ขณะที่น้ำมันราคาแพงขึ้นเป็นอย่างมากและมีแนวโน้มที่จะขึ้นไปอีก และแนวโน้มหันมาใช้แกสหุงต้มและแกสธรรมชาติแทนน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น แน่นอนว่าในการผลิตไฟฟ้าก็ต้องใช้ต้นทุนสูงขึ้นถ้าต้องใช้น้ำมันหรือแกสที่ราคาเพิ่มสูงขึ้น ทำให้นึกถึงอธิการบดีศิลปากรคนปัจจุบันคือรศ.ดร.อุทัย ดุลยเกษม ที่เคยมากล่าววาทกรรมไว้ที่ราชภัฏนครในฐานะที่ท่านเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสภาวิชาการ ที่ผู้เขียนเห็นว่าสามารถทำให้เราได้คิด เพื่อนามาปรับปรุงปฏิบัติให้เหมาะกับสภาพบริบทของเรา
ท่านได้พูดถึงการสร้างบ้านเรือนและอาคารในประเทศไทยว่าโง่สามชั้นแต่ผู้เขียนคิดว่าอาจจะมากกว่าก็เป็นได้ อันดับแรกเราเลียนแบบประเทศเมืองหนาวที่ติดกระจก ที่บานประตูหน้าต่าง ช่องลม ทำให้อาคารบ้านเรือนร้อนขึ้น เพราะแสงผ่านกระจกเข้ามาได้สะท้อนออกไม่ได้ทำให้เกิดการสะสมความร้อนมากขึ้น ทำให้เราต้องติดเครื่องปรับอากาศ ติดพัดลมระบายอากาศสิ้นเปลืองทั้งค่าเครื่องแอร์และค่าไฟฟ้า ประการต่อมาการออกแบบอาคารเมื่ออยู่ในห้องแอร์ต้องปิดประตูหน้าต่างทำให้สว่างไม่เพียงพอทำให้ให้ต้องเปิดไฟฟ้าให้แสงสว่างอีกก็เปลือกค่าไฟฟ้าเข้าไปสองต่อ ยิ่งหนักเข้าไปอีกทำให้ต้องเปิดไฟให้สว่างตลอดเวลาถ้าห้องติดกระจกกรองแสงอีก
และอีกประการก็คือเมื่อบ้านห้องติดแอร์แล้วเราก็ตองสวมเสื้อผ้าหนาขึ้นเพราะความรู้สึกเย็นแตกต่างกันในแต่ละคนทำให้ต้องใส่สูท นอนกลางคืนก็ต้องห่มผ้านวมอีกล้วนแล้วแต่ทำให้สิ้นเปลืองทั้งสิ้น จึงเห็นด้วยกับท่านว่าเราโง่สามชั้นในกรณีนี้หรืออาจจะมากกว่าสามชั้นด้วยซ้ำไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น