หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การหลีกเลี่ยงผลของความเกลียดชัง

ขณะนี้ประเทศของเรามีกระบวนการที่จะสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นระหว่างคนไทยด้วยกันเอง ถึงขั้นก่อให้เกิดความแตกแยกอาจถึงขั้นแบ่งภาค แบ่งประเทศ เราไม่ค่อยคิดในเชิงบวกกันและกัน และถ้าความขัดแย้ง เติมเชื้อแห่งความเกลียดชัง ยังไม่เคารพกฏหมาย คิดแต่จะเอาชนะคะคานแล้วจะนำไปสู่ความรุนแรง แล้วในที่สุดประเทศก็จะหาความสงบสุข ไม่ได้ มิกสัญญีอาจเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า ขอให้ทุกคนได้ตระหนักหาทางทำอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะนำความสงบสุขกลับมาสู่ประเทศ


จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง การสร้างความเกลียดชังระหว่างพรรคนาซีกับชาวยิว พลพวงก็คือชาวยิวถูกฆ่าตายเกือบหกล้านคน ผลพวงแห่งของสงครามระหว่างโลกคอมมิวนิสต์และโลกเสรี ในเกาหลี เวียดนาม เขมร และลาว ผลแห่งการทำลายล้างคนตายเสียชีวิตและพิการไปหลายล้านคน และผลพวงแห่งการสร้างความเกลียดชังเมื่อไม่กี่ปีมานี้ การทำลายล้างระหว่างเผ่าพันธ์มนุษย์ที่แตกต่างกันทางวัฒนธรรมศาสนา เช่นในบอสเนีย โครเอเซีย การทำล้ายล้างกันระหว่างเผ่าฮูตู และตูซีในราวันดาเพียง 3 เดือนก็มีการเสียชีวิตนับล้าน นอกจากนี้ยังมีสงครามก่อการร้ายและรักษาผลประโยชน์ดังในอิรัก อัฟริกาสถาน และส่วนต่างๆ ของโลก

ดังได้เคยกล่าวไว้แล้วว่าโลกของเรามีการพัฒนาไปในทางที่จะทำล้ายล้างกัน โดยเฉพาะในระบบทุนนิยมเสรีมือใครยาวสาวได้สาวเอา ที่ก่อให้เกิดการทำลายล้างสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตดังเดิมที่ไม่ก่อให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อม ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหันกลับมาทบทวน วิถีชีวิตที่เคยอยู่กันอย่างสงบสุข ตามแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานมาให้ ที่อยู่กันด้วยความพอเพียง พอดี มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน โดยใช้ความรู้มีคุณธรรมกำกับเท่านั้น ให้เป็นทางสายเอก จึงจะหลีกเลี่ยงความเกลียดชัง หลีกเลี่ยงวิกฤติที่อาจนำไปสู่การทำล้ายล้างกันดังกล่าวแล้ว อันเป็นแนวทางที่ต้องตระหนัก ทำให้เราลดความต้องการทางด้านวัตถุ ไม่แย่งชิงแสวงหาวัตถุ เงินทองมากเกินความจำเป็นอันนำมาสู่การทำลายล้าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น