ก่อนที่เราจะมีอารมณ์เราก็ต้องรับรู้เรื่องราวเหตุกาณ์ที่ก่อให้เกิดอารมณ์ การจะรับรู้เรื่องราวอะไรได้ก็ต้องมีประสาทรับความรู้สึกต่างๆ การเห็นภาพ การได้ยินเสียง การสัมผัส แล้วตีความออกมาเป็นการรับรู้เรื่องราวต่างๆ ตามความจำ ความคิดที่มีอยู่เดิม ซึ่งทำให้การรับรู้แตกต่างกันในแต่ละคนทำให้อารมณ์ที่แสดงออกมาด้วยสีหน้าท่าทาง การพูดก็แตกต่างกัน
บางครั้งความหมายของอารมณ์เป็นไปในทางที่ไม่ดี ดังที่เคยได้ยินว่าอย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา ในการอภิปรายเพื่อยกเหตุผลมาสนับสนุน เพราะมักจะมองไปในลักษณะที่ไม่ดีเป็นไปในทางจงเกลียดจงชัง โกรธ อิจฉาริษยา เพราะคนที่อยู่ในอารมณ์แบบนั้นย่อมนำไปสู่ความรุนแรงและใช้กำลังในการตัดสินปัญหา ซึ่งไม่ใช้วิธีแห่งปัญญา
ความรู้สึกในทางพุทธศาสนานั้นก็คือเวทนา ก็แบ่งออกได้เพียงสามประเภทคือความรู้สึกที่เป็นสุข ความรู้สึกที่เป็นทุกข์ และความรู้สึกที่ไม่ทุกข์ไม่สุข แต่ความรู้สึกทั้งสามดังกล่าวก็ยังไม่นำไปสู่การพ้นทุกข์ที่แท้จริง เพราะการรู้สึกเป็นสุขอาจทำให้โลภอยากให้มีมากๆขึ้่นไปอีกเป็นอารมณ์ใฝ่ฝันฝันหวาน ที่เป็นทุกข์ก็อาจทำให้โกรธ ใครทำให้เราเป็นทุกข์ก็ย่อมโกรธ และความรู้สึกไม่ทุกข์ไม่สุขไม่รับรู้อะไรมากก็อาจโง่หลงงมงายได้ด้วยความไม่รู้คนแบบนี้ก็มีอารมณ์เป็นอีกแบบ จะเห็นว่าความรู้สึกกับอารมณ์มีความใกล้เคียงกันมาก เป็นความรู้สึกที่เป็นการตีความแล้ว ไม่ใช่รู้สึกตามประสาทรับรู้ เช่นร้อนหนาว นิ่ม อ่อน แข็ง สาก
สิ่งที่เป็นความรู้่สึกที่รับรู้ได้ด้วยใจ ที่เกี่ยวกับความคิดที่ปรุงแต่งมาจากประสาทรับความรู้สึกต่างๆ บางครั้งแม้เพียงแต่คิดถึง นึกภาพในอากาศก็ก็ให้เกิดอารมณ์แล้ว ดังนั้นอารมณ์จึงเกี่ยวข้องกับการคิด การสร้างภาพในความคิด แต่อย่างไรก็ตามต้องมีการรับรู้ มีความจำในเรื่องนั้นๆมาก่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น