครูสอนมหาวิทยาลัยแต่ก็สอบเข้ามาทำงานไม่ได้ โดยทางมหาวิทยาลัยมีบันทึกผลการสอบไว้ว่า เขาขาดความชัดเจนในระดับความรู้ลึกและที่จำเป็น เมื่อเมนเดลส่งบนความการทดลองอันเป็นงานบุกเบิกพันธุศาสตร์พิมพ์เผยแพร่ไปยังนักพืชศาสตร์ชาวสวิตส์ก็ยังถูกส่งกลับด้วยข้อคิดเห็นที่เย็นชา เมื่อเขาไม่ได้พิมพงานเผยแพร่ เป็นผลให้เมนเดลล้มเลิกงานทางวิทยาศาสตร์ โดยงานที่สำคัญของเขาไม่เป็นที่เข้าใจจนกระทั่งปี 1900 หรือ 110 ปีมาแล้ว อันเป็นเวลาที่เขาเสียชีวิตไปแล้วถึง 16 ปี
ผลงานของเมนเดลเกี่ยวของกับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมในพืช โดยทดลองกับต้นถั่วที่ปลูกเพื่อการทดลองแสดงให้เห็นถึงลักษณะทางกรรมพันธ์ที่เป็นลักษณะเด่นและลักษณะด้วย จากความเรู้เรื่องเหล่านี้นำไปสู่การค้นพบที่ไม่ธรรมดาก็คือยีนหรือสารพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะทางกรรมพันธ์ นำไปสู่การค้นพบรหัสพันธุกรรมมนุษย์ สามารถที่จะตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อประโยชน์ต่างๆ ได้มากมายรวมถึงการจำลองแบบพืชสัตว์หรือโคลนนิ่ง นำไปสู่วิชาใหม่ๆ เช่นพันธุวิศวกรรม ชีวเทคโนโลยี เป็นต้น
วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553
การประเมินผลเชิงคุณภาพและปริมาณ
การประเมินผลเชิงปริมาณ ดูจากความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้อง โดยรอบว่าพอใจมากน้อยแค่ไหน การทำ Bench mark กับองค์กรที่คล้ายกัน ขนาดองค์กรใกล้เคียงกันใช้เวลาในการทำเท่าๆ กัน โดยประมาณ อาจใช้วิธีตัดเกรดองค์กรให้เกรด A - F การทำ Bench mark กับ Best Practice ที่ให้ผลลัพธ์หรือ outcome ผู้บริหารและพนักงานมีความสุขมีผลพลอยได้ (By product) ที่ทุกคนทำงานด้วยความขยันขันแข็ง สามัคคีกันไม่นินทาอิจฉากัน แล้วจะทำให้ ตัวชี้วัดหลัก (KPI) ยกระดับไปในทางที่ดีขึ้น
ในการประเมินเชิงปริมาณ หรือในเชิงผลลัพธ์ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปตามนโยบาย ที่มีการกำหนดเอ้าพุท การวัดแบบผลลัพธ์ มองไปที่องค์กรได้กำไรเพิ่มขึ้น ลดต้นทุนลงได้ มีความพึงพอใจมากขึ้น ในการวัดเอ้าพุทถือเอาผลประโยชน์ เช่นจากที่ได้จากการจดสิทธิบัตร ความผิดพลาดลดน้อยลง มีความเผลอเรอลดลง อัตราการลาออกลดลง โครงการต่างๆ มีมากขึ้น สมัครใจทำงานมากขึ้น งานค้างลดลง ประสิทธิภาพการประชุมดีขึ้น ได้ข้อควรและไม่ควร (Trick & Tip) มีเคล็ดลับมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการประเมินในเชิงความสำเร็จตามขึ้นตอนที่กำหนดไว้ หากทำได้ตามขั้นตอนจริงถือว่างานนั้นมีคุณภาพ ซึ่งรวมประสิทธิภาพอยู่ด้วย และการประเมินอีกชนิดหนึ่งคือ การประเมินในเชิงทำได้หรือทำไม่ได้ แน่นอนว่าก็ต้องมีเกณฑ์ต่อไปว่าถ้าทำได้ ในระดับใดจึงจะมีคุณภาพ
ถอดความจากข้อเขียนของ อ.วรภัทร ภู่เจริญ
ในการประเมินเชิงปริมาณ หรือในเชิงผลลัพธ์ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปตามนโยบาย ที่มีการกำหนดเอ้าพุท การวัดแบบผลลัพธ์ มองไปที่องค์กรได้กำไรเพิ่มขึ้น ลดต้นทุนลงได้ มีความพึงพอใจมากขึ้น ในการวัดเอ้าพุทถือเอาผลประโยชน์ เช่นจากที่ได้จากการจดสิทธิบัตร ความผิดพลาดลดน้อยลง มีความเผลอเรอลดลง อัตราการลาออกลดลง โครงการต่างๆ มีมากขึ้น สมัครใจทำงานมากขึ้น งานค้างลดลง ประสิทธิภาพการประชุมดีขึ้น ได้ข้อควรและไม่ควร (Trick & Tip) มีเคล็ดลับมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการประเมินในเชิงความสำเร็จตามขึ้นตอนที่กำหนดไว้ หากทำได้ตามขั้นตอนจริงถือว่างานนั้นมีคุณภาพ ซึ่งรวมประสิทธิภาพอยู่ด้วย และการประเมินอีกชนิดหนึ่งคือ การประเมินในเชิงทำได้หรือทำไม่ได้ แน่นอนว่าก็ต้องมีเกณฑ์ต่อไปว่าถ้าทำได้ ในระดับใดจึงจะมีคุณภาพ
ถอดความจากข้อเขียนของ อ.วรภัทร ภู่เจริญ
วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553
การเกิดสมาธิ
จิตที่ดำรงอยู่รู้เท่าทันกับปัจจุบัน เมื่อเกิดแล้วไม่ยึดถือจะไม่เป็นทุกข์ ดังนั้นการปฏิบัติด้วยความพยายามรักษาใจให้อยู่กับปัจจุบันให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว ทำบ่อยๆ นานๆ เข้าจิตก็จะสงบรับงับ นำไปสู่จิตที่ตั้งมั่น กลายเป็นสมาธิได้โดยไม่รู้ตัว อันเป็นธรรมชาติของจิตที่นิ่ง
ดังนั้นการเจริญสติรู้อยู่กับปัจจุบันให้ตลอดต่อเนื่อง ผลที่เกิดเป็นสมาธิขึ้นมาเอง นั่นคือสมาธิก็คือผลจากการเจริญสติรู้ตัวรู้การกระทำ ปัญญาก็จะเกิดขึ้นในที่สุด
ดังนั้นการเจริญสติรู้อยู่กับปัจจุบันให้ตลอดต่อเนื่อง ผลที่เกิดเป็นสมาธิขึ้นมาเอง นั่นคือสมาธิก็คือผลจากการเจริญสติรู้ตัวรู้การกระทำ ปัญญาก็จะเกิดขึ้นในที่สุด
การทำงานให้ประสบผลสำเร็จ
คนเรารักความอิสระ จากธรรมชาติของใจคนไม่ชอบการบังคับ ดังนั้นการจะทำอะไรต้องเต็มใจที่จะทำ ทำให้มีกำลังใจที่จะทำ และทำด้วยความมั่นใจ ผลที่ได้จากการกระทำก็ก่อให้เกิดความภูมิใจ การทำงานใดๆ ก็จะทำได้ดี คือไม่ย่อท้อ ท้อถอย เบื่อหน่าย นั่นหมายถึงว่าจะประสบผลสำเร็จได้ในที่สุด
หน้าที่ของมนุษย์ที่ควรจะเป็น
ที่สำคัญคือการปฏิบัติตามกฏของธรรมชาติ ธรรมะก็คือหน้าที่ และธรรมะก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่เป็นตัวธรรมชาติ ขณะเดียวกันธรรมะก็คือกฏของธรรมชาติ
จิตที่เป็นทุกข์และไม่เป็นทุกข์
ทุกข์ใจเกิดจากการยึดมั่นถือมั่น ขณะใดที่จิตไม่ยึดถือ คนเราก็จะปกติสุข นั่นคือการไม่ยินดียินร้าย ต่อการมี การได้มาและการจากไปของทุกสิ่งทุกอย่าง
เป็นทุกข์เพราะจิตยังยึดอดีต จิตที่ยึดอนาคตก็เป็นทุกข์ การทำให้จิตรู้เท่าทันอยู่กับปัจจุบัน ที่จะเกิดอะไรขึ้นก็ตามไม่ยึดถือก็จะไม่เป็นทุกข์
เป็นทุกข์เพราะจิตยังยึดอดีต จิตที่ยึดอนาคตก็เป็นทุกข์ การทำให้จิตรู้เท่าทันอยู่กับปัจจุบัน ที่จะเกิดอะไรขึ้นก็ตามไม่ยึดถือก็จะไม่เป็นทุกข์
ศิล สมาธิ ปัญญา
การมีศิล คือการที่กายวาจาใจมีความสงบ จากบาปทังปวง ศิลที่แท้จริงเป็นความปกติของ กาย วาจา ใจ มีความหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหว ต่อกิเลสต่างๆ ยังเป็นปกติอยู่ตลอดเวลา จึงเปรียบเทียบศิลกับศิลาที่แข็งแกร่ง
การทำสมาธิจนมีสมาธิทำให้ได้พักกายใจ ยังไม่ใช่การดับทุกข์ การดับทุกข์ได้ก็ต้องอาศัยสติปัญญาที่เข้าไปรู้เห็นระหว่างความดีความเลว ความสงบกับไม่สงบว่าต่างกันอย่างไร ก็ต้องรู้สาเหตุแห่งทุกข์ได้ก่อนที่จะดับทุกข์ได้
การทำสมาธิจนมีสมาธิทำให้ได้พักกายใจ ยังไม่ใช่การดับทุกข์ การดับทุกข์ได้ก็ต้องอาศัยสติปัญญาที่เข้าไปรู้เห็นระหว่างความดีความเลว ความสงบกับไม่สงบว่าต่างกันอย่างไร ก็ต้องรู้สาเหตุแห่งทุกข์ได้ก่อนที่จะดับทุกข์ได้
