หน้าเว็บ

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

พลังงานกับภาวะโลกร้อน

การใช้พลังงานในการพัฒนาเศรษฐกิจขนานใหญ่ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ โดยเฉพาะการใช้พลังงานส่วนใหญ่ที่โลกใช้คือพล้งงานจากฟอสซิล อันได้แก่น้ำมันและแกสธรรมชาตินั้น เป็นผลพวงที่เกิดจากซากพืชซากสัตว์ในครั้งอดีตกาลที่สั่งสมกันมานับตั้งแต่เกิดสิ่งมีชีวิต อันได้แก่พืชและสัตว์ นับร้อยล้านปี พันล้านปีมาแล้ว การแข่งขันกันทางเศรษฐกิจที่เน้นการบริโภค ได้ก่อให้เกิดการใช้พลังงานในรูปของน้ำมันและแกสทุกแบบ จึงกล่าวได้ว่าการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเผาผลาญน้ำมันและแกส เป็นส่วนสำคัญที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน โดยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไปสะสมรวมตัวกันที่ชั้นบรรยากาศเป็นแกสเรือนกระจกที่ยอมให้พลังงานแสงเข้ามาได้แต่สะท้อนออกไปไม่ได้ เหมือนกับบ้านหรือเรือนกระจกที่จะร้อนผิดปกติในช่วงเวลากลางวันดังที่เรียกกันว่า Green house effect




ในเมื่อปัญหาโลกร้อนมาจากการใช้พลังงานประเภทปิโตรเลียมเป็นหลักที่ก่อให้เกิดแกสคาร์บอนไดออกไซด์เกินขีดที่โลกสามารถรับได้ ก็มีผู้เสนอแนวทางการแก้ปัญหานี้ในสองลักษณะได้แก่การลดการใช้พลังงานลงและหาแนวทางที่จะทำให้แกสเรือนกระจกลดลง และการหาแหล่งพลังงานทดแทนที่ไม่ก่อให้เกิดแกสเรือนกระจก ซึ่งจากข้อเสนอดังกล่าวนี้มีทั้งที่เป็นไปได้ และเป็นไปได้ยาก

หลายประเทศมีมาตรการที่ใช้พลังงานทดแทนจากพืช เช่นอัลกอฮอล์ ปาล์มน้ำมันเป็นต้น แต่การทดแทนการใช้พลังงานในลักษณะนี้ก็ยังก่อให้เกิดแกสเรือนกระจกอยู่ดี จึงไม่น่าจะช่วยให้ลดปัญหาโลกร้อน การลดการใช้พลังงานจึงเป็นทางเลือกที่มีการรณรงค์กันมากที่สุดได้แก่การลดภาวะโลกร้อนโดยการปลูกต้นไม้ที่หวังว่าการปล่อยแกสออกซิเจนจากต้นไม้จะไปทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ได้จางลงอยู่ในระดับที่ไม่ก่อปัญหาโลกร้อน แต่ตามแนวทางการพัฒนาของโลกปัจจุบัน อัตราการทำลายต้นไม้ในหลายพื้นที่ของโลกสูงกว่าอัตราที่ปลูกเพิ่ม ก็ยังไม่แน่ว่าจะได้ผลอีกหรือไม่

บทสรุปในเรื่องนี้จึงต้องรอการศึกษาวิจัย เพื่อให้ได้เทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานของโลกเสียใหม่ซึ่งก็ยังไม่ปรากฏเป็นรูปธรรมนัก ปัญหาการขาดแคลนพลังงานจึงเป็นไปได้สูงถ้าเราไม่เตรียมตัวเพื่ออยู่อาศัยในโลกที่ต้องจำกัดการใช้พลังงานจนกว่าจะมีทางเลือกอื่นที่เข้ามาทดแทนได้จริง แต่หากโลกของเราอยู่นิ่งเฉยไม่รวมมือกันอย่างจริงจังก็อาจเป็นไปตามหลักวิวัฒนาการที่เรียกว่าโลกมีการปรับตัวให้เกิดความสมดุลย์ของธรรมชาติ เมื่อมีประชากรเพิ่มสูงมากจนโลกรับไม่ได้ก็จะเกิดเหตุการณ์ทำลายล้างให้ลดลงอยู่ในระดับที่โลกรับได้ เพียงแต่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น