ธรรมชาติหลายอย่างเป็นครูสอนเราได้ทุกเรื่อง ถ้าเราสามารถหาเหตุผลได้ว่าทำไมเป็นเช่นนั้น หรือการที่เป็นเช่นนั้นก็ต้องมีเหตุผลของมันอยู่ ไม่ว่าสายน้ำ สายลม แสงแดด ทุกอย่างเป็นพลวัตไม่ได้มีอะไรหยุดนิ่ง ที่เราเห็นว่ามันนิ่งแท้ที่จริงมันกำลังเคลื่อนไหว เพราะธรรมชาติของทุกสิ่งคือการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ไม่มีใครที่จะฝืนความเคลื่อนไหว เพราะถ้าไปฟืนมันอะไรที่ไปฝืนมันจะคงอยู่ไม่ได้ อาจจะก่อให้เกิดวิกฤติ เกิดภาวะฉุกเฉินขึ้นมาก็ได้ อะไรที่มีความเคลื่อนไหวแน่นอนว่าย่อมมีการเปลี่ยนแปลงและน่าที่จะเป็นไปในการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะให้เกิดความสมดุลย์ขึ้นในความเคลื่อนไหว เพราะโลกเรากำลังเคลื่อนไหวอยู่อย่างซับซ้อนตลอดเวลาที่เรา ทราบเพียงเคลื่อนที่รอบตัวเองเกิดกลางวันกลางคืน เคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์เกิดฤดูกาล และทั้งโลกและดวงอาทิตย์อยู่ที่แขนหนึ่งของดาราจักรทางช้างเผือกก็กำบังเคลื่อนที่รอบใจกลางดาราจักร และดาราจักรของเราก็กำลังเคลื่อนที่รอบอะไรสักอย่าง ซึ่งเราก็ยังไม่ทราบว่าจะมีผลทำให้เกิดอะไรขึ้นกับโลกบ้างที่แน่ชัด เรารู้แต่เพียงว่าวันดีคืนดีก็เกิดพายุ ที่มนุษย์ก็ยังควบคุมไม่ให้เกิดขึ้นก็ไม่ได้
สิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางความเคลื่อนไหวนั้นเรายังพบว่ามีทั้งสิ่งที่เป็นระเบียบ และไร้ระเบียบที่จะคงอยู่คู่กันเสมอ ดังที่ภูมิปัญญาโบราณเป็นลักษณะของยินและหยาง เปรียบเป็นด้านมืดและด้านส่วาง เปรีบบความมีระเบียบกับไร้ระเบียบที่ทำปฏิกริริยากัน ต่างก็เป็นผู้สร้างและผู้ทำลาย ในความไร้ระเบียบก็มีระเบียบ เปรียบเหมือนกับองค์กรใดที่มีความไร้ระเบียบมากขึ้นถึงจุดหนึ่งจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่สร้างระเบียบใหม่ขึ้นมาให้อยู่ได้ ในธรรมชาติที่เรามองว่าไม่มีระเบียบแต่เมื่อมองลึกลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วก็มีความเป็นระเบียบที่ประกอบด้วยจอะตอมทั้งนั้น แต่มองลึกลงไปในอะตอมอีกมีการเคลื่อนไหวของอิเลคตรอนอันหาระเบียบไม่ได้อีก และแม้แต่ในนิวเคลียสก็ประกอบด้วยอนุภาคที่หาระเบียบที่แท้ได้ยาก แต่เมื่อเรามีความสามาารถมากขึ้นก็จะทราบว่ามีความมีระเบียบ จึงสรุปได้ว่าธรรมชาติประกอบด้วยความไร้ระเบียบและความมีระเบียบอยู่ด้วยกันอย่างบสมดุลย์ จึงเป็น ธรรมชาติที่เป็นบทเรียนให้เราได้ เป็นกระบวนการที่เป็นรากฐานในการซ่อมสร้าง ซ่อมแซมตัวเองบของสิ่งมีชีวิต เพื่ีอให้เกิดการเติบโตและการเปลี่ยนแปลง
ร่างกายมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ก็จะมีกลไกของธรรมชาติที่จะเยียวยาตัวเอง ยามที่มีสิ่งแปลกปลอมเชื้อโรคเข้าไป ที่ร่างกายต้องต่อสู้กับมันเสียก่อนจนสุดกำลัง เราเคยได้ยินเรื่องการบำบัดของร่างกาย ตั้งแต่การไม่กินอาหารเพื่อหยุดการทำงานของระบบต่างๆ เพื่อหันไปต่อสู่กับเชื้อโรคเพียงอย่างเดียว การเป็นไข้นั้นเป็นกลไกของร่างกายที่จะต่อสู้กับเชื้อโรค การไอจามก็เป็นการขับสิ่งแปลกปลอม ในกลุ่มธรรมชาติบำบัด การรีบกินยาให้หยุดไข้ ให้หยุดไอนั้นอาจทำให้เชื้อโรคยังคงอยู่ไม่ถูกขับออกไปตามวิธีการธรรมชาติ ที่อาจหายช้ากว่าหรือต้องกินยาต่อไป กลไกตามธรรมชาติไม่ได้ช่วยในแง่นี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น