หน้าเว็บ

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

คืนวันดวงจันทร์เต็มดวงเคลื่อนมาใกล้โลก

คืนวันที่ 11 ธันวาคม 2552 องค์กรทางวิทยาศาสตร์ในประเทศไทยได้ประกาศให้ทราบว่าเป็นคืนที่มีพระจันทร์ เต็มดวงที่เคลื่อนมาใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 15 ปี ก็เป็นปรากกฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง ที่สะท้อนให้เห็นถึงหลักการที่ไม่มีอะไรสมบูรณ์ไม่มีอะไรแน่นอนเสมอไป เพราะดวงจันทร์ที่เราว่าเป็นบริวารของโลกนั้น การโคจรรอบโลกขณะที่โลกและดวงจันทร์นั้นโคจรไปรอบดวงอาทิตย์ด้วยนั้น ไม่มีความสมมาตรที่ดวงจันทร์ต้องเคลื่อนที่ห่างโลกประมาณเท่าเดิมตลอดเวลา แต่กลับเคลื่อนที่ออกจะเป็นรูปวงรี เพราะยังมีการเคลื่อนที่ใกล้โลกมากที่สุดเหมือนในวันที่ 11 นี้ และก็คงจะมีวันที่เคลื่อนที่ห่างจากโลกมากที่สุดแต่อาจจะไม่ประกาศหรือแจ้ง ให้ทราบกัน ทั้งนี้เป็นเพราะในคืนวันที่ 11 นั้นเรามองเห็นดวงจันทร์ดวงโตกว่าด้วยหลักการว่า ถ้าเข้ามาใกล้กว่าก็ย่อมมองเห็นโตกว่า และเช่นกันจะทำให้มีความสว่างมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดกว่าทุกๆ คืน บางคนรู้สึกมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้มานั่งชมพระจันทร์ ที่กล่าวอ้างกันว่าโตและสว่างที่สุดในรอบ 15 ปี


แต่เมื่อพิจารณาถึงหลักการทางวิทยาศาสตร์หรือฟิสิกส์นั้น ก็อาจกล่าวได้ว่าดวงจันทร์นั้นมีอิทธิพลต่อโลกมากที่สุดตามกฏแรงความโน้ม ถ่วงแล้วยิ่งระยะใกล้โลกมากขึ้นก็จะเกิดแรงดึงดูดระหว่างโลกกับดวงจันทร์มาก ขึ้นแน่นอน ถ้าใครอยู่ในบริเวณน้ำขึ้นน้ำลงแล้วจะเห็นน้ำขึ้นน้ำลงมากกว่าที่เคยเป็นถ้า อยู่ในรอบน้ำขึ้นตามปกติ แต่ถ้าอยู้่ในช่วงหักล้างกับอิทธิพลของดวงอาทิตย์ก็อาจไม่เห็นผลของการเกิด น้ำขึ้นน้ำลง ตามหลักการนี้ไม่เฉพาะน้ำเท่านั้นที่มีการถูกดึงดูดยกตัวสูงขึ้นแผ่นดินเอง ก็ถูกดึงดูดขึ้นไปเช่นกัน แต่ไม่เห็นเด่นชัดเช่นเดียวกับน้ำที่เป็นของไหล ซึ่งการดึงดูดของดวงจันทร์นั้นถ้าว่าน้อยไม่เกิดผลอะไรเสียเลยก็คงไม่ใช่ อาจมีผลทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกที่เลื่อนไหลได้ง่ายอยู่แล้ว เกิดแผ่นดินไหวได้ ซึ่งมีรายงานในบางพื้นที่ หรือทำให้เกิดการปั่นป่วนในทะเลที่เราไม่รู้แล้วก่้อให้เกิดพายุต่อมาภาย หลังก็ได้

แต่่่ถ้ามองในแง่ดีว่าส่งผลในแง่ดีก็ได้ว่าให้ที่ทำท่าจะทำให้เกิดการ เคลื่อนตัวทำให้เปลือกโลกปรับตัวทำให้มีความคงตัวมากขึ้นแต่ก็เป็นเพียงการ คาดคะเน แต่ก็เชื่อว่าต้องมีอิทธิพลอย่างใดอย่างหนึ่งเพราะตามทฤษฎีไร้ระเบียบนั้น เช่นในรูปของทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกก็ตาม นั้นแม้การเปลี่ยนแปลงเพียงน้อยนิดที่หนึ่งก็อาจจะทำให้เกิดผลใหญ่ในอีกที่ หนึ่งได้ นั่นก็คือทุกสิ่งทุกอย่างมีความสัมพันธ์ส่งผลอิทธิพลกันและกันไม่มากก็น้อย เสมอ เมื่อมองดวงจันทร์ที่มีอิทธิพลต่อโลกในแง่ของแรงโน้มถ่วงนั้นมีอิทธิพลมาก ที่สุดมากกว่าดวงดาวใดๆ แม้แต่ดวงอาทิตย์ดังจะเห็นจากอิทธิพลที่ก่อให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงมากกว่าดวง อาทิตย์อย่างเด่นชัด

จากการค้นพบของไอน์สไตย์นั้นชี้ให้เห็นว่าความโน้มถ่วงนั้นไม่เฉพาะที่มี อิทธิพลต่อสภาพที่เป็นมวลสารเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลต่อพลังงานด้วยก็คือการตรวจพบว่าความโน้มถ่วงทำให้แสงเบี่ยง เบนไปหรือเคลื่อนเป็นทางโค้งจากอิทธิพลของมวลของดวงดาว ซึ่งได้รับการทดลองยืนยันว่าถูกต้อง ซึ่งถ้าคิดตามสมการความสัมพันธ์ของไอน์สไตย์ที่เปลี่ยนสสารเป็นพลังงานได้ หรือเปลี่ยนแปลงกลับไปมากันได้ ในแง่นี้ถ้าเรามองว่ามีพลังจิต มีจิตวิญญาณล่องลอยอยู่ทั่วไป ก็ย่อมได้รับอิทธิพลจากดวงจันทร์มากเป็นพิเศษ ได้รับการกระตุ้น หรืออาจรู้ได้ถึงแรงที่กระทำ ทำให้มีความเชื่อว่าในวันคืนพระจันทร์เต็มดวงวิญญาณซึ่งถือว่าเป็นพลังงาน รูปหนึ่ง อาจจะได้รับอิทธิพลทำให้สงบนิ่งอยู่ไม่ได้ ต้องปรับความสมดุลย์กันใหม่ การเคลื่อนไหวเหล่านี้สัตว์บางอย่างรับรู้ได้เช่นหมาหอนโหยหวลมากในบางที่

สำหรับที่บ้านผู้เขียนระยะนี้ก็มีหนูยกโขยงกันมาใต้เพดานจนต้องตื่นขึ้น มากลางดึก คงจะมีกิจกรรมอะไรเป็นพิเศษหรือได้รับแรงกระตุ้นจากดวงจันทร์ก็ไม่ทราบได้ แน่ชัด หรือจะเป็นเพราะฝนตกมาหลายวันจึงออกมาสังสรรค์กัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น