หน้าเว็บ

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

น้ำตาลเป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างไร

เป็นที่ทราบกันดีว่าน้ำตาลจัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่มีประโยชน์ให้กำลังงานเช่นเดียวกับแป้ง แต่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน สำหรับอันตรายจากการรับประทานน้ำตาลจำนวนมากมีส่วนทำให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ทำให้เส้นเลือดแข็ง โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน รวมทั้งโรคจิตที่เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำที่เรียกว่า ไฮโปกลีเซ็มเมีย (Hypoglysemia) มีผลทำให้เกิดความผิดปกติทางอารมณ์ จากการที่พบว่าคนที่รับประทานน้ำตาลมากเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำตาลในเลือดน้อยลง เพราะต้องใช้น้ำตาลในกระแสเลือดให้พลังงานในการเปลี่ยนน้ำตาลที่รับประทานเข้ามาเป็นน้ำตาลที่ร่างกายดูดซึมได้ ทำให้อารมณ์เปลี่ยนแปลงได้ง่าย ตกใจง่าย ขี้ลืม หงุดหวิด ฉุนเฉียว โกรธง่าย ไม่มีสมาธิ ฝันร้าย รวมทั้งคิดทำร้ายตนเอง


ปกติแล้วน้ำตาลในเลือดคือกลูโคส ที่ให้พลังงานกับร่างกายได้โดยตรง การมีระดับกลูโคสต่ำทำให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้ความคิดความอ่าน ร่างกายเฉื่อยชาลงจากการทำงานของสมองที่ประสิทธิภาพลดลง เป็นเหตุให้มีอาการเจ็บปวดตามกล้ามเนื้อ สายตาการมองด้อยลง ระบบย่อยอาหารก็เสื่อมลง กลูโคสจะถูกดึงจากอวัยวะอื่นมาใช้เป็นการชั่วคราวเมื่อระดับกลูโคสในร่างกายต่ำลงกว่าระดับปกติเพราะสมองจะขาดกลูโคสไม่ได้ ถึงกับกล่าวกันในบางครั้งว่าสมองหายใจด้วยกลูโคส

จากรายงานทางการแพทย์สำหรับคนที่บริโภคน้ำตาลจำนวนมากในช่วงชีวิตก่อน 40 ปีมีโอกาสที่จะทำให้เป็นโรคเบาหวานมากกว่าผู้อื่น นั่นก็คือการทำหน้าที่ของตับอ่อนในการผลิตอินซูลินเสื่อมลง การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลอยู่มากเช่นขนมหวานทั้งหลายและอาหารที่ใส่น้ำตาล จะเป็นตัวการไปไปขัดขวางไหลของเลือดในเส้นเลือดฝอยทั่วร่างกายเกือบ 80000 กิโลเมตร (โดยไปทำลายสภาพไฟฟ้าลบที่ผนังหลอดเลือดและไฟฟ้าลบกระแสเลือด เดิมเมื่อมีความสมดุลย์เป็นลบด้วยกันจึงผลักทำให้เลือดไม่เกาะติดที่ผนังหลอดเลือด เมื่อสูญเสียความสมดุลย์ทำให้มีกระแสเลือดไปเกาะติดกับผนังหลอดเหลือดได้ง่าย ทำให้มีการสะสมตัวของเลือดที่ผนั้งหลอดเลือดเป็นสาเหตุให้เส้นโลหิตฝอยแข็งตัว ทำให้หัวใจทำงานหนักเพื่อที่จะผลักดันเลือดให้ไหลไปตามเส้นเลือดที่ตีบและแข็ง มีส่วนทำให้เกิดการกระตุก (spasm) หรือการที่หัวใจหยุดเต้นอย่างกระทันหันหัวใจล้ำเหลว (heart attack)

เป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่งที่กล่าวว่า การรับประทานอาหารที่รสหวานจำนวนมาก เพื่อให้มีน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แต่ในความเป็นจริงการรับประทานของหวานมากนั่นเองที่เป็นต้นเหตุของการขาดน้ำตาลในเลือด น้ำตาลปริมาณมากที่คนรับประทานเข้าไปจะถูกเก็บสะสมไว้ที่ตับและกล้ามเนื้อโดยอินซูลินที่เป็นฮอร์โมนที่ตับ่อ่อนหลังออกมาเสียสมดุลย์ไป ทั้งนี้เพราะนอกจากรับประทานอาหารที่เป็นน้ำตาลโดยตรงแล้วยังอาหารที่เป็นแป้งรูปแบบต่างๆ ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนแป้งหรือคาร์โบไฮเดรดให้เป็นน้ำตาลในเลือด ทำให้ได้รับกลูโคสมากเกินจำเป็น ทำให้ตับอ่อนหลังอินซูลินออกมามากจนไปขจัดกลูโคสที่ควรจะไหลเวียนไปกับกระแสเลือดออกไปด้วย อันเป็นสาเหตุที่ทำให้มีน้ำตาลในเลือดต่ำ

ทางออกที่จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุลย์ โดยการรับประทานเกลือแร่และไวตามิน อันได้แก่สังกะสี โครเมี่ยม และแมงกานีส บลูเอ้อสยีสต์ที่มีตัวการรักษาระดับความสมดุลย์ได้ (อาหารและสุขภาพ ฉ2)ที่เรียกว่า glucos tolerance factor:GTF นอกจากนี้ควรได้รับไวตามินซีซึ่งมีส่วนช่วยให้ต่อมอะดรีนอลแข็งแรงขึ้น เพราะเมื่อน้ำตาลในเลือดลดลง โดยสมองจะส่งสัญญาณให้ต่อมอะดรีนอลหลั่งฮอร์โมนเข้าไปยังกระแสเลือดเพื่อไปปล่อยกลูโคสในตับและกล้ามเนื้อออกมา ทางออกที่ดีและเป็นการป้องกันคือการเลิกรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลก็สามารถตัดสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น