วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554
กระดูกก้นกบและกล้ามเนื้อหู
มนุษย์จะมีกระดูกชิ้นเล็กๆ ตอนปลายกระดูกสันหลังซึ่งเข้าใจว่าเป็นส่วนของหาง และมนุษย์ยังมีส่วนของกล้ามเนื้อที่ไม่ใช้งานซึ่งครั้งหนึ่งใช้ในการเคลื่อนหู แต่ตอนนี้ไม่สามารถใช้งาน
ช่วงเวลาเกี่ยวกับการสืบพันธ์ตามเวลาดวงจันทร์
การดำรงเผ่าพันธ์โดยการสืบพันธ์ของมนุษย์นั้น จะเป็นไปตามเวลาของดวงจันทร์มากกว่าที่จะเป็นเวลาตามเวลาที่อิงดวงอาทิตย์ เช่นช่วงเวลาในการตั้งท้อง เป็นเวลาประมาณ 266 วัน หรือ 9 เดือน(ตามดวงจันทร์) และช่วงเวลาการมีประจำเดือนก็เป็นเวลา 1 เดือนตามจันทรคติ
ม่านตามนุษย์
ม่านตาของมนุษย์สามารถจะบอกใบ้ได้ถึงอารมณ์ถึงเจ้าของดวงตาอันมีม่านตานั้น ถ้าผู้อื่นมามองเห็นม่านตา ถ้าเราพยายามที่จะต่อรองเพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการเป็นอย่างมาก ควรจะให้สวมแว่นตาดำป้องกันไม่ให้คนอื่นเห็นโดยเฉพาะคนที่เรากำลังต่อรองอยู่ด้วย เพราะม่านตาจะถ่างออกเมื่อเราแสดงความสนใจ และทำให้เราจบลงด้วยต้องจ่ายเงินในราคาที่สูงขึ้นได้สำหรับสินค้าที่ต้องการ
มวลสมอง
มวลสมองอันอ่อนนุ่มผู้ใหญ่ในมนุษย์จะอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว แม้ว่าส่วนของสมองนี้ใช้จ่ายออกซิเจนในหลอดเลือดที่ส่งมาถึง 25 เปอร์เซ็นต์ สมองส่วนนี้ก็ไม่ได้พอโตออก หรือแยกออกตามรอยแยก หรือไม่ได้หดตัวแต่อย่างใด
หนึ่งตารางนิ้วที่ผิวหนังมีอะไรบ้าง
แต่ละตางรางนิ้วของผิวหนังมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์ประมาณ 19 ล้านเซลล์ จะมีขนอยู่ประมาณ 60 เส้น มีต่อมไขมันประมาณ 90 ต่อม มีหลอดเลือดอยู่ยาวประมาณ 6 เมตรกว่า มีต่อมเหงื่อประมาณ 625 ต่อม และมีเซลล์ประสาทรับความรู้สึกประมาณ 19,000 เซลล์
วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554
ทุนนิยมกับบุญนิยม
โลกเราในยุคทุนนิยม นั้นอาศัยทุนเป็นปัจจัย ในการสร้างงานสร้างกิจการ ซึ่งจะต้องเป็นผู้ประกอบการ หรือพูดง่ายๆ ว่าการจะให้รำรวยมีรายได้ มีกำไรทางธุรกิจนั้น จะต้องมีความพร้อมที่จะเป็นผู้ประกอบการ และการเป็นเจ้าของกิจการ หารกิจการที่ดำเนินธุรกิจเจริญก้าวหน้าก็ทำให้มีการขยายกิจการเจริญงอกงามต่อไป ซึ่งสามารถที่จะไประดมทุนจากตลาดหุ้นโดยสมัครเข้าตลาดหลักทรัพย์ หากมีคนเชื่อว่าถ้ามาลงทุนในกิจการนี้แล้วจะได้ผลตอบแทนกลับในรูปของเงินปันผลหรือขายหุ้นได้กำไรเมื่อมูลค่าหุ้นสูงขึ้น หากประกอบกิจการได้ผลกำไร แต่อย่างไรก็ตามการเป็นผู้ประกอบการทางธุรกิจนั้นต้องมีการแข่งขันกันที่ทำอย่างไรจึงจะลดต้นทุนในการผลิตให้ได้ เพื่อจะได้กำไรมากขึ้น การทำเช่นนี้นั้น จะต้องมีการโฆษณาสินค้า ซึ่งมักจะออกมาในทางโฆษณาชวนเชื่อให้คนเชื่อและซื้อสินค้า การโฆษณาประชาสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งที่บางครั้งอาจเกินจริง และในการลดต้นทุนบางครั้งก็ก่อให้เกิดการทำลายล้างสิ่งแวดล้อม เป็นต้นเหตุของมลภาวะและภัยพิบัติต่างๆได้