จุดหมายของการปฏิบัติธรรม
จุดหมายที่แท้ของการปฏิบัติธรรม คือการทำเพื่อเอาชนะใจตนเองเท่านั้น มิใช่จุดประสงค์เพื่อเอาชนะคนอื่นใด สอดคล้องกับที่กล่าวว่า ธรรมใดก็ไร้ผล เมื่อตนนั้นไม่นำไปทำที่ตน
รู้ในรู้
ทุกอิริยะบท ทุกขณะว่าขณะนี้เรากำลังทำอะไร และต้องรู้ด้วยว่ากำลังทำอะไรอยู่ เช่นว่าขณะนี้เรากำลังอ่านหนังสือ และกำลังรู้เกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน หากเราต้องการเน้นย้ำลงไปอีกว่า ขณะนี้เรากำลังอ่านหนังสือเป็นการรู้กิริยาอาการของตัวเองไปด้วย เป็นการรู้ซ้อนทับลงไปอีกครั้ง เป็นการกระทำนั้นอีกครั้ง เป็นอาการของที่เรียกว่า รู้ในรู้ นั่นก็คือเราต้องมีสติรู้ตัวซ้อนทับลงไปในการกระทำนั้น สรุปได้ว่ารูัครั้งแรกเป็นสติตัวแรก และรู้ในรู้เป็นสติตัวที่สอง เป็นการรู้ตัวที่จะให้เกิดปัญญา วิปัสนา รู้ในมรรคผล นิพพาน
รู้ในรู้จึงเป็นปัจจัตตัง หรือการเห็นแจ้ง มาจากจากรู้ปริยัติ รู้ปฏิบัติ และรู้ในรู้เป็นปฏิเวธ หรือที่เรียกอีกว่าว่า ปริโยสานกัลยานัง อันเป็นที่สุดแห่งธรรม
รู้ในรู้จึงเป็นปัจจัตตัง หรือการเห็นแจ้ง มาจากจากรู้ปริยัติ รู้ปฏิบัติ และรู้ในรู้เป็นปฏิเวธ หรือที่เรียกอีกว่าว่า ปริโยสานกัลยานัง อันเป็นที่สุดแห่งธรรม
วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553
อสม. ทสม.
ทสม. เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน เป็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
อสม. มีหน้าที่ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ในการปกป้อง และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมด้วยตนเอง นอกจากทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังการทำลายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมในชุมชนตัวเอง แล้วยังรับบทบาทเป็นผู้ประสานงาน
อสม. มีหน้าที่ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ในการปกป้อง และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมด้วยตนเอง นอกจากทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังการทำลายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมในชุมชนตัวเอง แล้วยังรับบทบาทเป็นผู้ประสานงาน
วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ไทยเข้มแข็งกับอาหาร
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งออกด้านอาหารเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เฉพาะข้าวอย่างเดียวเราก็ส่งออกไอ้ทุกปี บางปีก็ส่งออกได้มากที่สุด และขณะที่ประเทศอื่นไม่สามารถส่งออกข้าวได้เลย ประเทศไทยก็ยังส่งออกข้าวได้ ถ้ารวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ ของไทยที่ส่งออกก็มีอยู่อีกมากมาย จนกล่าวได้ว่าประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลกทีเดียว
การน้อมนำเอาแนวเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ซึ่งให้ความสำคัญกับการพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น โดยเฉพาะพืชอาหารและยา หากเหลือจากการใช้ในครัวเรือนและแบ่งปันแล้ว สามารถนำไปจำหน่ายจ่ายแจก และเมื่อดำเนินมาในขั้นที่ก่อให้เกิดการรวมตัวกัน สร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพแบบ SME ก็จะไปสอดคล้องกับกรอบอาเซียนที่จะมีข้อตกลงทางการค้าเสรีหรือ FTA แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ด้านเกษตรจะเป็นตัวหลัก และตามกระแสโลกที่กำลังหันมานิยมอาหารอินทรีย์ หรือผลผลิตจากธรรมชาติ เช่นเฉพาะส้มแขกอย่างเดียวสามารถส่งไปขายในอเมริกาได้ถึง 600 ล้านบาทเป็นต้น
ปัจจุบันมีการแปรรูปอาหารในหลายรูปแบบที่จะคงยืดอายุอาหารให้นานออกไป และการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร ทำให้หาวิธีการที่จะยืดอายุอาหารโดยไม่ให้คุณค่าอาหารลดน้อยลงไปมากนัก ในการนี้ได้ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์อาหารขึ้นหลากหลายรูปแบบที่จะผลิตออกสู่ตลาดและส่งออกได้ นอกจากนี้ แล้วยังสามารถที่จะผลิตอาหารได้ตามความต้องการตามประเภทผู้บริโภค เช่นอาหารสุขภาพด้านต่างๆ สำหรับผู้สูงอายุ อาหารควบคุมน้ำหนัก อาหารชลอความแก่ อาหารช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรค อาหารช่วยบำบัดโรค อาหารสำหรับนักกีฬาประเภทต่างๆ แลอาหารสำหรับเด็กในวัยต่างๆ เป็นต้น จากนี้จะเห็นแนวทางแล้วว่าเฉพาะอาหารอย่างเดียวก็จะทำให้ไทยเข้มแข็งได้
การน้อมนำเอาแนวเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ซึ่งให้ความสำคัญกับการพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น โดยเฉพาะพืชอาหารและยา หากเหลือจากการใช้ในครัวเรือนและแบ่งปันแล้ว สามารถนำไปจำหน่ายจ่ายแจก และเมื่อดำเนินมาในขั้นที่ก่อให้เกิดการรวมตัวกัน สร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพแบบ SME ก็จะไปสอดคล้องกับกรอบอาเซียนที่จะมีข้อตกลงทางการค้าเสรีหรือ FTA แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ด้านเกษตรจะเป็นตัวหลัก และตามกระแสโลกที่กำลังหันมานิยมอาหารอินทรีย์ หรือผลผลิตจากธรรมชาติ เช่นเฉพาะส้มแขกอย่างเดียวสามารถส่งไปขายในอเมริกาได้ถึง 600 ล้านบาทเป็นต้น
ปัจจุบันมีการแปรรูปอาหารในหลายรูปแบบที่จะคงยืดอายุอาหารให้นานออกไป และการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร ทำให้หาวิธีการที่จะยืดอายุอาหารโดยไม่ให้คุณค่าอาหารลดน้อยลงไปมากนัก ในการนี้ได้ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์อาหารขึ้นหลากหลายรูปแบบที่จะผลิตออกสู่ตลาดและส่งออกได้ นอกจากนี้ แล้วยังสามารถที่จะผลิตอาหารได้ตามความต้องการตามประเภทผู้บริโภค เช่นอาหารสุขภาพด้านต่างๆ สำหรับผู้สูงอายุ อาหารควบคุมน้ำหนัก อาหารชลอความแก่ อาหารช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรค อาหารช่วยบำบัดโรค อาหารสำหรับนักกีฬาประเภทต่างๆ แลอาหารสำหรับเด็กในวัยต่างๆ เป็นต้น จากนี้จะเห็นแนวทางแล้วว่าเฉพาะอาหารอย่างเดียวก็จะทำให้ไทยเข้มแข็งได้
ลักษณะองค์กรและแห่งการเรียนรู้
มีหลายคนเคยบรรยายลักษณะว่าองค์กรเรียนรู้น่าจะมีที่ควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งพอจะประมวลได้ ตั้งแต่โครงสร้างขององค์กรที่ต้องมีการปรับตัวจากแนวตั้งหลายลำดับชั้นมาเป็นแนวราบมากขึ้น นั้นจะต้องมีความยืดหยุ่น คล่องตัวมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าสายการบังคับบัญชาลงไป มอบการตัดสินใจให้ดำเนินงานมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาได้ทันท่วงที
