กล่าวกันว่าน้ำที่เรามีใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นน้ำที่มีอยู่แล้วตั้งแต่ กำเนิดโลกขึ้นมา น้ำเมื่อหลายล้านปีที่แล้วหรือตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายก็ยังคงหมุนเวียนมาใช้ในปัจจุบันอยู่ ถือว่าเป็นน้ำเก่า แต่อาจคิดว่าเป็นน้ำใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อนในอตีตก็เป็นไปได้ ซึ่งเป็นผลจากการกระทำของมนุษย์เราที่ ทำให้เราได้น้ำส่วนนี้มาโดยไม่ตั้งใจ
น้ำที่ปกคลุมอยู่ที่พื้นโลกประมาณสามในสี่ แต่ประมาณ 97 % เป็นน้ำเค็ม ส่วนน้ำจืดมีอยู่เพียง 3 % ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นน้ำแข็งอยู่ที่ขั้วโลก ที่เหลือเป็นน้ำกินน้ำใช้ของมนุษย์ เพียงไม่ถึง 1 % ในจำนวนนี้ก็ทำให้เกิดน้ำท่วมในบางที่ บางที่ก็ฝนแทบไม่ตก การหมุนเวียนของน้ำระเหยจากที่หนึ่ง แล้วไปตกเป็นฝนในอีกที่หนึ่ง ระยะหลังไม่กี่ปีมานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยฝนตกน้ำท่วมบ่อยก็มีสาเหตุมาจากฝนตกมาก จนอาจคิดได้ว่าอาจจะเกิดมาจากน้ำใหม่ที่ไม่เคยหมุนเวียนมาก่อน อันเกิดจากภาวะโลกร้อน แม้อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศาเซลเซียสน้ำแข็งที่ขั้วโลกก็จะละลายมหาศาลแล้วน้ำเหล่านี้ก็ระเหยกลายเป็นไอไปตกเป็นฝนในที่ต่างๆ เป็นน้ำใหม่ที่เกิดจากน้ำเก่าเก็บ เป็นไปได้ว่าความสมดุลย่ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สมดุลใหม่
บริเวณใดที่ฝนไม่เคยตกหรือตกน้อยฝนก็จะตกมากขึ้น บางที่น้ำไม่เคยท่วมก็อาจจะทำให้ท่วมมากขึ้น เช่นเดียวกับซึนามิที่ไม่เคยเกิดก็อาจเกิดขึ้นได้ . . . .
การใช้น้ำของคนกว่าจะออกมาเป็นน้ำก็อกได้ก็ต้องมีการสำรวจหาแหล่งน้ำที่มากพอที่จะรองรับการใช้ของคนที่อยู่อาศัย ต้องมีเครื่องจักรเช่นปั๊มสูบน้ำ วางท่อไปตามที่ใช้น้ำซึ่ง และต้องมีการบำบัดให้น้ำสะอาดเช่นการเติมคลอรีน เพื่อฆ่าเชื้อ ก่อนนำไปใช้ ในการซักล้างทำความสะอาด ทำสวน และเพื่อการดื่ม และการปรุงอาหาร ทำเป็นน้ำให้ความเย็นชุ่มฉ่ำ และสวยงามด้วยน้ำพุ . . . .
ด้วยน้ำใหม่ที่เกิดจากน้ำเก่าเก็บอาจก่อปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากได้ จึงน่าจะต้องเปลียนแปลงผังเมืองเพิ่มพื้นที่ป่าให้มากขึ้นเพื่อลดความรุนแรงของน้ำถ่วม และทำให้ท่วมน้อยลง เพื่อรองรับสมดุลใหม่ของโลก . . . .
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น