สำหรับบุญนิยม นั้นเน้นไปในทางจิตใจมากกว่าทางวัตถุ บริโภคตามความจำเป็นไม่กระตุ้นให้เกิดการบริโภคเหมือนทุนนิยมหากไม่จำเป็น มีการเอื้อเฟื้อเอื้ออาทรต่อกัน ตระหนักถึงผลกระทบต่อผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน มีการเสียสละโดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนกลับ การนิยมบุญซึ่งเป็นสิ่งดีงาม แต่ไม่สามารถสร้างงานที่จะก่อให้เกิดเงิน โดยเชื่อว่าเงินไม่ใช่ทุกสิ่ง และทุกสิ่งไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน การสร้างบุญกุศลไม่จำเป็นว่าจะต้องสร้างวัตถุ หรือต้องบริจาคเงิน แต่การมีความซื่อสัตว์ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน และพยายามก่อให้เกิดความรักสามัคคีได้โดยไม่อยู้่บนฐานของเงินทอง
สำหรับบุญนิยม นั้นเน้นไปในทางจิตใจมากกว่าทางวัตถุ บริโภคตามความจำเป็นไม่กระตุ้นให้เกิดการบริโภคเหมือนทุนนิยมหากไม่จำเป็น มีการเอื้อเฟื้อเอื้ออาทรต่อกัน ตระหนักถึงผลกระทบต่อผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน มีการเสียสละโดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนกลับ การนิยมบุญซึ่งเป็นสิ่งดีงาม แต่ไม่สามารถสร้างงานที่จะก่อให้เกิดเงิน โดยเชื่อว่าเงินไม่ใช่ทุกสิ่ง และทุกสิ่งไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน การสร้างบุญกุศลไม่จำเป็นว่าจะต้องสร้างวัตถุ หรือต้องบริจาคเงิน แต่การมีความซื่อสัตว์ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน และพยายามก่อให้เกิดความรักสามัคคีได้โดยไม่อยู้่บนฐานของเงินทอง
วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554
รายการ nstru blog 2
วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2554
น้ำท่วมกับความชื้น
ที่ไหนที่ชื้นเราก็เข้าใจกันว่ามีความเปียกจากน้ำอยู่ด้วยบางครั้งก็เรียกว่าเปียกชื้น บริเวณที่มีความเปียกก็จะชื้นด้วยนั้นก็คือในอากาศบริเวณนั้นมีไอน้ำอยู่มากนั่นเอง ในช่วงที่น้ำท่วมไม่ได้เห็นแสงเห็นตะวันอยู่หลายวัน หากใครตากผ้าค้างอยู่ก็จะเห็นว่ามันไม่ยอมแห้งเสียที ไปจับที่ผ้าดูยังรู้สึกเปียกชื้นอยู่ดี เหตุที่ผ้าไม่ยอมแห้งนั้นก็เพราะน้ำในผ้านั้นไม่ยอมระเหยออกไป เหตุที่ไม่ระเหยก็เพราะเหตุว่าในอากาศมีไอน้ำอยู่มากแล้วไม่สามารถรับน้ำในรูปของไอน้ำจากเสื้อผ้าได้อีก่ก็ทำให้แห้งช้า
ซึ่งถ้าอธิบายกันตามหลักของฟิสิกส์แล้ว เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิหรือระดับความร้อนที่มีอยู่ ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่าปกติเช่นในช่วงปกติอุณหภูมิจะมากกว่า 30องศาเซลเซียส แต่ในช่วงน้ำท่วมจะมีอุณหภูมิอยู่ในช่วง 20-25 องศา เพราะที่อุณหภูมิต่ำลงไอน้ำที่มีได้สูงสุดในอากาศก็จะลดต่ำลงด้วยก็ทำให้น้ำในเสื้อผ้าที่ตากไว้ระเหยกลายเป็นไอได้น้อยด้วย แต่ถ้าเมื่อไรอุณภูมิสูงขึ้นเมื่อเมฆไม่มาบังแสงแดดก็จะทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น ถ้ายิ่งเอาผ้าไปตากแดดด้วยแล้วก็ผ้าก็จะมีความร้อนไอน้ำก็ระเหยได้ง่าย ผ้าก็จะแห้งความเปียกชื้นก็จะหายไป