การทำให้สมาชิกในองค์กรสนใจใฝ่รู้อยู่ตลอดเวลาผู้บริหารจะต้องสนับสนุนส่งเสริมให้มีวัฒนธรรมในการเรียนรู้ที่ถูกต้อง โดยเฉพาะในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อให้ได้สินค้าและบริการที่ดีที่สุด การประจายอำนาจให้สมาชิกมีอิสระในการปฏิบัติงาน สามารถคิดแก้ปัญหาตัดสินใจเองได้ตามภาระหน้าที่ให้มากที่สุด
การทำให้สมาชิกในองค์กรสนใจใฝ่รู้อยู่ตลอดเวลาผู้บริหารจะต้องสนับสนุนส่งเสริมให้มีวัฒนธรรมในการเรียนรู้ที่ถูกต้อง โดยเฉพาะในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อให้ได้สินค้าและบริการที่ดีที่สุด การประจายอำนาจให้สมาชิกมีอิสระในการปฏิบัติงาน สามารถคิดแก้ปัญหาตัดสินใจเองได้ตามภาระหน้าที่ให้มากที่สุด
ความหมายวิจัยของพระธรรมปิฏก
1. ค้นหาความจริง
2. ค้นหาสิ่งที่ดี สิ่งที่ต้องการ สิ่งที่มีประโยชน์
3. ค้นหาทางหรือวิธีการที่จะทำให้ได้ดี
4. ค้นหาวิธีที่ทำให้สำเร็จ
2. ค้นหาสิ่งที่ดี สิ่งที่ต้องการ สิ่งที่มีประโยชน์
3. ค้นหาทางหรือวิธีการที่จะทำให้ได้ดี
4. ค้นหาวิธีที่ทำให้สำเร็จ
ลักษณะองค์กรที่ประสบผลสำเร็จบางประการ
อย่างแรกสุดคือ องค์กรนั้นจะต้องมีระบบที่ดี
คนมีคุณภาพและมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
คนมีคุณภาพและมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ข้อค้นพบเกี่ยวกับครู
ครูที่มีทักษะทางวิชาการสูง เมื่อไปสอนเด็กนักเรียน นักเรียนเรียนได้ดีกว่า ทั้งนี้กล่าวได้ว่า ในการสอนนั้นถือว่าไม่มีวิธีการสอนที่ดีที่สุด
วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553
temp
ความประหลาดใจ ความสงสัย นำไปสู่การตั้งคำถาม และออกแบบสร้างกระบวนการที่มีคุณค่าในทุกระดับ ทำให้ทราบว่าอะไรดีอะไรไม่ดี อะไรเหมาะสมอะไรไม่เหมาะสม ทำให้แยกแยะระหว่างดีกับแล้ว ของเสีย กับของดี อาหารมีประโยชน์ กับอาหารที่เป็นโทษ รู้ว่าอหารใดมีคุณค่าต่อร่างกาย ในแนวทางที่วิทยาศาสตร์มีส่วนช่วยในกระบวนการดังกล่าว
การเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ พบว่าปรากฏการณ์ธรรมชาติ
การเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ พบว่าปรากฏการณ์ธรรมชาติ
เส้นทางสู่ปัญญา
ในการทำให้เกิดการเรียนรู้ ทุกคนคงจะต้องคิดเองทำเองในกระบวนการที่จะต้องดำเนินไป ถือว่าเป็นธรรมชาติของความจริงที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะรูปร่าง และความหมาย การลงไปมีส่วนร่วมสัมผัสกับมัน อะไรใหม่ๆ จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะมีสิ่งที่ค้นพบใหม่ที่สร้างขึ้นมา การจะเข้าใจอะไรอย่างลึกซึ้งเราต้องเข้าไปรับรู้ ไปมีส่วนร่วมเอง ใครอื่นใดก็ทำให้ไม่ได้ แต่ในกระบวนการเราก็จะต้องทำอะไรร่วมกัน ต้องพึ่งพาอาศัยกันในรูปแบบที่แตกต่างออกไป ได้ทดลองความคิด แลกเปลี่ยนแบ่งบันในเรื่องที่เรียนรู้ มีส่วนจุดประกายให้เห็นเส้นทางใหม่ๆ
ตัองไม่ลืมว่าต่างก็ยังมีความต้องการกันและกัน ต้องการการให้อภัยกันและกันได้เมื่อทำอะไรผิดพลาด มีความเชื่อใจกันในเรื่องที่ฝัน และในความหวัง การเป็นเพื่อนในการร่วมดำเนินการ ที่จะช่วยกันไม่ให้หลงทาง หรือผิดพลาด เป็นโลกใหม่ที่มีความไม่แน่นอน เราอาจต้องมีความกล้าหาญในการทำสิ่งที่แตกต่าง เส้นทางที่เดินบางยังมีอุปสรรค์ ตกหลุมตกร่อง หรือออกนอกลู่นอกทางบ้าง จึงจำเป็นความอดทน ความกรุณา การให้อภัย จะต้องมีให้กันและกันอยู่เสมอ
การคิดที่แตกต่างนำไปสู่การกระทำที่แตกต่าง การคิดที่มีลักษณะแปลกพิศดาร พร้อมรับกับความไม่แน่นอนยอมรับบทบาทของความไร้ระเบียบที่จะนำไปสู่การมีระเบียบใหม่ นั่นคืออยู่กับความแปลกและความอยากรู้อยากเห็น นำไปสู่ปัญญา การทำให้เกิดความประหลาดใจ แม้จะมีความไม่แน่นอนแต่ก็นำไปสู่การค้นพบ เป็นเวลาของการเรียนรู้ใหม่
ตัองไม่ลืมว่าต่างก็ยังมีความต้องการกันและกัน ต้องการการให้อภัยกันและกันได้เมื่อทำอะไรผิดพลาด มีความเชื่อใจกันในเรื่องที่ฝัน และในความหวัง การเป็นเพื่อนในการร่วมดำเนินการ ที่จะช่วยกันไม่ให้หลงทาง หรือผิดพลาด เป็นโลกใหม่ที่มีความไม่แน่นอน เราอาจต้องมีความกล้าหาญในการทำสิ่งที่แตกต่าง เส้นทางที่เดินบางยังมีอุปสรรค์ ตกหลุมตกร่อง หรือออกนอกลู่นอกทางบ้าง จึงจำเป็นความอดทน ความกรุณา การให้อภัย จะต้องมีให้กันและกันอยู่เสมอ
การคิดที่แตกต่างนำไปสู่การกระทำที่แตกต่าง การคิดที่มีลักษณะแปลกพิศดาร พร้อมรับกับความไม่แน่นอนยอมรับบทบาทของความไร้ระเบียบที่จะนำไปสู่การมีระเบียบใหม่ นั่นคืออยู่กับความแปลกและความอยากรู้อยากเห็น นำไปสู่ปัญญา การทำให้เกิดความประหลาดใจ แม้จะมีความไม่แน่นอนแต่ก็นำไปสู่การค้นพบ เป็นเวลาของการเรียนรู้ใหม่
ความสำคัญของความรู้ในโลกใหม่
เน้นความรู้ที่มาจากการกระทำลงมือปฏิบัติ หรือจากประสบการณ์ถือเป็นความรู้ที่แท้อันถือว่าเป็นความรู้ที่ดีที่สุด และความรู้ไม่ใช่ว่าจะถ่ายทอดให้กันได้ง่ายๆ เพราะยังต้องคำนึงถึงว่าจะนำความรู้นั้นไปใช้อย่างไร ในบริบทที่เหมือนหรือต่างไปจากที่เคยใช้ได้ ในควอนตัมฟิสิกส์ได้ชี้ให้เห็นถึงสภาพดังกล่าวได้ดีที่ในโลกควอนตัมนั้นทุกสิ่งขึ้นอยู่กับบริบท อันเป็นตัวบอกให้ทราบว่าความสัมพันธ์มีลักษณะเฉพาะเป็นเอกลักษณ์ที่มีอยู่ที่ขณะนั้นๆ เป็นความสัมพันธ์ในแต่ละสถานที่ และแต่ละเวลานั้นแตกต่างกัน คำตอบที่ได้ในบริบทหนึ่งไม่สามารถนำมาใช้ในอีกบริบทหนึ่งในทันที ทำให้ต้องมีการตรวจสอบ ทดลองยืนยันใหม่ให้แน่ใจ
โดยเฉพาะความรู้ในท้องถิ่นชุมชน เราจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยตนเอง ผู้ที่มาเกี่ยวข้องต่างก็มองหาคำตอบของตัวเอง ดังนั้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หรือความรู้กันจึงเป็นสิ่งสำคัญ ต้องรู้จักแบ่งปันสิ่งที่ได้มาของแต่ละคน เรียนรู้สิ่งที่เป็นไปได้จากกันและกัน ความสำเร็จของผู้อื่นก็เป็นแนวนทางในการต่อยอดความรู้ ในการค้นพบความรู้ที่จะมาสร้างพลังของปัญญาต่อไป อันจะนำมาซึ่งความมั่งคั่ง ลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ เพราะคนที่มีความรู้ไม่ค่อยก่อให้เกิดปัญหามีส่วนทำความเสียหายต่อสังคมน้อยกว่า
โดยเฉพาะความรู้ในท้องถิ่นชุมชน เราจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยตนเอง ผู้ที่มาเกี่ยวข้องต่างก็มองหาคำตอบของตัวเอง ดังนั้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หรือความรู้กันจึงเป็นสิ่งสำคัญ ต้องรู้จักแบ่งปันสิ่งที่ได้มาของแต่ละคน เรียนรู้สิ่งที่เป็นไปได้จากกันและกัน ความสำเร็จของผู้อื่นก็เป็นแนวนทางในการต่อยอดความรู้ ในการค้นพบความรู้ที่จะมาสร้างพลังของปัญญาต่อไป อันจะนำมาซึ่งความมั่งคั่ง ลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ เพราะคนที่มีความรู้ไม่ค่อยก่อให้เกิดปัญหามีส่วนทำความเสียหายต่อสังคมน้อยกว่า
