หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

กรณีปาหิน: วิเคราะห์เชิงนิเวศ

เราคงเคยได้ยินคำพูดเป็นสำนวนว่า โยนหินถามทางเป็นที่รู้กันว่าเป็นการลองเชิงดูก่อนว่ามีผลกระทบอย่างไร แต่กรณีปาหินใส่รถยนต์ที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง ไม่ได้เป็นการลองเชิงหรือทดลองอะไร แต่เป็นการสร้างอาชญากรรม และสร้างเวรสร้างกรรม สร้างความเสียหายถึงตายมาแล้วก็หลายราย บาดเจ็ํบก็มาก โดยที่ผู้ปาหินจะด้วยเหตุคะนองมือ หรือคิดเป็นของเล่นสนุก หรือทำไปโดยไม่คิดอะไรเลย ไม่รู้สึกถึงผลที่เกิดขึ้นเลย สังคมเราก็จะมาถึงจุดที่ไม่ต้องถามหาเหตุผลอะไรกัน เป็นจุดที่วิบากกรรมส่งผลอย่างเต็มที่


ถ้าพิจารณาถึงช่วงก่อนที่จะปาหิน ผู้ที่ปาหินเป็นใคร เด็กหรือผู้ใหญ่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่ว่าการที่เขากล้าทำเช่นนั้นได้ก็ต้องเป็นผลการกระทำของคนรุ่นก่อนเข้าคือรุ่นที่เป็นพ่อแม่เขา คนขับรถที่ถูกขว้างจนได้รับความเสียหาย คนขับรถรุ่นก่อนเคยทำอะไรไม่ดีไว้เช่นชนแล้วหนี ขับขี่อย่างไม่มีน้ำใจ ทำให้ผู้รับผลกรรมคิดแก้แค้นอยุ่ตลอดเวลา และมาถึงตอนนี้ก็คล้ายกับผลกรรมที่เคยกระทำ

สำหรับผู้ที่ได้รับความเสียหายทั้งเจ็บทั้งตาย คนที่กระทำอาจไม่รู้สึกว่าได้ทำชั่วทำบาปกับผู้อื่นอย่างใหญ่หลวง ถ้าคนขับรถเสียชีวิต เขามีลูกมีภรรยาที่ต้องเลี้ยงดู เมื่อมาเสียชีวิตลงก็ไม่มีเงินมาจุนเจือครอบครัว แม่ก็ออกไปทำงานทำให้มีเวลาดูลูกน้อยลง ลูกอาจถุกชักจูงไปเข้าแก๋งลักเล็กขโมยน้อย และอาจจะมาเข้าแก๋งปาหินนี่อีก เป็นกงกรรมกงเกวียนไม่มีที่สิ้นสุด เราจะหยุดวงจรนี้ได้ก็โดยการทำเหตุปัจจัยให้ดีกว่าเดิม แล้วผลก็จะดีกว่าเดิม เช่นให้การศึกษาให้ทั่วถึง ไม่ให้มีเด็กเร่ร่อน สวัสดิการสังคมต้องมีเป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น