การทำให้ละลึกชาติ

คนที่เกิดมามีชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันนั้น แต่ละคนย่อมมีที่ไปที่มาแตกต่างกัน ตามเหตุและปัจจัยของแต่ละคนที่มีมาก่อน สำหรับความเชื่อของชาวพุทธนั้นเชื่อในกฏแห่งกรรม ที่ทำกรรมดีย่อมได้รับผลที่ดีตายไปแล้วก็ไปสู่สุคติเกิดในภพภูมิที่สูงขึ้น เป็นมนุษย์เทวดา ทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลที่ชั่วไปเกิดในทุคติในภพภูมิที่ต่ำเป็นสัตว์เดรฉาน และสัตว์นรกเป็นต้น เรืองดังกล่าวนี้เป็นที่มาของชาติที่ผ่านมา ชาติในปัจจุบัน และในอนาคต


ปกติแล้วคนเรามีความสงสัยที่มักจะตั้งคำ ถามให้ตนเองอยู่เสมอว่า เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน ตายแล้วจะเป็นอย่างไร รวมถึงอยากรู้ว่าชาติที่ผ่านมาเป็นอะไรมากก่อน และต่อไปจะเป็นอย่างไร เราเคยทราบมาว่าบางคนสามารถที่จะละลึกชาติที่ผ่านมาได้ตั้งแต่ยังเล็ก ที่สามารถตอบเหตุการณ์ความเป็นไปในชาติที่ผ่านมาได้ ซึ่งมีให้เห็นได้อยู่เสมอ อย่างไรก็ตามเมื่อคิดเป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ก็มีไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่ สามารถละลึกชาติที่ผ่านมาได้ ในแนวทางพุทธศาสนานั้นเราสามารถทำให้เกิดการละลึกชาติได้โดยวิธีการจัดระบบ จิตให้เป็นสมาธิ จิตที่เป็นสมาธิถือว่าเป็นจิตที่มีพลัง ซึ่งมีอยู่หลากหลายวิธีในการทำสมาธิ ถ้าพลังสมาธิแก่กล้าพอก็จะทำให้ละลึกชาติได้

การทำให้ละลึกชาติได้ ต้องมีปณิธานที่แนวแน่ มีความเชื่อความศรัธาในเรื่องกฏแห่งกรรม ถ้ายังมีความลังเลสงสัยก็ยากที่ทำให้ละลึกชาติได้ ผู้ที่จะละลึกชาติได้ตามกระบวนการนี้ เมื่อสมาธิแก่กล้าพอจะเป็นผู้ที่ได้ญาณ บุพเพนิวาสานุสสติญาณ ซึ่งทำให้ละลึกชาติของตัวเองและผู้อื่นได้ และถ้าได้จุตูปปาตญาณจะทำให้มองเห็นการเวียนว่ายตายเกิดของตนเองและผู้อื่น ด้วย เมื่อละลึกชาติได้แล้วในทางพุทธศาสนาอย่างน้อยที่สุดจะได้ิทิพยจักขุญาณหรือ ตาทิพย์ สามารถมองเห็นเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ทุกอย่างจากสิ่งเล็กละเอียดที่สุดไปจนสิ่งที่หยาบและไกลที่สุด

ในการ ทำให้ละลึกชาติในทางปฏิบัติเมื่อจิตเป็นสมาธิได้ญาณดังกล่าวแล้ว สามารถที่จำกำหนดจิตภาวนานึกถึงเหตุการณ์ย้อนหลังไปเรื่อยๆ ละลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา วันที่แล้ว สัปดาห์ที่แล้ว เดือนที่แล้ว ปีที่แล้ว เหตุการณ์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ....ระลึกถึงเหตุการณ์ที่อยู่ในครรภ์มารดา อายุ 3 เดือนในครรภ์ แล้วละลึกไปถึงชาติที่ผ่านมาว่าเราเป็นใคร อยู่ที่ไหน พ่อแม่ชื่ออะไร มีพี่น้อง สามี ภรรยา ญาติ มิตรเป็นใครบ้าง และ ตัวเองตายเนื่องจากสาเหตุใด เป็นต้น ถ้าหากถามว่าทำไม่จึงสามารถละลึกชาติได้ละเอียดดังกล่าวแล้ว ถ้าอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น การกระทำที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนรูปของพลังงาน ทุกอย่างอยู่ในรูปของพลังงานทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น

กรรมทุกอย่างที่สร้างไว้จะเก็บบันทึกไว้ภายใต้จิตสำนึกครบถ้วนทุกประการ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยวิธีการธรรมดา ตามทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตย์ที่จิตนาการไว้ว่าถ้าสามารถย้อนเวลาได้ซึ่ง ก็คือการละลึกชาติได้นั่นเอง เมื่อสามารถเดินทางย้อนทวนคลื่นความเร็วแสงโดยอาศัยเครื่องจักรกลไฟฟ้าอิเล คทรอนิกส์ สำหรับทางพุทธศาสตร์นาใช้วิธีการจัดระบบจิต ให้จิตมีพลังสมาธิสูง จิตก็สามารถที่จะปรับจุกขุประสาทให้สามารถมองเห็นภาพในอดีตชาติได้เช่นเดียว กัน



บางส่วนประมวลจากเอกสารแจก เขียนโดย เพลิงธรรม แสง