การเพาะเห็ดฟางจากทะลายปาล์ม
วิธีทำ
นำทะลายปาล์มมาล้างสีแดงออก โดยการล้างไปเหยียบไป จนน้ำแดงที่ออกมาเกือบหมด ในราว 1 วัน แล้วนำเชื้อเห็ดฟางมาผสมกับถุงอันใส่ทะลายปาล์ม
นำทะลายปาล์มมาล้างสีแดงออก โดยการล้างไปเหยียบไป จนน้ำแดงที่ออกมาเกือบหมด ในราว 1 วัน แล้วนำเชื้อเห็ดฟางมาผสมกับถุงอันใส่ทะลายปาล์ม
วิธีทำไขเค็ม 100 ฟอง
ที่ต้องเตรียมไว้คือ
เกลือ 4 กิโลกรัม
ไข่ 100 ฟอง
พาชนะที่ใส่ไข่ได้ 100 ฟองและใส่น้ำได้ท่วมไข่ทั้งหมดได้
วิธีทำ
ต้มน้ำให้เดือด แล้วใส่เกลือจนเกลือละลายหมด
จากนั้นนำไข่มาใส่ในน้ำที่ต้มสุกแล้ว
แช่ไข่ในน้ำเกลือดังกล่าวทิ้งไว้ 15 วัน
เกลือ 4 กิโลกรัม
ไข่ 100 ฟอง
พาชนะที่ใส่ไข่ได้ 100 ฟองและใส่น้ำได้ท่วมไข่ทั้งหมดได้
วิธีทำ
ต้มน้ำให้เดือด แล้วใส่เกลือจนเกลือละลายหมด
จากนั้นนำไข่มาใส่ในน้ำที่ต้มสุกแล้ว
แช่ไข่ในน้ำเกลือดังกล่าวทิ้งไว้ 15 วัน
เรื่องไม่น่าเชื่อ
ปลาโลมาจะเปิดตาข้างเดียวไว้ตลอดเวลานอนหลับ
หัวใจของกุ้งอยู่ที่หัวของกุ้ง
แมลงวันใช้ขารับรู้รสอาหาร โดยมีปุ่มรับรสอยู่ที่ขาถึง 1500 ตุ่ม
ร่างกายมนุษย์มีไขมันมากพอท่จะทำสบู่ได้ 7 ก้อน และมีธาตุเหล็ก พอที่จะนำมาทำตะปูขนาดยาว 1 นิ้วได้ 1 ตัว
หัวใจของกุ้งอยู่ที่หัวของกุ้ง
แมลงวันใช้ขารับรู้รสอาหาร โดยมีปุ่มรับรสอยู่ที่ขาถึง 1500 ตุ่ม
ร่างกายมนุษย์มีไขมันมากพอท่จะทำสบู่ได้ 7 ก้อน และมีธาตุเหล็ก พอที่จะนำมาทำตะปูขนาดยาว 1 นิ้วได้ 1 ตัว
เครื่องเล่นมัลติมีเดีย
ชุดเครื่องเสียงในปัจจุบันมีส่วนสำคัญที่เรียกว่าDVD Player ซึ่งความจริงน่าจะเรียกว่าชุดเครื่องเล่นมัลติมีเดียมากกว่า ทั้งนี้เพราะปัจจุบันสามารถนำไปใช้แสดงสื่อได้หลายรูปแบบคือ เสียงรวมทั้งเพลง ภาพ ภาพกราฟิกส์ ภาพเคลื่อนไหว วิดีโอหรือภาพยนต์ ซึ่งทั้งหมดบันทึกอยู่ในระบบดิจิทัล สามารถบันทึกลงบนแผ่นซีดี หรือดีวีดี หรือสื่อบันทึกข้อมูลได้หลายรูปแบบอยู่่ในรูปของแฟลตเมมโมรีหรือหน่วยความจำชนิดหนึ่ง สามารถพกพาได้ง่ายจะเรียกว่า Thumb หรือ Handy drive เมื่อจะใช้งานก็เสียบเข้ากับช่องหรือพอร์ทที่เรียกว่ายูเอ็สบีที่เครื่องเล่นได้เลย นอกจากนี้แล้วยังมีสื่อเก็บข้อมูลขนาดเล็กจากมือถือที่เรียกว่า กล้องถ่ายรูป microstorage ที่สามารถเสียบเข้ากับเครื่องเล่น ซึ่งต่อไปน่าจะเรียกว่าเครื่องเล่นมัลติมีเดีย
การเล่นแผ่นซีดีเพลงไม่ค่อยมีปัญหาใด คุุณภาพเสียงได้พัฒนาขึ้นจนมีคุณภาพดีขึ้นมากกว่าเทปเสียงที่เราเคยเล่นกันมาก่อนหน้านี้ แต่สำหรับคุณภาพของวิดีโอปัจจุบันสามารถพัฒนาให้มีคุณภาพสูงกว่าที่เราเคยมีในวีโอเทป และเครื่องเล่นมัลติมีเดียก็ต้องปรับปรุงให้มีคุณภาพสูงขึ้นให้แสดงรายละเอียดมากขึ้น เช่นเดียวกับจอที่ใช้แสดงภาพก็ต้องมีคุณภาพทีสูงขึ้นให้สอดรับกับเครื่องเล่นปัจจุปัน ปัจจุบันเครื่องเล่นที่ให้รายละเอียดสูงคือเครื่องเล่น dvd ที่เล่นในโหมด HDMI สำหรับเครื่องเล่นที่ให้รายละเอียดที่ที่สุดคือเครื่องเล่นที่เรียกว่าบลูเรย์(Blue Ray) ซึ่งต้องใช้แผ่นบันทึกที่แตกต่างออกไปเรียกว่าแผ่นบลูเรย์ที่มีความจุสูงกว่าแผ่นดีวีดีเดิม
การเล่นแผ่นซีดีเพลงไม่ค่อยมีปัญหาใด คุุณภาพเสียงได้พัฒนาขึ้นจนมีคุณภาพดีขึ้นมากกว่าเทปเสียงที่เราเคยเล่นกันมาก่อนหน้านี้ แต่สำหรับคุณภาพของวิดีโอปัจจุบันสามารถพัฒนาให้มีคุณภาพสูงกว่าที่เราเคยมีในวีโอเทป และเครื่องเล่นมัลติมีเดียก็ต้องปรับปรุงให้มีคุณภาพสูงขึ้นให้แสดงรายละเอียดมากขึ้น เช่นเดียวกับจอที่ใช้แสดงภาพก็ต้องมีคุณภาพทีสูงขึ้นให้สอดรับกับเครื่องเล่นปัจจุปัน ปัจจุบันเครื่องเล่นที่ให้รายละเอียดสูงคือเครื่องเล่น dvd ที่เล่นในโหมด HDMI สำหรับเครื่องเล่นที่ให้รายละเอียดที่ที่สุดคือเครื่องเล่นที่เรียกว่าบลูเรย์(Blue Ray) ซึ่งต้องใช้แผ่นบันทึกที่แตกต่างออกไปเรียกว่าแผ่นบลูเรย์ที่มีความจุสูงกว่าแผ่นดีวีดีเดิม
แม่ผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่
ใครๆก็ต้องมีแม่ทั้งนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ละลูกนั้นดูจะล้ำลึก เพราะตั้งแต่แม่ตั้งท้องนั้นลูกนั้นเติมโตขึ้นมาได้จนกระทั่งคลอดนั้น ลูกได้รับหล่อเลี้ยงอาหารจากสายเลือดของแม่โดยตรง เมื่อตอนคลอดลูกก็เป็นนาทีวิกฤตอีกครั้งหนึ่งที่ใครที่ไม่เคยคลอดลูกจะไม่รู้ซึ้งถึงความรู้สึกระหว่างความเจ็บปวดและความสุข เมื่อได้เห็นหน้าลูกแม่ก็จะคลายความเจ็บปวด และเมื่อคลอดออกมาแล้วแม่ก็ต้องเป็นผู้ให้นมแก่ลูกดังที่เรียกกันว่าเลือดในอกของแม่ ความสัมพันธ์อันลำลึกนี้ยังคงอยู่ในใจแม่ ยังมีความรักความห่วงใยในตัวลูกแม้จะเติบใหญ่มีงานทำแล้วก็ตาม และมีทรัพย์สมบัติใดก็พร้อมที่จะยกให้ลูกเพื่อที่จะได้สร้างชีวิตที่มั่นคงต่อไป ในวันแม่นี้จึงเป็นวันที่ลูกๆ จะได้ละลึกถึงบุญคุณต่อแม่ที่ได้สั่งสอนหล่อหลอมให้เราเป็นคนดี มีชีวิตที่ดีในทุกวันนี้ สำหรับแม่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการได้เห็นหน้าลูกได้พูดคุยกับลูก และได้สัมผัส
เราได้ยินได้ฟังได้เห็นกิจกรรมหลายอย่างในวันแม่ในสิ่งที่ดีๆ มีการทำดีเพื่อแม่ ทำบุญเพื่อแม่ และทำสาธารณะประโยชน์ต่างๆ เพื่อแม่ แต่อย่างลืมทำอะไรให้แม่โดยตรง ฟังเพลงร้องเพลงโปรดด้วยกัน รับประทานอาหารด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน คงไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปว่าเมื่อก่อนแม่ไม่ค่อยพาไปเที่ยวที่ไหนมาบัดนี้ยามแก่เฒ่าลูกก็จึงไม่พาไปบ้าง เพราะจะกลายเป็นลูกอักตัญญูไป และเชื่อว่าการแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณนั้นแสดงอะไรให้เห็นได้หลายอย่าง การจะเลือกคู่ครองถ้าเราเห็นคนที่มีความกตัญญูเราก็คิดว่าเป็นคนดีแน่ แต่หากพบคนที่ไม่เคยเอาใจใส่ และทอดทิ้งพ่อแม่ หรือแสดงกิริยาไม่ดีต่อพ่อแม่แล้ว ก็คิดได้ว่าแม้แต่แม่ของตัวเองยังไม่รักเลย แล้วจะมารักคนอื่นอย่างจริงใจที่ไม่ได้เป็นญาติคงเป็นไปได้ยากยิ่ง
เราได้ยินได้ฟังได้เห็นกิจกรรมหลายอย่างในวันแม่ในสิ่งที่ดีๆ มีการทำดีเพื่อแม่ ทำบุญเพื่อแม่ และทำสาธารณะประโยชน์ต่างๆ เพื่อแม่ แต่อย่างลืมทำอะไรให้แม่โดยตรง ฟังเพลงร้องเพลงโปรดด้วยกัน รับประทานอาหารด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน คงไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปว่าเมื่อก่อนแม่ไม่ค่อยพาไปเที่ยวที่ไหนมาบัดนี้ยามแก่เฒ่าลูกก็จึงไม่พาไปบ้าง เพราะจะกลายเป็นลูกอักตัญญูไป และเชื่อว่าการแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณนั้นแสดงอะไรให้เห็นได้หลายอย่าง การจะเลือกคู่ครองถ้าเราเห็นคนที่มีความกตัญญูเราก็คิดว่าเป็นคนดีแน่ แต่หากพบคนที่ไม่เคยเอาใจใส่ และทอดทิ้งพ่อแม่ หรือแสดงกิริยาไม่ดีต่อพ่อแม่แล้ว ก็คิดได้ว่าแม้แต่แม่ของตัวเองยังไม่รักเลย แล้วจะมารักคนอื่นอย่างจริงใจที่ไม่ได้เป็นญาติคงเป็นไปได้ยากยิ่ง
