หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ก้าวสู่ความฉลาดทางวิญญาณ

ความพยายามที่จะวัดความฉลาดด้านสติปัญญาของของปิเนย์ ก็ด้วยการวัดไอคิว (IQ:Intelligence Quatent) ซึ่งต่อมาภายหลังพบว่าคนที่มีไอคิวสูงมีสติปัญญาสูงก็ไม่ได้ประสบผลสำเร็จในชีวิตและการทำงานจนกระทั่ง แดเนียล โกลแมนนักจิตวิทยาได้เสนอ ว่าคนที่ประสบผลสำเร็จในชีวิตหน้าที่การงานไม่จำเป็นต้องมี IQ สูงแต่ให้มีอีคิว (Emotion Intelligence) สูงที่ควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้เหมาะสมดีกว่า ดังจะเห็นว่าในช่วงสิบปีที่ผ่านมาเรามีการศึกษาในเรื่องนี้ นำมาใช้ในการเรียนการสอนการฝึกอบรมกันมาก เพราะเชื่อว่าถ้ามีอีคิวสูงแล้วจะควบคุมการใช้ไอคิวได้อย่างมีประสิทธิภาพไปในแนวทางที่ดีกว่า แต่เมื่อย่างเข้าสู่ศตวรรษใหม่ Danah Zohar และ Ian Marshall ได้เสนอไว้ในหนังสือ SQ: connecting with our Spiritual Intelligence อันเป็นผลมาจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง ความฉลาดทางวิญญาณหรือเอ็สคิว (Spiritual Intelligence) เป็นความฉลาดที่เข้ามาเสริมเติมเต็มความฉลาด 2 ประการแรก


โดยที่เอ็สคิวเป็นเรื่องภายในตัวมนุษย์ ที่ Danah Zohar และ Ian Marshall ได้นำทฤษฎีทางควอนตัมมาผนวกกับจิตสำนึกของมนุษย์ เกี่ยวข้องกับความหมายและคุณค่าของชีวิต ในการดำเนินชีวิตให้มีคุณค่าของแต่ละคนที่แตกต่างกัน และยอมรับว่าทุกคนเกิดมามีพื้นฐานทางจิตแตกต่างกัน นั่นคือทุกคนมีแรงขับทางจิตวิญญาณ จากงานวิจัยได้กล่าวว่าเมื่อพูดถึงคุณค่าและความหมายการดำเนินชีวิต และศาสนาแล้วจะมีจุดหนึ่งในสมองวาบขึ้นมาจุดนั้นเรียกว่าจุดพระเจ้า (god spot) โดยที่ความฉลาดทางวิญญาณจะเป็นรากฐานสำคัญที่บ่งบอกให้ทราบว่าคนใช้ไอคิวและอีคิวได้อย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพเพียงไร เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เราเลือกที่จะทำหรือไม่ทำอะไรตั้งแต่ต้น ไอคิวและอีคิวจะบอกให้ทราบว่าจะทำอะไรให้เก่งดีมีประสิทธิภาพได้อย่างไร แต่เอ็สคิวจะบอกว่าจะทำดีหรือไม่ เพราะอะไรหรือพยายามถามคำถามว่าทำไม่

ในทฤษฎีการจัดการความรู้อย่างหนึ่งที่กล่าวถึงองค์ประกอบของความรู้ ที่เริ่มจากข้อมูล ไปสู่สารสนเทศ ไปสู่ความรู้ และจากความรู้ไปสู่ภูมิปัญญา (wisdom) และจากภูมิปัญญาเข้าสู่คุณค่าและความหมายของชีวิต ซึ่งสอดคล้องกับเอ็สคิว และเมื่อเทียบเคียงไอคิว อีคิวและ เอ็สคิว เป็นร่างกายรูป (body) นามที่เป็นจิตใจ (mind) และจิตวิญาณ (soul) และในฐานะชาวพุทธที่มีความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณแต่ต้น เชื่อว่าเมื่อเกิดมีการจุติของจิตวิญญาณที่ทำให้คนแตกต่างกันแล้วแต่กรรมที่สั่งสมมา ซึ่งสอดคล้องกันที่ว่าผู้ที่มีเอ็สคิวสูงก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เคร่งศาสตร์ และผู้เคร่งศาสตร์ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีเอ็สคิวสูง

โดยสรุปแท้จริงแล้วแม้ว่าผู้ที่เสนอเรื่องความฉลาดทางวิญญาณจะบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนาหรือพระเจ้า แต่เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ล้วนๆ และยังกล่าวเสริมว่าอารยธรรมมนุษย์ขณะนี้นั้นเข้าสู่การทำล้ายล้างตนเอง แม้ว่าจะมีความมั่งคั่งทางวัตถุแต่ขาดเป็าหมายและคุณค่าของชีวิต ซึ่งก็สอดคล้องตามแนวพุทธ์ที่ว่า ศิลธรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ ผู้เขียนคิดว่าคำว่าศิลธรรมนั้นก็คือการนำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่ามีเป้าหมายสูงสุด น่าจะตรงกับความฉลาดทางจิตวิญญาณ แต่ที่เห็นว่ายังต่างกันอยู่ก็ตรงที่ไม่ว่าจะเป็นไอคิว อีคิว และเอ็สคิวยังวนเวียนอยู่ที่การศึกษาที่สมอง ซึ่งต่างไปจากจิตวิญญาณทางศาสนาพุทธ ชาวพุทธน่าจะศึกษาเรื่องนี้ให้กระจ่าง และสื่อสารให้โลกเข้าใจ ในฐานะที่เป็นเมืองพุทธ และน่าจะถูกต้องยิ่งกว่า ขณะนี้ก็กำลังจะเข้ามาบรรจบมากขึ้นทุกที แต่น่าเสียใจที่สังคมไทยยังหลงงมงายอยู่อีกมาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น