หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

ขยันทุกวินาที

เมื่อไม่นานมานี้ นักข่าวได้ไปทำข่าวการเปิดบ้านที่เพิ่งสร้างเสร็จให้ชม ซึ่งแน่นอนว่าคงจะไม่ใช่เป็นบ้านธรรมดาที่คนทั่วไปสร้างขึ้นซึ่งราคาคงจะไม่กี่ล้านบาท ที่บ้านที่ว่านี้ไม่ธรรมดาตรงที่ว่าราคาค่างวดในการก่อสร้างทั้งอุปกรณ์ตกแต่อำนวยความสะดวกถึง 600 ล้านบาท ทำให้คิดได้ทันทีว่าต้องเป็นมหาเศรษฐีมาสร้าง แน่นอนว่าต้องมีระบบต่างๆ ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ มีทะเบียนเก็บสิ่งของที่มีให้คนหาได้ง่ายสำหรับสิ่งของที่สะสมไว้ ระบบเครื่องสีแสงเสียงก็ไม่ต้องพูดถึงว่าสุดยอดอย่างไร เฉพาะแสงไฟภายในบ้าน สามารถเปลี่ยนสีได้ตามวันเป็นต้น

เราจะพบว่าคนที่มีเงินระดับนี้ถ้าเก็บไว้เฉยๆ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรนำมาก่อสร้าง สร้างวัตถุ ทำให้เงินหมุนเวียนสะพัดได้ เป็นการช่วยให้คนมีงานทำก็แล้วกัน เจ้าของบ้านค่อนไปทางเชื้อสายจีนมีลูกคนเดียวที่จะเป็นทายาทต่อไป นักข่าวก็ช่างซักเจ้าของบ้านว่าทำอย่างไรจึงจะได้มีเงินมาสร้างบ้านได้ขนาดนี้คำตอบที่เจ้าของบ้านตอบให้ทราบก็คือ ว่า ขยันทุกวินาที ซึ่งคงเป็นการเปรียบเปรยมากกว่าที่จะเป็นจริง ซึ่งน่าจะมาตีความกันว่าคนเราจะขยันทุกวินาทีเป็นอย่างไร ในทัศนะของผู้เขียนคิดว่าการพูดเช่นนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง และที่สำคัญที่สุดคือต้องรู้ตัวเองอยู่เสมอว่ากำลังทำอะไร นั้นก็คือทำอะไรทุกอย่างให้มีสติอยู่กับตัว อะไรที่ขยันแล้วได้เงินได้ทองก็ขยันไม่เมื่อยังมีโอกาส คนที่มีสติอยู่กับตัวโอกาสที่จะพลาดมีน้อย และถึงแม้จะพลาดก็ยังตั้งสติได้เร็วเพราะมีสติอยู่แล้ว ดังนั้นสรุปได้ว่าการที่เขาพูดเช่นนั้นเขาต้องมีสติมีสมาธิเอาใจใส่จึงทำให้งานประสบผลสำเร็จและสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เใช้ปีสองปี แต่เขาต้องใช้เวลาค่อนชีวิตถึงจะมีเงินมาสร้างบ้านได้ขนาดนี้

การพูดว่าขยันทุกวินาทีนั้น ไม่ใช่บ่งให้เราทราบแต่เพียงการประสบผลสำเร็จทำให้ได้มาซึ่งเงินทอง หรือวัตถุ เพียงอย่างเดียวเพราะยกประเด็นเพียงเรื่องบ้านอย่างเดียว ซึ่งเจ้าของก็ตอบอย่างมั่นอกมั่นใจว่าทุกบาททุกสตางค์ได้มาด้วยความสุจริต และการดำเนินชีวิตการงานของเขาก็ย่อมช่วยเหลือผู้อื่นด้วยหรือไปในลักษณะที่ต้องพิ่งพาอาศัยกัน บางครั้งผลสำเร็จทางด้านวัตถุทั้งหลายก็มีผลมาจากด้านจิตใจส่วนหนึ่งด้วย เพราะการคิดทางจิตนำมาซึงการกระทำทางกาย หรือทุกอย่างมาจากการคิด เพียงแต่จะให้ความสำคัญที่ตรงไหน ก็ได้แต่คิดว่าถ้าให้ความสำคัญกับผลสำเร็จทางจิตที่ไม่เกี่ยวกับวัตถุบ้างต่อไปเราอาจจะไปสัมภาษณ์คนที่ ประสบผลสำเร็จทางจิตที่ทำให้คนรอบข้างกลายเป็นคนดี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้น ปัจจุบันสังคมไทยมองๆ ไปก็เหมือนกับการล้มเหลวทางจิต และลุ่มหลงในวัตถุ ยึดเอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้งจะส่งผลเป็นความเดือดร้อนให้ผู้อื่นทางใดบ้างนั้นไม่ค่อยจะคิดกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น