หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ควันหลง กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่หน้ากาก

ที่แนะนำให้กินร้อน นั้นทำให้นึกถึงข้อเขียนของแต้ อุดมพานิชย์ ที่ว่าถ้าแนะคนที่มาด้วยว่าเพื่อนแล้วจริงแล้วมักจะหมายถึงแฟน และถ้าแนะนำว่าแฟนก็มักจะหมายถึงภรรยา ปกติการกินของร้อนนั้นก็ไม่ได้ร้อนจริง แค่อุ่นๆ เท่านั้น เพราะถ้าร้อนนั้นทำให้ปากพองได้ และมีอาการปวดแสบปวดร้อนได้ จึงน่าจะหมายถึงให้กินอาหารที่ฝ่านการปรุงด้วยความร้อนสูงที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ ซึ่งก็ไม่น้อยกว่า 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป แล้วปล่อยให้เย็นตัวลงที่อุ่นพอที่จะรับประทานได้โดยทั่วไป ซึ่งหากอาหารนั้นทิ้งไว้จนเย็นลงเท่ากับอุณหภูมิห้อง เชื่อโรคก็อาจปนเปื้อนลงในอาหารและเจริญเติบโตได้อีก เพื่อความปลอดภัยในระยะนี้ก็ต้องอุ่นอาหารหรือให้ความร้อนจนฆ่าเชือโรคที่อาจปนเปื้อนเข้ามาได้ ก็คงจะมีคนเถนตรงอยู่บ้างหรือคุยกันสนุกว่า ร้อนแล้วจะกินได้อย่างไร


เมื่อพิจารณาการใช้ช้อนกลาง เป็นช้อนที่ใช้ร่วมกันในการตักอาหาร ไม่ให้เชื้อโรคผ่านไปสู่อาหารโดยตรง ลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่างๆได้บ้าง แต่หากมีคนที่ติดเชื้อหวัดที่มือไปจับช้อน คนที่จับช้อนคนต่อมาก็ติดเชื้อหวัดไปที่มือด้วย ถ้าเผลอไปเกา ไปขยี้ตา หรือหยิบอาหารกินก็อาจติดเชื้อโรคได้หากภูมิคุ้มกันไม่พอที่จะต้านเชื้อโรค และจะทำให้เป็นโรค โดยแสดงอาการของโรค การติดเชื้อหรือแพร่เชื้อโดยใช้เครื่องใช้ต่างๆ ร่วมกัน ได้มีผู้ศึกษาว่าทำไมคนจึงติดเชื่อโรคซาร์กันได้ง่ายในฮ่องกงขณะนั้น และทำให้เสียชีวิตจำนวนมาก พบว่าการอาศัยอยู่ในอาคารสูงเช่นในฮ่องกงนั้น การเดินทางขึ้นลงลิฟท์ต้องกดป่มชั้นต่างๆ ของตึกที่ต้องการ ถ้ามือที่กดลิฟท์คนหนึ่งมีเชื้อโรค คนที่มากดลิฟท์คนต่อมาก็อาจติดเชื้อไปแพร่ต่อไปอีก ดังนั้นข้อแนะนำต่อไปจึงให้ล้างมืออยู่เสมอ นอกจากนี้แล้วการพูดว่าช้อนกลางก็ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดกับเด็กบางกลุม ที่เข้าใจว่าช้อนกลางหมายถึงช้อนขนาดกลาง และมีคำถามว่าจะใช้ช้อนขนาดเล็กได้หรือไม่

ที่ต้องล้างมืออยู่เสมอก็เพราะว่า เมื่อออกจากบ้านในแต่ละวันนั้น เราใช้มือในการทำกิจกรรมประจำวัน และการทำงานต่างๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะการจับหยิบสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน ลูกบิดประตู ราวบันได แก้วน้ำ คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ การล้างมือกับเจลหรือสบู่ล้างมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องน้ำห้องส้วมในอาคารต่างๆ นั้นจะมีลูกบิดประตู และใช้ก็อกน้ำร่วมกัน แม้จะล้างมือเสร็จแล้วก็ต้องมาปิดก็อกน้ำอีก จึงมีผู้เสนอว่าให้ล้างก็อกน้ำส่วนที่จะจับแล้วล้างมือ ถ้าไม่อยากล้างก็อกน้ำก็ให้ใช้ถุงมือปลาสติกใช้แล้วทิ้งหลังล้างมือ เพื่อปิดก็อกน้ำ และจับลูกบิดประตู้ห้องน้ำตอนออกจากห้องน้ำ หรืออีกวิธีก็ใช้เจลชนิดระเหยแห้งล้างมือโดยบีบเจลใส่มือแล้วละเลงให้ทั่วเป็นการฆ่าเชื้อโรค แล้วเจลจะแห้งไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องล้างด้วยน้ำอีกครั้ง โดยวิธีนี้ก็ต้องพกเจลติดตัวไปด้วย ก็ทำให้ชีวิตยุ่งยากขึ้นพอควร แต่ก็เป็นการป้องกันได้ดีที่เดียว

การใช้หน้ากากอนามัย ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดระยะแรกถึงขั้นรังเกียจคนใส่หน้ากาก เพราะมักจะเข้าใจว่าเป็นคนที่ติดเชื้อแล้วไม่อยากเข้าใกล้กลัวติดเชื้อโรค คนที่สวมใส่ในลักษณะดังกล่าวถือว่ามีความรับผิดชอบต่อสังคม สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว หรือคนที่ร่างกายอ่อนมีแนวโน้มว่าจะสวมหน้ากากมากขึ้นเพราะติดเชื้อโรคได้ง่ายและรู้สภาพของร่างกายจึงทำให้ต้องป้องกันมากกว่าคนอื่นๆ ที่มีปัญหาจากการสวมหน้ากากอีกอย่างที่เคยมีข่าวว่าหน้ากากป้องกันโรค กับหน้ากากผู้ที่เป็นโรคมีลักษณะแตกต่างกัน เช่นสีขาวสำหรับป้องกันไม่ให้เชื้อโรคออก ส่วนหน้ากากโทนสีฟ้าสำหรับป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้ามา ซึ่งตามความเข้าใจของคนทั่วไปจะหน้ากากนั้นสามารถป้องกันได้ทั้งปล่อยเชื้อโรคออกไป และการรับเชื้อโรคเข้ามา และควรจะเป็นเช่นนั้น นอกจากนี้แล้วการใช้หน้ากากที่ถูกต้อง เช่นต้องเปลี่ยนหน้ากากใหม่ทุกวัน และไม่ถอดเข้าออกบ่อยนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น