หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากการอบรมวิจัย

การเข้าร่วมอบรมการเป็นผู้บริหารโครงการวิจัย ดูเหมือนว่าจะครอบคลุมตั้งแต่เรื่องการเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย การบริหารโครงการวิจัยที่ฟังๆดูการเป็นหัวหน้าโครงการวิจัยนั้นจะทำได้ดีก็ต้องมีวิสัยทัศน์ มีประสบการณ์ สามารถมองภาพเชิงจิตนาการที่มีความเป็นจริง สามารถมองไปข้างหน้า 5ปี หรือ 10 ปีว่าควรเป็นอย่างไร โดยไม่ใช้ความรู้สึก การจะมีวิสัยทัศน์ได้ต้องอาศัยฐานข้อมูล ทั้งที่ย้อนไปในอดีตและปัจจุบัน เช่นมองภาพไปข้างหน้า 10 ปีควรจะเป็นอย่างไร ต้องมองให้เป็นภาพรวม นั่นก็คือต้องสังเคราะห์จากประสบการณ์และจากฐานข้อมูลให้มองไปข้างหน้าก็จะเกิดวิสัยทัศน์ จากนั้นก็ต้องมาแชร์วิสัยทัศน์กับผู้ร่วมงานให้เห็นพ้องต้องกันไปในแนวเดียวกัน แล้วจึงจะทำให้งานวิจัยนั้นประสบผลสำเร็จได้ผลลัพธ์ที่ดี เช่นเดียวกับการมองภาพองค์กรของเราควรจะเป็นอย่างไรในอีก10 ปีข้างหน้าแล้วเราจะแชร์วิสัยทัศน์กันอย่างไรให้เห็นพ้องกันทั่วทั้งองค์กร


มีเรื่องเล่าที่ประธานาธิบดีเคนเนดีได้ประกาศตั้งเป้าหมายว่าจะให้คนอเมริกันไปเหยียบดวงจันทร์ให้ได้ภายใน5 ปี ซึ่งกลายมาเป็นวิสัยทัศน์ขององค์กรนาสา องค์กรนี้ทำวิจัยอยู่ตลอดเวลา ต้องทดลองนำไปใช้ แก้ไขข้อผิดพลาดอยู่ตลอดเวลา เคยมีคนไปถามคนทำความสะอาดม็อบพื้นด้วยความแข็งขันทำไม ก็ได้รับคำตอบแม้แต่จากคนถูพื้นว่า เขาทำความสะอาดม็อบพื้นเพื่อให้คนอเมริกันได้ไปเหยียบดวงจันทร์ให้ได้ อันเป็นลักษณะหนึ่งของการแชร์วิสัยทัศน์หรือการเกิดวิสัยทัศน์ร่วมแล้ว

อีกเรื่องหนึ่งที่มีคนไปศึกษาวิจัยบริษัทที่มีความสำเร็จสูง โดยเขาได้ยกตัวอย่างบริษัทไมโครซอพท์ก่อตั้งโดยบิล เกต บริษัทแอบเปิลก่อตั้งโดยสตีป จ๊อบ และบริษัทแมคดาร์นัลก่อตั้งโดยดิกและแมก แมกดาร์นัล สิ่งที่ได้ค้นพบว่ามีเหมือนกันในสามประการคือ การมีระบบงานที่ดี การนำเทคโนโลยีมาใช้ และความมีสุนทรีย์ จากนี้เราจะเห็นได้ว่ามีมิติทั้งทางด้านสังคมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ผสมผสานกัน ในการบริการลูกค้าให้ได้รับความพอใจ จึงทำให้บริษัทยังคงยืนยงมาได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น