การวัดความชื้นในอากาศก็สามารถวัดสองแบบคือวัดหาไอน้ำที่มีอยู่จริงในหนึ่งลูกบาศก์เมตร และการวัดอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่าการวัดความชื้นสัมพัทธ์ โดยเอาจำนวนไอน้ำที่มีอยู่จริงหารด้วยไอน้ำที่มีได้สูงสุดที่อุณหภูมิขนาดนั้น ได้เท่าไรก็จะคูณด้วย 100 ความชื้นส้ัมพันธ์ก็ออกมาเป็นเปอร์เซนต์ ถ้าไอน้ำที่มีอยู่จริงกับจำนวนไอน้ำที่มีได้สูงสุดเท่ากันเมื่อไรความชื้นสัมพัทธ์ก็จะเท่ากับ 100 เปอร์เซนต์นั่นก็แสดงว่าอากาศขณะนั้นไม่สามารถที่จะรับไอน้ำได้อีกต่อไป การวัดความชื้นสัมพัทธ์ทำได้ไม่ยากเพียงใช้เทอร์โมมีเตอร์2ชุดที่เรียกว่าตุ่มเปียกต่มแห้ง วัดค่าแตกต่างของอุณหภูมิแล้วนำมาเทียบในตารางก็จะทราบความชื้นสัมพัทธ์ นักเรียนชั้นประถม มัธยมก็สามารถวัดหาค่าความชื้นสัมพัทธ์นี้ได้
ซึ่งถ้าอธิบายกันตามหลักของฟิสิกส์แล้ว เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิหรือระดับความร้อนที่มีอยู่ ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่าปกติเช่นในช่วงปกติอุณหภูมิจะมากกว่า 30องศาเซลเซียส แต่ในช่วงน้ำท่วมจะมีอุณหภูมิอยู่ในช่วง 20-25 องศา เพราะที่อุณหภูมิต่ำลงไอน้ำที่มีได้สูงสุดในอากาศก็จะลดต่ำลงด้วยก็ทำให้น้ำในเสื้อผ้าที่ตากไว้ระเหยกลายเป็นไอได้น้อยด้วย แต่ถ้าเมื่อไรอุณภูมิสูงขึ้นเมื่อเมฆไม่มาบังแสงแดดก็จะทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น ถ้ายิ่งเอาผ้าไปตากแดดด้วยแล้วก็ผ้าก็จะมีความร้อนไอน้ำก็ระเหยได้ง่าย ผ้าก็จะแห้งความเปียกชื้นก็จะหายไป
การวัดความชื้นในอากาศก็สามารถวัดสองแบบคือวัดหาไอน้ำที่มีอยู่จริงในหนึ่งลูกบาศก์เมตร และการวัดอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่าการวัดความชื้นสัมพัทธ์ โดยเอาจำนวนไอน้ำที่มีอยู่จริงหารด้วยไอน้ำที่มีได้สูงสุดที่อุณหภูมิขนาดนั้น ได้เท่าไรก็จะคูณด้วย 100 ความชื้นส้ัมพันธ์ก็ออกมาเป็นเปอร์เซนต์ ถ้าไอน้ำที่มีอยู่จริงกับจำนวนไอน้ำที่มีได้สูงสุดเท่ากันเมื่อไรความชื้นสัมพัทธ์ก็จะเท่ากับ 100 เปอร์เซนต์นั่นก็แสดงว่าอากาศขณะนั้นไม่สามารถที่จะรับไอน้ำได้อีกต่อไป การวัดความชื้นสัมพัทธ์ทำได้ไม่ยากเพียงใช้เทอร์โมมีเตอร์2ชุดที่เรียกว่าตุ่มเปียกต่มแห้ง วัดค่าแตกต่างของอุณหภูมิแล้วนำมาเทียบในตารางก็จะทราบความชื้นสัมพัทธ์ นักเรียนชั้นประถม มัธยมก็สามารถวัดหาค่าความชื้นสัมพัทธ์นี้ได้
วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554
รายการ nstru blog 1
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)