จิตสำนึกเพื่อการปฏิบัติสาธารณะประโยชน์
มีการกล่าวถึงคำว่าจิตสำนึกหรือและจิตสาธารณะกันมาก เพราะเชื่อกันว่าถ้าใครมีจิตสำนึกแล้วจะส่งผลต่อการกระทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตามเราก็ยังพูดกันว่าคนยังขาดจิตสาธารณะหรือจิตสำนึกดังกล่าวอยู่มาก แสดงว่าการพูดว่าให้มีจิตสำนึก จิตสาธารณะก็ไม่ค่อยส่งผลในทางปฏิบัติที่คาดหวังเท่าที่ควร การมีจิตสำนึกที่แท้จริงแล้วไม่ใช่อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน แต่ควรจะต้องทำอะไรให้ดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ ถือว่าเป็นการทำความดีที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น
บ่อยครั้งที่เฝ้าสังเกตุนักเรียนนักศึกษาของเราพบว่ามีค่านิยมในการทำความดีที่ปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรมมีน้อย จนไม่อาจที่จะกล่าวว่ามีจิตสาธารณะ เพราะยังรู้สึกอายที่จะทำความดีอยู่ก็มี แต่ไปรู้สึกว่าเท่ห์หรือไม่รู้ไม่ชึ้ธุระไม่ใช่เสียมากกว่า เราจึงเห็นเศษกระดาษเศษขยะเกลื่อนไปหมดหลังจากเลิกงานหรือเสร็จจากการจัดกิจกรรมต่างๆ เราพบว่ามีการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตราย หรือเห็นสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตรายเป็นพิษเป็นภัยต่อผู้อื่น และเห็นคนตกทุกข์ได้ยาก คนที่ถูกทอดทิ้งอยู่อีกมาก ทำอย่างไรที่ไม่อายที่จะทำความดีแต่กล้าและแข่งกันทำความดี และมองว่าเมื่อเขามีความสุขเราก็มีความสุข อาจจะคิดได้ว่าถ้าคนรอบข้างมีความทุกข์แล้วเราจะมีความสุขอยู่ได้อย่างไร
ตัวอย่างที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมากสำหรับนักศึกษาที่มาขอทำความดี แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาถ้าจำไม่พลาดคือวิชาพัฒนาพฤติกรรมทรัพยากรมนุษย์ ที่ผู้สอนกำหนดให้นักศึกษาไปทำความดีอะไรก็ได้ราว 200 รายการ การที่นักศึกษาไปของานทำโดยไม่เรียกร้องสิ่งใดตอบแทนถือว่าเป็นผู้มีน้ำใจมีความกรุณา หากได้ปฏิบัติบ่อยๆจนเป็นวิถีชีวิต เป็นปกติธรรมดาแม้ว่าไม่ได้เรียนรายวิชาดังกล่าวแล้วก็ยังเป็นคนมีน้ำใจมีความกรุณาอยู่เป็นนิจ ก็ถือได้ว่ามีจิตสำนึกที่แท้จริง พบอะไรที่ช่วยเหลือได้ ที่จะทำให้เกิดประโยชน์ได้แก่สาธารณะก็ทำโดยไม่ต้องมีคนมาบอกน่าจะเป็นผลสำเร็จสูงสุดของรายวิชานี้ และจากการปฏิบัตินักศึกษาจะพบว่าไม่ว่าจะปฏิบัติเพื่ออะไร จะพบว่าความรู้ที่แท้จริงได้จากการปฏฺบัติ แค่คิดแต่ไม่กระทำก็ไม่รู้ว่าผิดว่าถูก ไม่รู้ว่าดีหรือเลว แต่การที่ได้กระทำสิ่งที่ดีๆนับเป็นความกล้าหาญทางจริยธรรม และจะไม่กระทำให้สิ่งที่เป็นโทษพิษภัยแก่ตนเองและผู้อื่นได้ในที่สุด
การได้ลงมือปฏิบัติทำความดี ทำในสิ่งที่มีประโยชน์ถือว่าเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง ซึ่งผู้ที่ปฏิบัติได้สัมผัสจับต้องได้ จากสิ่งที่เป็นรูปธรรมทั้งหลายนำไปสู่การเข้าใจในเรื่องนามธรรม เช่นเดียวกับการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ให้นักเรียนได้สำรวจสัมผัสจับต้องกับวัตถุอันเป็นสื่อการเรียนรู้ ให้มีการปฏิบัติทดลองแล้วนำไปสู่การเข้าใจเนื้อหาที่ได้ทดลอง ทำให้เข้าใจหรือเรียนรู้ได้อย่างลึกซึ้งนั่นเอง
บ่อยครั้งที่เฝ้าสังเกตุนักเรียนนักศึกษาของเราพบว่ามีค่านิยมในการทำความดีที่ปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรมมีน้อย จนไม่อาจที่จะกล่าวว่ามีจิตสาธารณะ เพราะยังรู้สึกอายที่จะทำความดีอยู่ก็มี แต่ไปรู้สึกว่าเท่ห์หรือไม่รู้ไม่ชึ้ธุระไม่ใช่เสียมากกว่า เราจึงเห็นเศษกระดาษเศษขยะเกลื่อนไปหมดหลังจากเลิกงานหรือเสร็จจากการจัดกิจกรรมต่างๆ เราพบว่ามีการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตราย หรือเห็นสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตรายเป็นพิษเป็นภัยต่อผู้อื่น และเห็นคนตกทุกข์ได้ยาก คนที่ถูกทอดทิ้งอยู่อีกมาก ทำอย่างไรที่ไม่อายที่จะทำความดีแต่กล้าและแข่งกันทำความดี และมองว่าเมื่อเขามีความสุขเราก็มีความสุข อาจจะคิดได้ว่าถ้าคนรอบข้างมีความทุกข์แล้วเราจะมีความสุขอยู่ได้อย่างไร
ตัวอย่างที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมากสำหรับนักศึกษาที่มาขอทำความดี แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาถ้าจำไม่พลาดคือวิชาพัฒนาพฤติกรรมทรัพยากรมนุษย์ ที่ผู้สอนกำหนดให้นักศึกษาไปทำความดีอะไรก็ได้ราว 200 รายการ การที่นักศึกษาไปของานทำโดยไม่เรียกร้องสิ่งใดตอบแทนถือว่าเป็นผู้มีน้ำใจมีความกรุณา หากได้ปฏิบัติบ่อยๆจนเป็นวิถีชีวิต เป็นปกติธรรมดาแม้ว่าไม่ได้เรียนรายวิชาดังกล่าวแล้วก็ยังเป็นคนมีน้ำใจมีความกรุณาอยู่เป็นนิจ ก็ถือได้ว่ามีจิตสำนึกที่แท้จริง พบอะไรที่ช่วยเหลือได้ ที่จะทำให้เกิดประโยชน์ได้แก่สาธารณะก็ทำโดยไม่ต้องมีคนมาบอกน่าจะเป็นผลสำเร็จสูงสุดของรายวิชานี้ และจากการปฏิบัตินักศึกษาจะพบว่าไม่ว่าจะปฏิบัติเพื่ออะไร จะพบว่าความรู้ที่แท้จริงได้จากการปฏฺบัติ แค่คิดแต่ไม่กระทำก็ไม่รู้ว่าผิดว่าถูก ไม่รู้ว่าดีหรือเลว แต่การที่ได้กระทำสิ่งที่ดีๆนับเป็นความกล้าหาญทางจริยธรรม และจะไม่กระทำให้สิ่งที่เป็นโทษพิษภัยแก่ตนเองและผู้อื่นได้ในที่สุด
การได้ลงมือปฏิบัติทำความดี ทำในสิ่งที่มีประโยชน์ถือว่าเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง ซึ่งผู้ที่ปฏิบัติได้สัมผัสจับต้องได้ จากสิ่งที่เป็นรูปธรรมทั้งหลายนำไปสู่การเข้าใจในเรื่องนามธรรม เช่นเดียวกับการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ให้นักเรียนได้สำรวจสัมผัสจับต้องกับวัตถุอันเป็นสื่อการเรียนรู้ ให้มีการปฏิบัติทดลองแล้วนำไปสู่การเข้าใจเนื้อหาที่ได้ทดลอง ทำให้เข้าใจหรือเรียนรู้ได้อย่างลึกซึ้งนั่นเอง
ตีความวิสัยทัศน์โอบามา
วันนี้เมื่อเปิดดูโฮมเพจซ์เฟสบุคของตัวเอง ได้พบข้อคิดข้อเขียนจากประธานาธิปดีสหรัฐอะเมริกาอยู่ที่ลำดับแรก ซึ่งท่านได้พูดถึงเรื่องการศึกษาไว้สั้นๆแต่กินใจดังนี้
If we’re serious about making sure America’s workers—and America itself—succeed in the 21st century, the single most important step we can take is to make sure that every one of our young people has the best education that the world has to offer
