หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เก็บตกการป้องกันหวัด 2009

ตอนที่หวัดนี้เริ่มระบาดใหม่ๆ ในประเทศแมกซิโก และเรียกว่าไข้หวัดหมู เพราะคิดว่าคนติดเชื้อหวัดนี้จากหมู โดยเทียบเคียงจากไข้หวัดนกที่ติดต่อมาจากสัตว์ปีกมายังคนได้ ทำให้เนื้อหมูขายไม่ได้อยู่พักหนึ่ง ทำให้หลายประเทศงดการนำเข้าเนื้อหมู ราคาเนื้อหมูตกต่ำอยู่พักหนึ่ง ซึ่งต่อมาตรวจพบว่า เชื้อหวัดหมูนั้นไม่ได้ติดต่อไปยังคน แต่ติดต่อกันในสัตว์ด้วยกันมากกว่า จะติดต่อถึงคนก็เฉพาะในรายที่ติดต่อกับคนอย่างใกล้ชิดเท่านั้นเท่าที่ตรวจพบก็มีไม่กี่ราย เหตุที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นไข้หวัดหมูอีกประการหนึ่งก็คือ สายพันธุ์ไวรัส เป็นชนิด A H1N1 เช่นเดียวกับที่พบในคน แต่มีสารพันธุกรรมที่แตกต่างกัน ฉะนันการติดเชื้อจึงเป็นการติดต่อกันระหว่างคนด้วยกันเสียมากกว่า ในสายพันธ์นี้มีสารพันธุกรรมที่ค่อนข้างผสมผสานหลายแบบ เป็นลักษณะของเชื้อโรคบุบัติใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยทราบกันมาว่า การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนอาจจะเป็นตัวการที่ทำให้ เชื้อโรคกลายพันธ์เป็นสายพันธ์ใหม่ได้


หวัด2009 เป็นเชื้อที่ค่อนข้างติดต่อได้ง่าย และจะมีอาการรุนแรงสำหรับคนที่มีโรคประจำตัวอื่น อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ หลอดลมและปอด เหมือนกับว่าเชื้อนี้เข้าไปสกัดกั้นภูมิคุ้มกันที่จะกำจัดเชื้อโรคตามปกติ เป็นผลให้เกิดการอักเสบรุนแรง และถึงแก่ชีวิตได้ ปกติแล้วการเป็นหวัดธรรมดาแล้วเกิดอาการอักเสบ เช่นเราเคยได้ยินว่ามีผู้สูงอายุเสียชีวิตเพราะปอดอักเสบ ปวดบวมอยู่บ่อยๆ แม้ไม่ใช่หวัด 2009 ก็ตาม เมื่อมีเชื้อหวัดชนิดใหม่ที่อาจยังไม่มีตัวยาที่ใช้บำบัดโดยเฉพาะ แต่ก็สามารถรักษาตามอาการ และยาที่ใช้รักษากันมากที่สุดขณะนี้คือ เทมิฟู รวมทั้งวัคซีนป้องกันหวัดชนิดนี้ก็ได้สั่งซื้อมาจากต่างประเทศ จนกว่าประเทศเราจะผลิตวัคซีนและผ่านการทดสอบตามมาตรฐานได้สำเร็จก็คง อีกไม่นาน

บางคนเป็นหวัดน้ำมูกไหลธรรมดาไม่เป็นไข้สูงก็เกรงกลัวไปก่อนแล้ว ไปตรวจหาไข้หวัด 2009 ก็จะเป็นการสิ้นเปลืองในการตรวจหวัดชนิดนี้ประมาณ 3000 บาท แต่ถ้ามีไข้สูงหายใจอึดอัดแล้วควรไปพบแพทย์ทันที สำหรับเราๆ ท่านๆ ที่ยังไม่มีอาการหวัดใดๆ ก็ต้องป้องกันตัวเองโดยการพยายามรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ อะไรที่เสริมให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายสูงขึ้นก็ควรจะได้ทำ กินอาหารให้ถูกหลักได้สารอาหารครบถ้วน ออกกำลังกายอยู่เสมอ ถ้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษบ้างก็ควรหาอาหารเสริมต้านสารพิษมารับประทานบ้างก็จะดี

สิ่งที่กระทรวงสาธารณะสุขให้คำแนะนำมามากมายหลายกระบวนการ ก็อยากวิเคระห์ให้ดู กินของร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ คำว่าของร้อนนี้หมายถึงปรุงสุกหรือไม่น้อยกว่า 70 องศาเซลเซียส เชื้อหวัด 2009 ก็ตายแล้ว โดยทั่วไปตอนปรุงอาหารนั้นก็เกือบ 100 องศา หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เย็นลงที่สามารถรับประทานได้ และไม่ทิ้งไว้นานเกินไป ที่อาจติดเชื้อได้ถ้าไม่แน่ใจก็ควรอุ่นให้ได้ 70 องศาเซลเซียสอีกครั้ง ในเรื่องกินของร้อนต้องยกให้ประเทศจีนว่าเป็นวัฒนธรรมด้านอาหารในการกินของร้อน โดยเฉพาะการดื่มชาที่ค่อนข้างร้อน ในตอนเช้าน่าจะมีส่วนทำให้มีการติดเชื้อหวัด 2009 น้อยทั้งๆ ที่มีพลเมืองตั้ง 1300 ล้านคน

การใช้ช้อนกลาง และล้างมือนั้นเป็นทางที่ป้องกันโรคได้ดี แต่มีข้อสังเกตสำหรับการใช้ช้อนกลางที่ว่าถ้าคนเป็นหวัด 2009 มีเชื้อโรคอยู่ที่มือ แล้วโอกาสที่เชื้อจะไปติดกับคนที่มาใช้ช้อนกลางคนต่อไปได้ ดังนั้นก็เลิยต้องให้ไปล้างมืออีกที แต่ในกรณีล้างมือ ถ้าไปล้างจากก็อกน้ำก็เช่นกัน เมื่อใช้เสร็จก็ต้องใช้มือปิดก๊อกน้ำอีก ดังนั้นนอกจากใช้เจลล้างมือแล้วก็ต้องล้างก็อกน้ำด้วย ถึงจะให้ผล 100 เปอร์เซ็นต์

คำแนะนำอีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับการใช้หน้ากากอนามัย ควรจะใช้อย่างยิ่งสำหรับคนที่เป็นหวัดอยู่แล้วไม่ว่าหวัดอะไร เพราะไอจามแต่ละทีเชื้ออาจฟุ้งกระจายได้มากกว่า 1 เมตร คนที่ใช้หน้ากากนั้นจะถอดเข้าถอดออกบอ่ยๆ ก็ไม่ดี ใช้มือไปจับ มือเราอาจไปจับสิ่งสกปรกมาโดยไม่รู้ตัว เช่นราวบันได ลูกบิดประตู แล้วมาจับหน้ากาก ไม่ใช้จะเอาสาใส่กระเป้าเสื้อธรรมดาก็ไม่ได้อีกต้องเอาไปใส่ทุกปลาสติกถึงจะปลอดเชื้อกว่า และถ้าเป็นไปได้ควรจะเปลี่ยนทุกวัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น