เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อมีเทศกาลสำคัญเช่นในวันปีใหม่ วันสงกรานแล้ว จะมีการเดินทางกลับภูมิลำเนา และทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก บางคนถึงกับเปรียบเปรยว่าทหารอเมริกันที่ไปรบในอิรักตายน้อยกว่าอุบัติเหตุจากจราจรทางบกในแต่ละปีของไทยเสียอีก เมื่อไม่กี่ปีมานี้มีสถิติที่เชื่อได้ว่าประเทศไทยเสียชีวิตจากการจราจรทางบกเป็นอันดับ 5 ของโลก จากข้อมูลนี้อยากจะให้ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนได้พึงตระหนักและระมัดระวังว่าเราสามารถจะหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ ถ้าเราใช้รถใช้ถนนอย่างมีสติไม่ประมาท และใช้มาตรการป้องกันไว้ก่อน
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติม เปรียบเทียบให้เห็นบางประเทศ โดยคิดจำนวนคนที่เสียชีวิตต่อจำนวนประชากรแสนคน ดังต่อไปนี้
ประเทศไทยเสียชีวิตโดยประมาณ 20 คนต่อแสนคน
ประเทศอินโดนีเซียเสียชีวิต 15 คนต่อแสนคน
ประเทศอินเดียและศรีลังกา 10 คนต่อแสนคน
ประเทศเยอรมัน 5 คนต่อแสนคน
จากข้อมูลที่ยกมาจะเห็นว่าคนไทยตายมากกว่าประเทศอื่นที่ยกมาก็แสดงให้เห็นถึงว่าบนท้องถนนเมืองไทย มีความปลอดภัยน้อยกว่าประเทศที่มีตัวเลขการตายน้อยกว่า ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้เสียชีวิตเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่มีอุบัติเหตุน้อยกว่า นั้นเนื่องมาจากการไม่เคารพกฏจราจร และขาดวินัย รวมทั้งการดื่มเครื่องดื่มที่มีอัลกอฮอล
สำหรับบางประเทศ เช่นประเทศญี่ปุ่นใครดื่มเหล้าเพียงเล็กน้อยจะไม่ยอมขับรถเลย และทุกคนก็เคารพกติกากันดี ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ว่า การดื่มเบียเพียงขวดเดียวทำให้เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 3- 5 เท่า เนื่องจากสมองสั่งงานช้าลง
มาตรการอื่นๆ ที่ต่างประเทศนำมาใช้ ส่วนใหญ่เหมือนกับที่ประเทศไทยมีตามกฏจราจร แต่ทุกคนเคารพมากกว่า ไม่ฝ่าฝืนกฏจราจร ไม่การดื่มเหล้าขณะขับรถ การขับรถฝ่าไฟแดงถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เป็นความผิดร้ายแรง มาตรการที่แตกต่างในบางประเทศเช่นที่เยอรมันจะมีเอกสารแสดงให้เห็นว่าขับรถไม่เกินวันละ 10 ชม. สำหรับรถโดยสารประจำทางหรือแบบรถทัวบ้านเรา นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานความปลอดภัยอื่นๆ เช่นความเข้มงวดในการตรวจสภาพรถ การเก็บภาษีรถสูงขึ้นในกรณีรถเก่าหรือใช้นานกว่า 5 ปี เป็นต้น ทางแก้สำหรับเมืองไทยนั้นคงต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายอย่างจริงจังทั้งนโยบายฝ่ายการเมือง การศึกษาทุกระดับ ทั้งในระบบนอกระบบ ที่จะต้องชี้เห็นถึงความสูญเสียอย่างมหาศาลอย่างไร การมีวินัย และเคารพกฏกติกาอย่างไร ใช้มาตรการทางกฏหมายอย่างจริงจัง ในทุกกระบวนการเป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น