แปลแล้วจะได้ความหมายว่า "ถ้าเรา(ชาวอเมริกา) กำลังคร่ำเคร่งในการทำให้แน่ใจว่าฝีมือแรงงานอเมริกัน และอเมริกันในภาพรวมจะประสบผลสำเร็จได้ในศตวรรษที่ 21 นั้นขั้นตอนสำคัญที่สุดหนึ่งเดียวที่เราจะใช้เพื่อให้แน่ใจก็คือ การให้เยาวชนประชาชนของเราได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่โลกจะมีให้"
ถ้าตีความก็แสดงว่าอเมริกานั้นเชื่อว่าการให้การศึกษาแก่ประชาชนให้ดีเพียงไรแล้ว ประชาชนก็จะประสบผลสำเร็จมากเท่านั้น ซึ่งเราทราบกันดีว่าการให้การศึกษาไม่ใช่ว่าจะเห็นผลทันทีทันใด ที่จะให้ผลในระยะยาวอาจจะไม่เห็นผลในรุ่นนี้แต่เห็นผลในรุ่นต่อไป และประโยคสุดท้ายที่บอกว่าจะให้ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดที่โลกสามารถมอบให้ได้นั้น ตีความได้ว่าเขาไม่มองจะเฉพาะตัวเองประเทศตัวเองเท่านั้น แต่มองหาสิ่งดีๆจากทั่วโลกที่จะมอบให้แก่พลเมืองของตัวเอง...และการศึกษาในโลกปัจจุบันก็เป็นไปในแนวทางนั้น
If we’re serious about making sure America’s workers—and America itself—succeed in the 21st century, the single most important step we can take is to make sure that every one of our young people has the best education that the world has to offer
แปลแล้วจะได้ความหมายว่า "ถ้าเรา(ชาวอเมริกา) กำลังคร่ำเคร่งในการทำให้แน่ใจว่าฝีมือแรงงานอเมริกัน และอเมริกันในภาพรวมจะประสบผลสำเร็จได้ในศตวรรษที่ 21 นั้นขั้นตอนสำคัญที่สุดหนึ่งเดียวที่เราจะใช้เพื่อให้แน่ใจก็คือ การให้เยาวชนประชาชนของเราได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่โลกจะมีให้"
ถ้าตีความก็แสดงว่าอเมริกานั้นเชื่อว่าการให้การศึกษาแก่ประชาชนให้ดีเพียงไรแล้ว ประชาชนก็จะประสบผลสำเร็จมากเท่านั้น ซึ่งเราทราบกันดีว่าการให้การศึกษาไม่ใช่ว่าจะเห็นผลทันทีทันใด ที่จะให้ผลในระยะยาวอาจจะไม่เห็นผลในรุ่นนี้แต่เห็นผลในรุ่นต่อไป และประโยคสุดท้ายที่บอกว่าจะให้ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดที่โลกสามารถมอบให้ได้นั้น ตีความได้ว่าเขาไม่มองจะเฉพาะตัวเองประเทศตัวเองเท่านั้น แต่มองหาสิ่งดีๆจากทั่วโลกที่จะมอบให้แก่พลเมืองของตัวเอง...และการศึกษาในโลกปัจจุบันก็เป็นไปในแนวทางนั้น
ซีดีสื่อสิ่งพิมพ์
นอกจากจะให้บริหารภาพยนต์ในรูปแผ่นวีซีดี(video compact disk) และ ดีวีดี (digital video disk) แล้วยังมีรูแบบอื่นๆ ที่ให้บริการคือ
วีซีดีสารคดี
วีซีดีเพื่อการเรียนรู้
วีซีดีเพลง คาราโอเกะ
ซีดีซอพท์แวร์มัลติมีเดีย
ดูรายละเอียดให้คลิกที่แต่ละรายการ
วีซีดีสารคดี
วีซีดีเพื่อการเรียนรู้
วีซีดีเพลง คาราโอเกะ
ซีดีซอพท์แวร์มัลติมีเดีย
ดูรายละเอียดให้คลิกที่แต่ละรายการ
โอนเงินพึงระวัง
การโอนเงินในปัจจุบันทำได้สะดวกขึ้น โดยเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อย และสามารถโอนเงินข้ามไปมาระหว่างธนาคารที่แตกต่างกันได้ บางธนาคารสามารถโอนได้ฟรีระหว่างธนาคารเดียวกัน หรือโอนฟรีได้ระหว่างธนาคารต่างกันตามเงื่อนไขที่กำหนดของบางธนาคาร ทำให้นิยมโอนเงินกันมากกว่าการส่งด้วยตั๋งแลกเงินหรือเช็คธนาคาร แต่เมื่อเร็วๆนี้จากข่าวที่มีพวกมิจฉาชีพ ที่ลักลอบใส่โปรแกรมไวรัสเข้าไปในระบบตู้เอทีเอ็มที่สามารถโอนเงินได้ โดยวิธีใดก็แล้วแต่ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในเครื่องเบิกเงินอัตโนมัตินั้นมีคนเจาะเข้าไปใช้ โดยโปรแกรมนี้จะไปเปลี่ยนทิศทางการโอนเงินที่จะให้เข้าบัญชีปลายทางตามจุดประสงค์ของผู้โอนเงิน ไปเป็นปัญชีเสมือนที่สร้างขึ้นแทนปัญชีธนาคารปลายทางที่เป็นปัญชีจริง โดยโปรแกรมไวรัสดังกล่าว แล้วพวกมิจฉาชีพที่ก่ออาชญากรรมก็ไปเบิกเงินส่วนที่โอนไปใช้ และที่หนักข้อไปอีกหากไว้รัสชนิดพิเศษสามารถโอนเงินจากบัญชีเราไปเข้าบัญชีปลอมก็ได้
สำหรับผู้ที่โอนเงินบ่อยๆ อาจถูกแจ็คพ็อตเงินหายไปโดยวิธีนี้ ขณะนี้ในบางประเทศสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะมีกีกลุ่มกี่พวกที่ก่ออาชญกรรมเช่นนี้ หนทางป้องกันทางหนึ่งที่สามารถทำได้คือ อย่างโอนเงินครั้งละมากๆ และให้มีเงินเหลือในปัญชีที่ใช้โอนเงินเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
สำหรับผู้ที่โอนเงินบ่อยๆ อาจถูกแจ็คพ็อตเงินหายไปโดยวิธีนี้ ขณะนี้ในบางประเทศสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะมีกีกลุ่มกี่พวกที่ก่ออาชญกรรมเช่นนี้ หนทางป้องกันทางหนึ่งที่สามารถทำได้คือ อย่างโอนเงินครั้งละมากๆ และให้มีเงินเหลือในปัญชีที่ใช้โอนเงินเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
คลังภาพยนต์จากบล็อกไซต์
สื่อสิ่งพิมพ์ตึกดำมหาชัย (http://nakhonmedia.blogspot.com) เป็นเว็บไซต์ที่บันทึกรายการสื่อสิ่งพิมพ์ที่จัดทำขึ้นโดย กองทุนคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เฉพาะภาพยนต์เท่าที่มีให้บริการในปัจจุบันมีดังนี้
ภาพยนต์วีซีดีซาวด์แทรคบรรยายภาษาไทย (จำนวน 646เรื่อง)
ภาพยนต์วีซีดีพากษ์ไทย (จำนวน 508 เรื่อง)
ภาพยนต์ดีวีดี (จำนวน 367 เรื่อง)
ภาพยนต์ดีไอวีเอ็ก(DIVX) (จำนวน 100 เรื่อง)
ภาพยนต์การ์ตูน (จำนวน 55 เรื่อง)
ให้คลิกที่แต่ละรายการข้างบนเพื่อดูรายละเอียดและโปสเตอร์ภาพยนต์แต่ละเรื่องได้
ติดต่อยื่มได้ที่ห้อง 13104 ศูนย์วิทยาศาสตร์
ภาพยนต์วีซีดีซาวด์แทรคบรรยายภาษาไทย (จำนวน 646เรื่อง)
ภาพยนต์วีซีดีพากษ์ไทย (จำนวน 508 เรื่อง)
ภาพยนต์ดีวีดี (จำนวน 367 เรื่อง)
ภาพยนต์ดีไอวีเอ็ก(DIVX) (จำนวน 100 เรื่อง)
ภาพยนต์การ์ตูน (จำนวน 55 เรื่อง)
ให้คลิกที่แต่ละรายการข้างบนเพื่อดูรายละเอียดและโปสเตอร์ภาพยนต์แต่ละเรื่องได้
ติดต่อยื่มได้ที่ห้อง 13104 ศูนย์วิทยาศาสตร์
สถานะภาพราคาผลผลิตทางการเกษตร
ช่วงนี้ราคาผลิตผลทางการเกษตรหลายอย่างที่มีราคาดี ทำให้เกษตรไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นมาก ไม่ว่า ข้าว ยางพารา รวมทั้งไม้ยางพารา และพืชผลบางอย่าง สาเหตุหนึ่งจากคนที่กลับจากเมืองจีนเล่าให้ฟังว่า ไปประเทศจีนตอนนี้จะเห็นสิ่งปลูกสร้างจำนวนมาก ในเมืองต่างๆ ของประเทศจีน ที่กำลังก่อสร้างยังไม่เสร็จ และที่ได้ทราบข่าวว่าคนจีนซื้รถยนต์มากที่สุดในโลกขณะนี้ และมีความโน้มเอียงว่ามีความต้องการเพิ่มขึ้นอีก ทำให้มีความต้องการใช้ยางพาราในการทำยางรถยนต์ และมีความต้องการใช้วัสถุก่อสร้างจากไม้และอื่นๆ สูงมากขึ้น
