หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การจัดระดับความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจ

เมื่่อเร็วๆ นี้บริษัทที่จัดอันดับความน่าเชื่อถือเช่นบริษัทมูดีห์ (Moodys) ได้ออกมาพยากรณ์ว่าตามค่าตัวเลขเศรษฐกิจไทยจะย่ำแย่ แต่คนในฝ่ายรัฐบาลก็ออกมาชี้แจ้งว่าไม่น่าจะเป็นไปตามคำพยากรณ์ของมูดีห์ และยังกล่าวต่อไปว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้รับผลกระทบจากการตกต่ำของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปัญหาหนี้ด้วยคุณภาพหรือซับพรามซ์ (sub-prime) ดังนั้นเศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสที่จะเติบโตในแดนบวกได้


เมื่อกล่าวถึงบริษัทมูดีห์ที่มาพยากรณ์ภาวะทางเศรษฐกิจประเทศต่างๆ นั้นถ้ามองได้ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ ในแง่ที่ดีก็คือว่าการพยากรภาวะทางเศรษฐกิจน่าเชื่อถือจะได้เตรียมตัว ป้องกัน และแก้ไขได้ทัน ในแง่ที่ไม่ดีก็อาจทำให้คนแตกตื่่นมีการถอนเงินโยกย้ายเงินแบบไม่ปกติอาจทำ ให้เศรษฐกิจผันผวนได้ และบริษัทมูดีห์นี่เองที่ได้จัดอันดับ ความน่าเชื่อถือของบรรษัทกองทุนธนาคาร ในลำดับสูงๆ เช่นอยู่ในระดับ A และ B ซึ่งสุดท้ายก็ล้มละลายขาดสภาพคล่องโดยเฉพาะบริษัททางการเงินยักษ์ใหญ่ และบริษัทอื่นๆ ที่ล้มเป็นลูกระนาดที่เกี่ยวโยงกัน แสดงว่าบริษัทมูดีห์เองใช่ว่าจะพยากรณ์ถูกต้องเสียทั้งหมด ทำให้นึกถึงความเชื่อของชาวพุทธที่ว่า ถ้าปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามกระแสโลกแล้วไม่เคยฝึกจิตแล้วละก็ชีวิตก็จะไหลไป ตามดวงจริงๆ ทำให้หมอดูทายถูกได้ คนที่มีการฝึกจิตมาอย่างดี ฝึกสติมาอย่างดีแล้วหมอจะทายไม่ค่อยถูก สามารถฝืนดวงได้

บริษัทหรือกองทุนที่เคยได้รับการจัดระดับความน่าเชื่อถือสูง และได้รับผลกระทบจากหนี้เสีย sub-prime จนต้องปิดตัวเองหรือเลี้ยงไม่โตอยู่ในขณะนี้ ก็เนื่องจากว่าความโลภ ธนาคารปล่อยสิ้นเชื่อให้กับลูกนี้ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน แถมยังเพิ่มสินเชื้อให้อีกตอนขาขึ้น แต่เมื่อเศรษฐกิจขาลงราคาบ้านที่ดินตกต่ำ ก่อนที่จะราคาผันผวนตกต่ำนั้นก็มีการมาซื้อหนี้ด้อยคุณภาพรวมอยู่ด้วยโดย เฉพาะนักลงทุนในรูปกองทุนในยุโรป และเอเซียบางประเทศ เพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่เมื่อราคาตกต่ำก็ทำให้ขาดสภาพคล่อง ประเทศไทยไปลงทุนในตราสารหนี้ชนิดนี้น้อยจึงส่งผลกระทบน้อย ถ้าวิเคราะห์คำว่า sub-prime ถ้า prime เป็นมาตรฐาน sub ข้างหน้าทำให้น้อยลง เป็นลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือหรือเครดิตต่ำกว่าเกณฑ์ที่จะกู้เงินได้นั่น เอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น