จำได้ว่ามีอาจารย์ท่านหนึ่ง ได้เคยเสนอเรื่องนี้ไว้และผูเขียนเองก็เคยสนับสนุนและเคยนำเสนอ และคิดว่าแนวคิดนี้ยังเป็นสิ่งน่าจะเกิดผลดีแก่มหาวิทยาลัย โดยทั่วไปแล้วมหาวิทยาลัยมีหน้าที่จะต้องแจ้งเหตุเตือนภัยให้แก่ชุมชน ท้องถิ่นหรือแม้แต่ประเทศชาติโดยรวม เพราะถือว่ามหาวิทยาลัยเป็นชุมชนแห่งความรู้และนักวิชาการที่ทำการศึกษาค้นคว้าเรื่องหนึ่งเรื่องใดให้แตกฉาน เป็นที่พึ่งทางวิชาการแก่ประชาชน โดยหลักการดังกล่าวแม้แต่มหาวิทยาลัยเองก็เป็นส่วนหนึ่งของชุมชน คนในชุมชนในมหาวิทยาลัยทำการบริหารผ่านทางการเสนอข้อคิดเห็นรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งโดยไม่ต้องเป็นผู้บริหาร ถ้าทุกคนช่วยกันตระหนักตามความคิดความเชื่อของตนเอง ก็จะได้ความคิดที่หลากหลาย ที่ท้ายที่สุดก็จะลู่ไปทางใดทางหนึ่งที่เหมาะสมปฏิบัติได้
ทุกคนสามารถที่จะเฝ้าระวังสิ่งที่อาจเป็นพิษเป็นภัยต่อชุมชนต่อมหาวิทยาลัย โดยการแจ้งเหตุ เตือนให้เห็นถึงภัยที่จะเกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยในทุกๆ เรื่อง แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจส่งผลถึงการทำงานที่ดีต่อไปในอนาคต หรือทำให้มหาวิทยาลัยไม่ต้องสิ้นเปลืองหรือเสียเงินโดยใช่เหตุก็สามารถแจ้งเหตุ หรือเบาะแสได้ แม้ว่าผู้เขียนเองจะเคยกล่าวไว้ในข้อเขียนว่า การชี้เด็นปัญหาโดยไม่มีข้อเสนอแนะเท่ากับเป็นการบ่นหรือด่า แต่ก็คงจะไม่ใช่ทุกกรณีทุกบริบท ในบางบริบทก็มีคำตอบอยู่ในตัวเองแล้ว เช่นเช้านี้ผู้เขียนมาสอนที่ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ลูกบิดประตูหลุดเสียหายใช้ไม่ได้ที่สังเกตเห็นเป็นสัปดาห์ที่ 3 แล้วก็ยังไม่มีการซ่อม แสดงว่าประตูไม่สามารถจะล็อกได้มานาน เป็นไปได้ว่าอาจมีส่วนทำให้เกิดการสูญหายของอุปกรณ์ในอนาคตได้ ผู้เขียนเคยไปสอนระดับบัณฑิตศึกษา เคยชี้ให้ดูว่ากระจกแผ่นหนึ่งระหว่างขึ้นบันไดแตกเสียหายและอาจเกิดอันตรายได้ ตอนนี้ก็ไม่ทราบว่าได้เปลี่ยนซ่อมแล้วยัง และอะไรอีกหลายๆ อย่างถ้าพวกเราพบเห็นแล้วแจ้งเพื่อให้ทางมหาวิทยาลัยรับมาดำเนินการ และถ้ามหาวิทยาลัยสามารถบอกได้ว่า สามารถดำเนินการได้ให้แล้วเสร็จภายในเท่านั้นเท่านี้วัน ก็จะบอกได้ถึงการเป็นสถาบันที่มีคุณภาพที่แท้จริง เพราะสามารถทำได้ตามที่กำหนดเป็นหลักข้อหนึ่งของการทำงานที่มีคุณภาพ
ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถจะแจ้งเหตุเตือนภัยได้ ไม่ว่าการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้คุณภาพที่หมิ่นเหม่ต่อการเกิดไฟฟ้าลดวงจรหรือการอาร์คของไฟที่อาจทำให้เกิดเพลงไหม้ การช่วยกันบอกตำแหน่งที่มีการเปิดไฟฟ้าไว้โดยไม่ใช้งาน เช่นการเปิดแอร์ทิ้งไว้ เป็นต้น หรืออาจเสนอแนวทางการตั้งเวลา หรือมีคนคอยเดินดู หรือสร้างนิสัยให้กับผู้ใช้เพื่อประหยัดไฟฟ้า เพื่อลดภาวะโลกร้อนได้ หากเป็นไปได้มหาวิทยาลัยควรจะมีช่องทางให้บุคคลในชุมชนมหาวิทยาลัยได้ช่วยกันแจ้งเหตุเตือนภัยเป็นการเฉพาะ และที่สำคัญก็คืองานทุกอย่างต้องมีการประเมินเมื่อแก้ไขอะไรไปแล้ว หรือทำอะไรไปแล้ว เพราะจากงานวิจัยหลายๆ แหล่งระบุตรงกันว่างานใดที่มีการประเมินจะทำให้งานนั้นดีขึ้นอย่างเห็นเด่นชัด ทำอย่างไรถึงจะให้มีการประเมินทุกระดับเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น