จากแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้ก่อให้เกิดทฤษฎีใหม่ ที่นำไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม โดยการประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ที่มักจะประสบปัญหากับภัยธรรมชาติ และปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการทำการเกษตร เป็นทฤษฎีที่มีความยืดหยุ่น และต้องยืดหยุ่นได้เหมือนชีวิตของเราทุกคนที่ต้องมีการยืดหยุ่น ซึ่งส่วนสำคัญของทฤษฎีใหม่นั้นโดยสรุป
มีการบริหารและจัดแบ่งที่ดินแปลงเล็กออกเป็นสัดส่วนที่ชัดเจนเพื่อประโยชน์สูงสุดของเกษตรกร ซึ่งไม่เคยมีใครคิดมาก่อน
มีการคำนวณ โดยใช้หลัการเกี่ยวกับปริมาณที่น้ำที่จะกักเก็บให้พอเพียง ต่อการเพาะปลูกได้อย่างเหมาะสมตลอดปี
มีการวางแผนที่สมบูรณ์แบบ สำหรับเกษตรกรรายย่อย โดยมี 3 ขั้นตอนของทฤษฎีใหม่ คือ
1. ขั้นต้น โดยแบ่งพื้นที่ เป็น 4 ส่วน ตามสัดส่วน 30:30:30:10 30% ใช้ขุดสระกักเก็บน้ำในฤดูฝน เพื่อใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์และพืชน้ำต่างๆ พื้นที่ส่วนทีสอง 30 % ปลูกข้าวในฤดูฝน เพื่อใช้เป็นอาหารสำหรับครอบครัวให้เพียงพอตลอดปี เพื่อตัดค่าใช้จ่ายและสามารถพึ่งตนเองได้ พื้นที่ส่วนที่สาม 30% ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวัน หากเหลือบริโภคก็นำไปจำหน่าย พื้นที่ส่วนที่สี่ 10% เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนน โรงเรียน
2. ขั้นที่สอง ให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ ร่วมแรง ร่วมใจกัน ดำเนินการให้ด้านต่างๆ เช่นการผลิต การตลาดการเป็นอยู่สวัสดิการ การศึกษาสังคมและศาสนา
3. ขั้นที่สาม คือการติดต่อประสานงาน เพื่อจัดหาทุนหรือแหล่งเงิน เช่นธนาคาร หรือบริษัทเอกชน มาช่วยในการลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อให้ได้ประโยชน์ร่วมกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น