หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ธรรมดา

ในสถานะการณ์ประเทศไทยขณะนี้สื่อมวลชน เป็นสื่อที่สื่อสารกับผู้คนถ้าขาดซึ่ง คุณธรรมและจริยธรรม มักจะกลายเป็นเครื่องมือในการบิดเบือน คล้ายกับการโฆษณาชวนเชื่อ ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ประโยชน์ และก็จะเห็นอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าทางวิทยุโทรทัศน์ และดูเหมือนว่าจะเป็นการทำลายหรือลดความน่าเชื่อถืออีกฝ่ายหนึ่ง มากกว่าที่จะมีความเป็นกลางอย่างแท้จริงหรือ นำเสนอไปตามความเป็นจริง


สำหรับหนังสือพิมพ์ที่ดีมีคุณภาพนั้นจะต้องมีความสามารถในการวิพากษ์วิจารย์ลึกลงไปถึงแก่นแท้ของปัญหาและของเนื้อในในรายละเอียด ของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่เห็นที่ผิวนอก ต้องตอบคำถามทำไม มากกว่าที่เป็นการขยายความเพียงอย่างเดียว และยังบอกให้ทราบว่าสะท้อนอะไร และจะส่งผลสืบเนื่องอะไรได้บ้าง และผู้รู้ นักปราชญ์ ได้เคยให้อุทาหรณ์แล้วว่าการวิพากย์วิจารณ์อย่างซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมาจะเกิดขึ้นได้ยาก หรือเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง หากการวิพากษ์วิจารณ์นั้นเกี่ยวข้องกับวงศาคณาญาติ เพื่อนฝูง ผู้ที่คุ้นเคย หรือคนแปลกหน้า จึงไม่แปลกอะไรที่นายกรัฐมนตรี ออกมาพูดแสดงความคิดเห็นเชื่อว่าอดีตนายกเป็นคนดี ไม่ได้คอร์รัปชั่น แต่ผิดกฏหมายและ เช่นเดียวกับที่รัฐมนตรีสาธารณสุขออกมาพูดว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำผิดกฏหมายแต่ทำในสิ่งที่กฏหมายห้ามไว้

จากการแสดงข้อคิดเห็นทั้งนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรี ซึ่งเป็นอดีตผู้ภิพากษา และ รัฐมนตรีมีการศึกษาจบถึงปริญญาเอก ซึ่งก็ไม่เคยมีมาก่อนที่ นากยกและรัฐมนตรีออกมาพูด เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมในลักษณะที่เหมือนกับไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาล ทำให้เกิดข้อสงสัย ว่าจะเชื่อใครกันแน่ ก็เกิดสับสนในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง ก็ได้แต่ปลงว่าการกระทำของสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม (กรรมมุนา วัตตะตี โลโก)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น