สำหรับอาหารนั้น ทั่วโลกมีความต้องการอาหารมากขึ้น เพราะเกิดภัยพิบัติในหลายจุดทำให้พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตอาหารแหล่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งเคยกล่าวกันว่าขณะที่ไม่มีประเทศใดในภูมิภาคส่งออกข้าวได้ ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่ยังส่งออกข้าวได้ สำหรับผลผลิตพืชผลทางเกษตรอื่นๆ นั้นอยู่ในภาพที่เป็นไปในแนวทางที่มูลค่าเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับมูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเกือบทั้งหมด
สำหรับอาหารนั้น ทั่วโลกมีความต้องการอาหารมากขึ้น เพราะเกิดภัยพิบัติในหลายจุดทำให้พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตอาหารแหล่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งเคยกล่าวกันว่าขณะที่ไม่มีประเทศใดในภูมิภาคส่งออกข้าวได้ ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่ยังส่งออกข้าวได้ สำหรับผลผลิตพืชผลทางเกษตรอื่นๆ นั้นอยู่ในภาพที่เป็นไปในแนวทางที่มูลค่าเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับมูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเกือบทั้งหมด
วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ซีดีสื่อสิ่งพิมพ์
นอกจากจะให้บริหารภาพยนต์ในรูปแผ่นวีซีดี(video compact disk) และ ดีวีดี (digital video disk) แล้วยังมีรูแบบอื่นๆ ที่ให้บริการคือ
วีซีดีสารคดี
วีซีดีเพื่อการเรียนรู้
วีซีดีเพลง คาราโอเกะ
ซีดีซอพท์แวร์มัลติมีเดีย
วีซีดีสารคดี
วีซีดีเพื่อการเรียนรู้
วีซีดีเพลง คาราโอเกะ
ซีดีซอพท์แวร์มัลติมีเดีย
คลังภาพยนต์จากบล็อกไซต์ "สื่อสิ่งพิมพ์ตึกดำมหาชัย"
สื่อสิ่งพิมพ์ตึกดำมหาชัย (http://nakhonmedia.blogspot.com/) เป็นเว็บไซต์ที่บันทึกรายการสื่อสิ่งพิมพ์ที่จัดทำขึ้นโดย กองทุนคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เฉพาะภาพยนต์เท่าที่มีให้บริการในปัจจุบันมีดังนี้
ภาพยนต์วีซีดีซาวด์แทรคบรรยายภาษาไทย (จำนวน 645 เรื่อง)
ภาพยนต์วีซีดีพากษ์ไทย (จำนวน 498 เรื่อง)
ภาพยนต์ดีวีดี (จำนวน 367 เรื่อง)
ภาพยนต์ดีไอวีเอ็ก (จำนวน 100 เรื่อง)
ให้คลิกที่แต่ละรายการข้างบนเพื่อดูรายละเอียดและโปสเตอร์ภาพยนต์แต่ละเรื่องได้
ติดต่อยื่มได้ที่ห้อง 13104 ศูนย์วิทยาศาสตร์
ภาพยนต์วีซีดีซาวด์แทรคบรรยายภาษาไทย (จำนวน 645 เรื่อง)
ภาพยนต์วีซีดีพากษ์ไทย (จำนวน 498 เรื่อง)
ภาพยนต์ดีวีดี (จำนวน 367 เรื่อง)
ภาพยนต์ดีไอวีเอ็ก (จำนวน 100 เรื่อง)
ให้คลิกที่แต่ละรายการข้างบนเพื่อดูรายละเอียดและโปสเตอร์ภาพยนต์แต่ละเรื่องได้
ติดต่อยื่มได้ที่ห้อง 13104 ศูนย์วิทยาศาสตร์
วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ทฤษฎีใหม่เศรษฐกิจพอเพียง
จากแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้ก่อให้เกิดทฤษฎีใหม่ ที่นำไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม โดยการประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ที่มักจะประสบปัญหากับภัยธรรมชาติ และปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการทำการเกษตร เป็นทฤษฎีที่มีความยืดหยุ่น และต้องยืดหยุ่นได้เหมือนชีวิตของเราทุกคนที่ต้องมีการยืดหยุ่น ซึ่งส่วนสำคัญของทฤษฎีใหม่นั้นโดยสรุป
มีการบริหารและจัดแบ่งที่ดินแปลงเล็กออกเป็นสัดส่วนที่ชัดเจนเพื่อประโยชน์สูงสุดของเกษตรกร ซึ่งไม่เคยมีใครคิดมาก่อน
มีการคำนวณ โดยใช้หลัการเกี่ยวกับปริมาณที่น้ำที่จะกักเก็บให้พอเพียง ต่อการเพาะปลูกได้อย่างเหมาะสมตลอดปี
มีการวางแผนที่สมบูรณ์แบบ สำหรับเกษตรกรรายย่อย โดยมี 3 ขั้นตอนของทฤษฎีใหม่ คือ
1. ขั้นต้น โดยแบ่งพื้นที่ เป็น 4 ส่วน ตามสัดส่วน 30:30:30:10 30% ใช้ขุดสระกักเก็บน้ำในฤดูฝน เพื่อใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์และพืชน้ำต่างๆ พื้นที่ส่วนทีสอง 30 % ปลูกข้าวในฤดูฝน เพื่อใช้เป็นอาหารสำหรับครอบครัวให้เพียงพอตลอดปี เพื่อตัดค่าใช้จ่ายและสามารถพึ่งตนเองได้ พื้นที่ส่วนที่สาม 30% ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวัน หากเหลือบริโภคก็นำไปจำหน่าย พื้นที่ส่วนที่สี่ 10% เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนน โรงเรียน
2. ขั้นที่สอง ให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ ร่วมแรง ร่วมใจกัน ดำเนินการให้ด้านต่างๆ เช่นการผลิต การตลาดการเป็นอยู่สวัสดิการ การศึกษาสังคมและศาสนา
3. ขั้นที่สาม คือการติดต่อประสานงาน เพื่อจัดหาทุนหรือแหล่งเงิน เช่นธนาคาร หรือบริษัทเอกชน มาช่วยในการลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อให้ได้ประโยชน์ร่วมกัน
มีการบริหารและจัดแบ่งที่ดินแปลงเล็กออกเป็นสัดส่วนที่ชัดเจนเพื่อประโยชน์สูงสุดของเกษตรกร ซึ่งไม่เคยมีใครคิดมาก่อน
มีการคำนวณ โดยใช้หลัการเกี่ยวกับปริมาณที่น้ำที่จะกักเก็บให้พอเพียง ต่อการเพาะปลูกได้อย่างเหมาะสมตลอดปี
มีการวางแผนที่สมบูรณ์แบบ สำหรับเกษตรกรรายย่อย โดยมี 3 ขั้นตอนของทฤษฎีใหม่ คือ
1. ขั้นต้น โดยแบ่งพื้นที่ เป็น 4 ส่วน ตามสัดส่วน 30:30:30:10 30% ใช้ขุดสระกักเก็บน้ำในฤดูฝน เพื่อใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์และพืชน้ำต่างๆ พื้นที่ส่วนทีสอง 30 % ปลูกข้าวในฤดูฝน เพื่อใช้เป็นอาหารสำหรับครอบครัวให้เพียงพอตลอดปี เพื่อตัดค่าใช้จ่ายและสามารถพึ่งตนเองได้ พื้นที่ส่วนที่สาม 30% ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวัน หากเหลือบริโภคก็นำไปจำหน่าย พื้นที่ส่วนที่สี่ 10% เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนน โรงเรียน
2. ขั้นที่สอง ให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ ร่วมแรง ร่วมใจกัน ดำเนินการให้ด้านต่างๆ เช่นการผลิต การตลาดการเป็นอยู่สวัสดิการ การศึกษาสังคมและศาสนา
3. ขั้นที่สาม คือการติดต่อประสานงาน เพื่อจัดหาทุนหรือแหล่งเงิน เช่นธนาคาร หรือบริษัทเอกชน มาช่วยในการลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อให้ได้ประโยชน์ร่วมกัน
ความพอเพียงแห่งตน
จากกระแสพระราชดำรัสพระเจ้าอยู่หัวที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2540
“ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัวเอง จะต้องทอผ้าใส่ให้ตัวเอง สำหรับครอบครัวอย่างนี้มันมากเกินไป แต่ว่าในหรู่บ้านหรือในอำเภอจะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางสิ่งบางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการก็ขายได้ แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไร ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก…”
