ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือเครื่องพีซีรุ่นแรกผลิตออกมานั้น ใช้วงจรหน่วยประมวลผลกลางที่เรียกว่าไมโครโปรเซสเซอร์ (central processing unit :CPU)อยู่ในรูปของไอซีหรือวงจรรวม อันเป็นหัวใจหรือที่เป็นมันสมองของคอมพิวเตอร์ โดยใช้ซีพียูของบริษัทอินเทลเบอร์ 8080 ซึ่งใช้สัญญาณนานิกาควบคุมเพียง 6-12 MHz แต่ซีพียูใช้ในปัจจุบันใช้สัญญาฬิกาควบคุมการทำงานอยู่ระหว่าง 3-4 GHz ใกล้ 4 GHz เข้าไปทุกที หรือเกือบ 4 พันล้านไซเคิลต่อวินาทีนั่นเอง ซึ่งก็กำลังถึงทางตันเพราะทำให้เกิดความร้อนสูง และดังที่ได้เปลี่ยนวิธีการโดยใช้ซีพียูมาต่อขนานกันในไอซีเพียงตัวเดียว
ส่วนวงจรที่ใช้ในการแสดงผลของจอภาพคอมพิวเตอร์ นั้นก็พัฒนาจาก VGA supperVGA AGP และเป็น PCI-X (PCI express) สามารถ รองรับความเร็วถึง 8 Gb/s ทำให้การประมวลผลกราฟิกส์ได้เร็ว รองรับการสร้างภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ได้อย่างไม่ติดขัด
หน่วยความจำคอมพิวเตอร์ก็ไม่น้อยหน้า จาก DRAM SDRAM ไปเป็นDDR DDR2 ที่ความเร็ว 6.4 Gb/s ขณะที่อุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองอย่างฮาร์ดดิสค์ที่เทคโนโลยี SATA ด้วยความเร็ว 1.5 Gb/s (150MB/s) ขณะนี้กำลังพัฒนาไปสู่ SATA2 ที่ให้ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล 300 MB/s ซึ่งควบคู่กับการปรับปรุงความเร็วบัส
อย่างไรก็ตามก็ยังเป็นขอขวดที่ฮาร์ดดิสค์ยังพัฒนาไม่เร็วทันอุปกรณ์อื่นก็มีเทคโนโลยี RAID มาปรับปรุง ความเร็วและความปลอดภัยของข้อมูล เช่น RAID0 ได้ความเร็วดีขึ้น RAID1 ก็ได้ความปลอดภัยของข้อมูล ส่วน RAID 0+1 ก็นำคุณสมบัติของ RAID0 และ RAID1 มารวมกัน ต่อไป RAID3 นั้นนำคุณสมบัติที่กล่าวมาแล้วเพิ่มการแก้ไขการผิดพลาดของข้อมูล และ RAID5 เช่นการนำข้อดีที่ผ่านมาเพิ่มการทำ hot swap เข้าไปคือต้องใช้ฮาร์ดดิสค์อย่างน้อย 3 ตัวตัวหนึ่งตัวใดเสียก็ยังทำงานได้ ดึงออกเสียตัวหนึ่งก็ยังทำงานได้เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น