หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

โครงสร้างของความคิดและการกระทำ

ความคิดเป็นเรื่องของจิตใจ เป็นเรื่องของการสร้างจินตนาการคล้ายๆกับการสร้างวิมานในอากาศ แต่อย่างไรก็ตามความคิดได้ส่งผลถึงสิ่งสำคัญอีกสองประการคือ ความรู้สึก และการกระทำไปตามแนวความคิด มีทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความคิด ว่าจะคิดดีคิดร้าย คิดเป็นประโยชน์คิดเป็นโทษ คิดตื้น คิดลุ่มลึกที่กล่าวถึงโครงสร้างทางความคิดอันได้แก่ทฤษฎี ชีมม่า (Schema Theory) คำว่า Schema หมายถึงโครงสร้างความคิดในสมองซึ่งมีการจัดกลุ่มข้อมูลเกี่ยวกับความรู้และ ประสบการณ์ที่ผู้เรียนหรือบุคคลใดๆมีอยู่ ข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์ในการคาดคะเนตีความข้อมูลใหม่ และปรับปรุงข้อมูล ใหม่ให้เข้ากับข้อมูลเดิมที่มีอยู่ แล้วเก็บข้อมูลนั้นไว้ใช้ต่อไป (พีรพงศ์ สุขแก้ว 2548)


การที่มีข้อมูลใน schema มาใช้ประกอบในการตีความ คาดคะเนข้อมูลใหม่ได้นั้น ช่วยผู้เรียนในการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ทำให้การเรียนรู้เร็วขึ้น จากการยึดความรู้เดิมมาใช้ในการคาดเดาสรุปตัดสินใจ แม้จะไม่ถูกต้องทั้งหมดแต่จะค่อยปรับไปในแนวทางที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น โครงสร้างทางความรู้ที่ผู้เรียนมีอยู่เดิมนั้นเป็นที่มาของคำว่า Schemata หรือเป็นโครงสร้างพื้นฐาน (Framework) หรือมีสคริปซ์ (script) หรือโครงสร้างของความรู้ (knowledge structure) มนุษย์มีกระบวนการในการรับประมวลข้อมูลตีความเพื่อเป็นประโยชน์ในการสื่อสาร ต่อไป โครงสร้างความรู้ไม่ได้อยู่กันอย่างกระจัดกระจายแต่มีลำดับชั้นและมีการจัด กลุ่มตามคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกัน

จากทฤษฎีนี้เมื่อเทียบเคียงมาใช้กับการเรียนรู้สาขาวิชาต่างๆ ตั้งแต่การเรียนรู้ทางภาษานอกจากภาษาแม่ และรายวิชาสาขาต่างๆ ก็ล้วนต้องการสร้างความเข้าใจนำไปใช้ประโยชน์ได้การทราบโครงสร้างทางความคิด ยังต้องเชื่อมโยงไปยังเรื่องอื่นๆ เป็นต้นว่าความรู้สึกการแสดงอารมณ์ รวมทั้งการแสดงออก การกระทำต่างๆ ที่สื่อให้เกิดการเรียนรู้ในทางที่เหมาะสม ดังที่ Diane. (1986) อ้างโดย พีรพล (2005) ชี้ให้เห็นว่าการสื่อสารเป็นกระบวนการที่ผู้เรียนจำเป็นต้องมีความ รู้มากกว่าการรู้รูปแบบของภาษา (form) ความหมาย (meaning) และหน้าที่ของภาษา (Functions) ผู้เรียนยังต้องนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ด้วย นั่นเป็นการยืนยันว่านอกจากจะต้องมีความคิด ความรู้สึกแสดงอารมณ์แล้วยังต้องมีการกระทำ กิจกรรมการเรียนการสอนต่างๆ จำต้องจัดให้มีการปฏิสัมพันธ์การแปลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาที่การเรียนรู้จากการกระทำ จะเกิดการเรียนรู้อยู่ได้นานมากที่สุด เพราะการกระทำไม่ว่ารูปแบบใดจำเป็นต้องใช้ ความคิด แสดงความรู้สึก และทักษะอื่นๆรวมอยู่ด้วยเสมอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น