หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ความเป็นจริงสุดท้าย

เราใช้คำว่าเป็นจริงในความหมายทางโลกโดยทั่วไป เช่นเราเคยชมรายการทีวี reality show เรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่เสมอ ตามที่เห็นเป็นการแสดงให้เห็นถึงรายละเอียดในการปฏิบัติในการใช้ชีวิตจริงๆ (real life) ว่าเป็นอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ที่เรามักได้ยินจากผู้มีชื่อเสียง ผู้บริหารต่างๆ โดยนัยด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของความสัจจริง (integrity) ซึ่งจะได้มาด้วยบารมีหรือความดีสะสมที่ปรากฏและไม่ปรากฏก็รวมอยู่ในคำนี้ แต่ก็เป็นเพียงแต่ความเป็นจริงทางโลก ยังไม่อาจกล่าวได้ว่าความเป็นจริงสุดท้าย (ultimate reality)


ความพยายามของมนุษย์ต้องการจะหาความสมบูรณ์เพียมพร้อมที่สุด จุดคงที่ในจักรวาลอันเป็นจุดสุดท้าย จุดศูนย์รวมของทุกสิ่งทุกอย่าง ดังที่ไอน์สไตย์ได้เพียรพยายามเสาะแสวงหาในช่วง 30 ปีสุดท้ายของชีวิต แต่ก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ โดยทั่วไปนักวิทยาศาสตร์จะสนใจคำถามว่าทำไม และอย่างไรมากกว่าอะไร เพราะต้องการทราบเหตุผล นักวิทยาศาสตร์จึงศึกษาค้นคว้าและตอบคำถามทำไมอยู่ตลอดเวลา เมื่อตอบคำถามหนึ่งได้แล้ว ก็จะมีคำถามทำไมต่อไปเรื่อยๆ เหมือนกับถามว่าทำไมโลกถึงเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ นักวิทยาศาสตร์ก็ตอบว่าเพราะมีแรงดึงดูดระหว่างมวลดวงอาทิตย์และโลก บางคนอาจถามต่อไปอีกว่า ทำไมไม่เคลื่อนที่ชนกันและกันถ้าดึงดูดกันเช่นนั้น นักวิทยาศาสตร์ก็ได้คำตอบว่าเพราะการมีแรงดึงดูดกันทำให้เป็นเหตุให้เคลื่อนที่เป็นวงรอบ และเงื่อนไขเบื้องต้นนั้นอยู่ในลักษณะที่จะทำให้มวลเคลื่อนที่รอบมวลที่หนักกว่า (นำนองเดียวกับเอาเชือกผูกวัตถุแล้วแก่วงเป็นวงกลม) และว่าต่อไปถึงการกำเนิดดาวเคราะห์และดวงอาทิตย์ ถ้าตอบต่อไปเรื่อยๆ ก็จะพบคำถามทำไมจึงมีมวล คำตอบสุดท้ายก็คงตอบว่าเดิมมีมวลสารอยู่แล้วมารวมกันเป็นมวลมูลฐานอัดแน่นแล้วก่อให้เกิดการระเบิดใหญ่ที่เรียกว่าทฤษฎีบิกแบง ถามว่าแล้วมวลตั้งต้นมูลฐานมาจากไหน เกิดได้อย่างไร มาจากไหน ก็ไม่มีใครตอบได้ ก็ยกให้เป็นว่าธรรมชาติสร้าง หรือแล้วแต่เหตุปัจจัยแต่ไม่รู้ว่าอะไร หรือยกให้พระเจ้าเสียเลย

จะเห็นว่าเมื่อถามต่อไปเรื่อยๆ จะมีจุดหนึ่งที่ตอบไม่ได้เสมอเมื่อเห็นว่าทางวัตถุมืดมนที่จะเข้าถึงความเป็นจริงสุดท้าย เลยทำให้คิดได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าเราจะปรุงแต่ขึ้นอย่างไรในทางวัตถุ ถ้าเชื่อตามทฤษฎีสมัยใหม่ก็ถ้าเราไม่ไปรับรู้เราก็จะไม่เห็นการคงอยู่ของมัน ทุกอย่างเป็นมายาเป็นอนิจจัง ทุกอย่างจิตใจเป็นผู้ควบคุมดังนั้น การเข้าถึงความจริงสุดท้ายได้ก็อยู่ในภาวะคงที่ นิ่งสงบ ด้วยการฝึกจิตและใจให้สอดคล้องสัมพันธ์กับสภาพความเป็นจริง ฝึกจิตโดยควบคุมความคิด ความจำ และความรู้สึกได้แล้วก็จะก้าวเข้าสู่ความจริงสุดท้ายที่เป็นความว่าง (สุญญตา)จะเป็นเป้าหมายสูงสุดของมนุษย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น