โลกเราในยุคทุนนิยม นั้นอาศัยทุนเป็นปัจจัย ในการสร้างงานสร้างกิจการ ซึ่งจะต้องเป็นผู้ประกอบการ หรือพูดง่ายๆ ว่าการจะให้รำรวยมีรายได้ มีกำไรทางธุรกิจนั้น จะต้องมีความพร้อมที่จะเป็นผู้ประกอบการ และการเป็นเจ้าของกิจการ หารกิจการที่ดำเนินธุรกิจเจริญก้าวหน้าก็ทำให้มีการขยายกิจการเจริญงอกงามต่อไป ซึ่งสามารถที่จะไประดมทุนจากตลาดหุ้นโดยสมัครเข้าตลาดหลักทรัพย์ หากมีคนเชื่อว่าถ้ามาลงทุนในกิจการนี้แล้วจะได้ผลตอบแทนกลับในรูปของเงินปันผลหรือขายหุ้นได้กำไรเมื่อมูลค่าหุ้นสูงขึ้น หากประกอบกิจการได้ผลกำไร แต่อย่างไรก็ตามการเป็นผู้ประกอบการทางธุรกิจนั้นต้องมีการแข่งขันกันที่ทำอย่างไรจึงจะลดต้นทุนในการผลิตให้ได้ เพื่อจะได้กำไรมากขึ้น การทำเช่นนี้นั้น จะต้องมีการโฆษณาสินค้า ซึ่งมักจะออกมาในทางโฆษณาชวนเชื่อให้คนเชื่อและซื้อสินค้า การโฆษณาประชาสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งที่บางครั้งอาจเกินจริง และในการลดต้นทุนบางครั้งก็ก่อให้เกิดการทำลายล้างสิ่งแวดล้อม เป็นต้นเหตุของมลภาวะและภัยพิบัติต่างๆได้
สำหรับบุญนิยม นั้นเน้นไปในทางจิตใจมากกว่าทางวัตถุ บริโภคตามความจำเป็นไม่กระตุ้นให้เกิดการบริโภคเหมือนทุนนิยมหากไม่จำเป็น มีการเอื้อเฟื้อเอื้ออาทรต่อกัน ตระหนักถึงผลกระทบต่อผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน มีการเสียสละโดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนกลับ การนิยมบุญซึ่งเป็นสิ่งดีงาม แต่ไม่สามารถสร้างงานที่จะก่อให้เกิดเงิน โดยเชื่อว่าเงินไม่ใช่ทุกสิ่ง และทุกสิ่งไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน การสร้างบุญกุศลไม่จำเป็นว่าจะต้องสร้างวัตถุ หรือต้องบริจาคเงิน แต่การมีความซื่อสัตว์ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน และพยายามก่อให้เกิดความรักสามัคคีได้โดยไม่อยู้่บนฐานของเงินทอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น