หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

ควันหลงแห่ผ้าขึ้นธาตุ

ได้ไปร่วมแห่ผ้าขึ้นธาตุ โดยผ้าที่แห่หรือช่วยกันจับขึ้นไปพันรอบองค์พระธาตุอีกที ถือว่าเป็นการบูชาพระพุทธเจ้า ซึ่งมีประวัติมายาวนานตั้งแต่เมื่อครั้งสมัยพระเจ้าศรีธรรมโศกราชเป็นกษัตริย์เมื่องนคร ซึ่งมีประวัติว่ามีการวาดรูปเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าในผืนผ้าอย่างประนีตบรรจงเป็นผืนยาว จากพุทธศาสนิกชนที่จะนำไปบูชาพระพุทธเจ้าที่สีลังกา แต่เรือแตกจึงทำให้มาตกอยู่ที่นครศรีธรรมราช พระเจ้าศรีธรรมโศกราชจึงให้นำไปพันรอบพระธาตุ และเรียกว่าผ้าพระบฏ เป็นครั้งแรกแล้วจึงเกิดประเพณีตั้งแต่บัดนั้นมา
ปีนี้ก็เป็นอีกปีหนึ่งที่ได้เข้าร่วมขบวนแห่ผ้าขึ้นธาตุของมหาวิทยาลัย ตอนแรกดูเหมือนว่าของมหาวิทยาลัยจะเป็นชุดสุดท้าย และเป็นปีที่เมื่อไปถึงหน้าวัดก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งหน้าวัด ในวัดแน่นไปหมดจึงทำให้แห่ผ้าขึ้นไปพันรอบองค์พระธาตุไม่ได้ ต้องม้วนผ้านั้นหลังจากนั้นเข้าใจว่าคงมีกลุ่มตัวแทนนำไปพันรอบองค์พระธาตุ ระหว่างทางที่แห่ผ้ากันก่อนจะถึงวัด นึกไม่ถึงว่าจะมีการใช้เครนยกขนาดใหญ่ ที่ยกกระเช้าที่มีนักข่าวช่างภาพสองสามคนขึ้นไปด้วย เพื่อถ่ายภาพมุมสูง คงจะได้ดูภาพที่แปลกตาออกไป และเมื่อถึงวัดมีนศ.มาม้วนผ้าเก็บไปหมดแล้ว ก็เดินกลับก็สวนทางกับคณะที่มาแห่ผ้าขึ้นธาตุอีกสองคณะ คณะหนึ่งในนั้น มาจากกลุ่มของม.รภ.สวนสุนันทา เพื่อนราชภัฏด้วยกัน แสดงว่ามีการมากันเป็นคณะและแห่ผ้าขึ้นธาตุได้ตลอดวัน
ในวันมาฆะบูชานี้ ได้พยายามลองถามชาวพุทธ คนหนุ่มสาวดูว่ารู้หรือไม่วันนี้เป็นวันสำคัญอย่างไร เป็นวันที่ละลึกถึงอะไรบ้าง ก็ได้คำตอบส่วนใหญ่ก็ตอบได้ถูกต้องแต่ก็มีจำนวนหนึ่งก็สับสนพอควร บางคนก็ตอบไปปนกับวันวิสาขะบูชา บางคนก็ตอบว่าเป็นวันที่พระอรหันต์มาประชุม 2000 รูปแทนที่จะเป็น 2500 รูป แต่สำหรับวันนี้นั้นเป็นวันที่พระอรหันต์มาประชุมพร้อมเพียงกัน 2500 รูปโดยไม่ได้นัดหมาย และเป็นพระอรหันต์ที่ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าทุกรูป เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้แสดงโอวาทปาติโมกข์ อันเป็นหลักสำคัญและแนวปฏิบัติของศาสนาพูทธที่ให้ทำความดีละเว้นชั่วทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
ตอนที่เริ่มเดินขบวนนั้น มีการปิดถนนตั้งแต่หน้ารร.กัลยาณี ขณะที่เริมมีขบวนแห่และสองข้างทางก็เต็มไปด้วยผู้คนที่มาชมขบวนแห่ผ้าขึ้นธาตุบางคน ก็เข้าร่วมบวนเลยถ้ายังมีที่พอแทรกได้ ทำให้ที่คิดว่าเป็นการแห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาตินั้น ก็นานาชาติจริงมากันหลายคณะแต่ก็มีแทรกด้วยคนที่อยากจะร่วมเดินขบวนด้วย เห็นผู้คนที่มาแห่ผ่าและมาร่วมทำบุญที่วัดมากมายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนนี้ ทำให้คิดว่าเมืองนครมีความโน้มเอียงสูงมากที่จะเป็นเมืองท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมประเพณี และธรรมชาติเชิงนิเวศ ถนนราชดำเนินก็น่าจะตกแต่งให้เป็นถนนคนเดิน และถ้าเป็นไปได้มีของมาขายสองข้างทางตอนกลางคืน คล้ายไนบราซ่าที่เชียงใหม่ อาจจะจัดกันสับดาห์ละครั้ง เพียงแต่ว่าจะจัดระเบียบกันอย่างไร และอาคารจะตกแต่งให้สวยงามกันอย่างไร
ปีนี้ก็น่าจะเป็นปีทองของนคร ที่นักท่องเที่ยวมามาก บางโรงแรมมีผู้มาพักเต็มเกือบทุกห้อง เป็นปีที่ราคาพืชผลทางเกษตรสูงขึ้น ยางกิโลละร้อยบาท ปาล์มก็ราคาดี และประจวบกับมะพร้าวก็เริ่มราคาดี เพราะมีการนำมะพร้าวไปทำน้ำมันมะพร้าวสะกัดเย็นกันมากขึ้น หากจะเป็นเมืองท่องเที่ยวจริง ก็น่าจะต้องปรับปรุงในด้าน service mind หรือใจบริการผู้ต่างถิ่น ให้มากขึ้น จบไม่ลงขอต่อคราวหน้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น