หน้าเว็บ

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เมื่อทุนนิยมและการค้าเสรี กลายเป็นการค้าผูกขาด

ในระบบทุนนิยมนั้นใช้ทุนในการดำเนินกิจการต่างๆ ประเทศต่างๆโดยเฉพาะกำลังพัฒนาจึงสนับสนุนให้มีการลงทุน เพราะการนำเงินทุนเข้ามาจะทำให้เกิดการว่าจ้างแรงงาน และหวังอีกอย่างว่าจะทำให้เกิดการถ่ายทอดทางเทคโนโลยี จะทำให้ประเทศยืนบนขาของตัวเองได้ในที่สุด แต่เมื่อมีกลุ่มทุนขนาดใหญ่ประกอบกับกรอบการค้าเสรีเป็นเครื่องมือ ทำให้เป็นเหมือนการไปรุกรานประเทศอื่น ในทำนองเดียวกับประเทศมหาอำนาจใหญ่น้อยใช้กำลังทางทหารที่ใช้เทคโนโลยีที่เหนือกว่าในการรุกรานยึดครองประเทศที่อ่อนแอล้าหลังกว่าให้มาเป็นประเทศบริวารในยุคล่าอาณานิคมในอดีต ประเทศใดไม่ตระหนักที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศ โดยไปยอมตามทุกอย่างตามที่กำหนดในระบบทุนนิยมการค้าเสรีแล้วจะเกิดความสับสนวุ่นวายไม่รู้จบพร้อมๆกับทรัพยากรธรรมชาติที่ถุกทำลายไป




ต้องยอมรับว่าโลกปัจจุบันอยู่ในระบบเศรษฐกิจทุนนิยม และกลุมทุนขนาดใหญ่จากประเทศใหญ่น้อยก็อาศัยช่องทางกรอบการค้าเสรีเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในประเทศที่ล้าหลังอ่อนแอกว่าในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะทางธุรกิจการค้าที่สามารถทุ่มทุนฮั่วกันระหว่างกลุ่มทุน ถ้าประชาชนไม่ตระหนักหรือมองไม่เห็นพิษภัยหรือหวังผลประโยชน์เฉพาะตนและกลุ่มแล้วจะเรียกให้กลุ่มทุนเข้ามายึดกุมเศรษฐกิจของประเทศได้ จากนั้นก็กดขี่ขูดรีดทำให้การกระจายรายได้ไม่เป็นธรรม และที่บอกว่าการค้าเสรีนั้นก็ไม่จริงจะเห็นว่ามีเสรีน้อยลงทุกที่และในที่สุดจะกลายเป็นกึ่งผูกขาดหรือผูกขาดไปในที่สุด ทำให้ผู้เขียนนึกไปถึงครั้งที่ศึกษาอยู่ในต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยมีปรัชญาอย่างหนึ่งว่า equal opportunity คือมีความความเสมอภาคมีโอกาสเท่าเทียมกัน แต่จากคุยกับเพื่อนๆ หลายๆชาติก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการที่เขียนเช่นนี้ก็แสดงว่ามันไม่ได้มีความเสมอภาคกันจริง ซึ่งในความเป็นจริงก็ยังคงมีการเหยียดผิวสีกันอยู่บ้างนั่นเอง

การค้าเสรีก็เช่นเดียวกัน ดูๆไปแล้วจะเป็นการค้าเสรีสำหรับบริษัทข้ามชาติที่มีทุนขนาดใหญ่และมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ขณะที่เจ้าของประเทศนั้นอ่อนแอทุกทางไม่มีแม้บริษัทของตัวเองที่จะไปแข่งขันด้วย ถ้าจะมีก็เป็นการร่วมทุน นอกนั้นต่างชาติล้วน ไม่ต้องดูอะไรมาก สิ้นค้าหลักๆที่มีขายในท้องตลาดมียี่ห้อหรือตราไหนบ้างที่เป็นของคนไทยล้วน แทบจะเหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร และยิ่งขณะนี้แม้แต่ห้างที่ขายสินค้าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก็เป็นของบริษัทข้ามชาติอีก คนเจ้าของประเทศก็จะเป็นเพียงลูกจ้างบริษัทข้ามชาติเสียเป็นส่วนใหญ่ แล้วใครบ้างลงทุนแล้วไม่เอาผลประโยชน์ขนกลับประเทศ ตามรายงานของสหประชาชาติได้ระบุให้เห็นว่า ผลผลิตทางเศรษฐกิจครึ่งหนึ่งของโลกอยู่ภายใต้ธุรกิจของบริษัทข้ามชาติราว 100 บริษัท นั่นก็คือผลผลิตส่วนใหญ่ของโลกอยู่ภายใต้การผูกขาดในกรอบการค้าเสรีโลกาภิวัฒน์จากบริษัทไม่กี่บริษัทจากกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าประเทศอื่นๆ สรุปได้ว่าเป็นการเอาเปรียบของกลุ่มคนรวยจำนวนเล็กน้อยในประเทศหนึ่ง ที่จะทำความเสียหายให้กลุ่มคนจนจำนวนมากมายในอีกประเทศหนึ่ง

ประเทศเราต้องเร่งในการพัฒนาด้านด้านการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศและให้ทันประเทศที่พัฒนาแล้วเจ้าของทุนหรือบริษัทข้ามชาติ ผู้ที่จะมาบริหารประเทศจะต้องมีความรู้เท่าทันและเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศเป็นหลักด้วยความซื่อสัตย์สุจริตจึงจะฝ่าฝันกรอบการค้าเสรีและทุนนิยม ให้ประเทศรอดพ้นจากความยากจนด้วยตัวของตัวเอง และเกิดความสงบสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น