ความพอเพียงแห่งตนน่าจะเกี่ยวข้อง กับเศรษฐกิจพอเพียง ในทางการศึกษาเคยมีการนิยามความหมายความพอเพียงแห่งตน (self-sufficiencey) ว่าหมายถึง ความสามารถในการทำกิจการงาน ใดๆ ได้สำเร็จตามเป้าประสงค์ของตนเองอาจเป็นการกระทำของบุคคล กลุ่มบุคคลหรือชุมชนที่มีความสามารถของตนเองอย่างพอเพียงโดยไม่ต้องพึ่งพา อาศัยความช่วยเหลือหรือความร่วมมือจากภายนอก ผลที่ดีจะเกิดจากการมีความพอเพียงแห่งตนในระดับที่เหมาะสมพอเหมาะพอควร (สารานุกรมศึกษาศาสตร์,2543 ฉบับที่ 19 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ)
การมีความเป็นอยู่ที่พึ่งพาตนเองเป็นส่วนใหญ่ เพราะสามารถตอบสนองความต้องการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง อย่างไรก็ตามในสภาพปัจจุบัน การพึ่งพิงกันและกันมีความซับซ้อน คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ยังจะต้องพึ่งพาจากภายนอกเป็นครั้งคราว อันเนื่องจากสภาพสังคมวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปสามสภาพโลกาภิวัฒน์ และความพอเพียงคงไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำอะไรด้วยตนเองทุกเรื่อง แต่ทำอย่างไรให้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ อย่างหมาะสม
จากความหมายของความพอเพียงแห่งตน มีส่วนประกอบสำคัญ 3 ส่วนด้วยกันคือ
ส่วนที่เกี่ยวกับความสามารถ
ส่วนที่เกี่ยวกับกิจการงาน
ส่วนที่เกี่ยวกับเป้าประสงค์ของบุคลลในการกระทำกิจการงาน
ได้มีผู้ศึกษาเกี่ยวกับคนที่สามารถพอเพียงกับตนและที่ไม่สามารถพอเพียงแตกต่างกัน ดังตัวอย่างบางประการ ดังเช่น
เมื่อประสบปัญหาอุปสรรคคนที่พอเพียงสามารถที่จะนำเป้าประสงอื่นมา แทนเป้าประสงค์ที่มีอุปสรรค คนไม่สามารถพอเพียงจะแสดงอาการโกรธเคือง โวยวาย ไม่พอใจ
เมื่อเผชิญกับความผิดพลาดคนสามารถพอเพียง จะสำนึกผิดและแก้ไข คนไม่พอเพียงสำนึกผิดน้อย พยายามหลบเลี่ยงให้พ้นผิด
ในการควบคุมตนเอง คนสามารถพอเพียงควบคุมตนเองได้ขณะที่ไม่มีการควบคุมจากภายนอก คนไม่พอเพียง จะเกิดสับสนวุ่นวายทันทีที่ไม่มีการควบคุมจากภายนอก
ในการเผชิญกับความวิตกกังวล คนสามารถพอเพียงมีทางเลือกในการแสดงออกแบบต่างๆ สำหรับผู้ไม่พอเพียงจะสู้หรือหนีเพียงอย่างเดียว
“ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัวเอง จะต้องทอผ้าใส่ให้ตัวเอง สำหรับครอบครัวอย่างนี้มันมากเกินไป แต่ว่าในหรู่บ้านหรือในอำเภอจะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางสิ่งบางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการก็ขายได้ แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไร ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก…”
ความพอเพียงแห่งตนน่าจะเกี่ยวข้อง กับเศรษฐกิจพอเพียง ในทางการศึกษาเคยมีการนิยามความหมายความพอเพียงแห่งตน (self-sufficiencey) ว่าหมายถึง ความสามารถในการทำกิจการงาน ใดๆ ได้สำเร็จตามเป้าประสงค์ของตนเองอาจเป็นการกระทำของบุคคล กลุ่มบุคคลหรือชุมชนที่มีความสามารถของตนเองอย่างพอเพียงโดยไม่ต้องพึ่งพา อาศัยความช่วยเหลือหรือความร่วมมือจากภายนอก ผลที่ดีจะเกิดจากการมีความพอเพียงแห่งตนในระดับที่เหมาะสมพอเหมาะพอควร (สารานุกรมศึกษาศาสตร์,2543 ฉบับที่ 19 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ)
การมีความเป็นอยู่ที่พึ่งพาตนเองเป็นส่วนใหญ่ เพราะสามารถตอบสนองความต้องการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง อย่างไรก็ตามในสภาพปัจจุบัน การพึ่งพิงกันและกันมีความซับซ้อน คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ยังจะต้องพึ่งพาจากภายนอกเป็นครั้งคราว อันเนื่องจากสภาพสังคมวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปสามสภาพโลกาภิวัฒน์ และความพอเพียงคงไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำอะไรด้วยตนเองทุกเรื่อง แต่ทำอย่างไรให้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ อย่างหมาะสม
จากความหมายของความพอเพียงแห่งตน มีส่วนประกอบสำคัญ 3 ส่วนด้วยกันคือ
ส่วนที่เกี่ยวกับความสามารถ
ส่วนที่เกี่ยวกับกิจการงาน
ส่วนที่เกี่ยวกับเป้าประสงค์ของบุคลลในการกระทำกิจการงาน
ได้มีผู้ศึกษาเกี่ยวกับคนที่สามารถพอเพียงกับตนและที่ไม่สามารถพอเพียงแตกต่างกัน ดังตัวอย่างบางประการ ดังเช่น
เมื่อประสบปัญหาอุปสรรคคนที่พอเพียงสามารถที่จะนำเป้าประสงอื่นมา แทนเป้าประสงค์ที่มีอุปสรรค คนไม่สามารถพอเพียงจะแสดงอาการโกรธเคือง โวยวาย ไม่พอใจ
เมื่อเผชิญกับความผิดพลาดคนสามารถพอเพียง จะสำนึกผิดและแก้ไข คนไม่พอเพียงสำนึกผิดน้อย พยายามหลบเลี่ยงให้พ้นผิด
ในการควบคุมตนเอง คนสามารถพอเพียงควบคุมตนเองได้ขณะที่ไม่มีการควบคุมจากภายนอก คนไม่พอเพียง จะเกิดสับสนวุ่นวายทันทีที่ไม่มีการควบคุมจากภายนอก
ในการเผชิญกับความวิตกกังวล คนสามารถพอเพียงมีทางเลือกในการแสดงออกแบบต่างๆ สำหรับผู้ไม่พอเพียงจะสู้หรือหนีเพียงอย่างเดียว
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ชี้ถึงแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินการไปทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ความพอเพียงหมายถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่พอดีพอควร ต่อการกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในภายนอกทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบและความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผน และการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์ ความสุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้อย่างดี
พระราชดำรัสประวัติศาสตร์
พระราชทานไว้เนื่องในโอกาสพระชนพรรษา 23 ธันวาคม 2542
" เศรษฐกิจพอเพียงแปลว่า sufficiency economy คำว่า sufficiency economy นี้ไม่มีในตำราเศรษฐกิจ จะมีได้อย่างไร เพราะว่า เป็นทฤษฏีใหม่ sufficiency economy นั้นไม่มีในตำรา เพราะหมายความว่า เรามีความมักใหญ่..และโดยที่ท่านผู้เชี่ยวชาญสนใจ ก็หมายความว่า เราก็สามารถที่จะไปปรับปรุงหรือไปใช้หลักการ เพื่อที่จะให้เศรษฐกิจของประเทศ และของโลกพัฒนาขึ้น"
" เศรษฐกิจพอเพียงแปลว่า sufficiency economy คำว่า sufficiency economy นี้ไม่มีในตำราเศรษฐกิจ จะมีได้อย่างไร เพราะว่า เป็นทฤษฏีใหม่ sufficiency economy นั้นไม่มีในตำรา เพราะหมายความว่า เรามีความมักใหญ่..และโดยที่ท่านผู้เชี่ยวชาญสนใจ ก็หมายความว่า เราก็สามารถที่จะไปปรับปรุงหรือไปใช้หลักการ เพื่อที่จะให้เศรษฐกิจของประเทศ และของโลกพัฒนาขึ้น"
วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)