ปกติแล้วใครที่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าย่อมชนะการแข่งขันทั้งหลายได้ ดังนั้นเทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งที่ปกปิดซื้อขายกันในทางการค้า ใครมีเทคโนโลยีดีกว่าย่อมได้เปรียบ เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าช่วยให้ทำอะไรบางอย่างได้ดีกว่า หรือทำในสิ่งแปลกอัศจรรย์ ที่ผู้อื่นทำได้ยาก ไม่ต่างอะไรกับการเล่นมายากล
และเป็นการยืนยันที่ชัดเจนจากงานเขียนขงอ Arthur C. Clarke โดยเขาได้ตั้งเป็นกฏในข้อที่ 3 (Arthur C. Clarke’s third law) กล่าวว่า “เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าพอ จะไม่สามารถแยกได้ระหว่างสิ่งอัศจรรย์กับ ความเป็นจริง Arthur C. Clarke ได้สร้างสรรค์ผลงานอันเป็นสิ่งอัศจรรย์ในจินตนาการ ตัวอย่างเข่นในนวนิยาย 2001 Odesy เข้าได้จินตนาการว่าจะมีด้าวเทียมโคจรรอบโลกเพื่อปฏิบัติภารกิจต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในขณะนั้น แต่เป็นเทคโนโลยีที่เป็นจริงในปัจจุบัน
มีงานเขียนที่ใช้จินตนาการอันสูงยิ่ง และสิ่งที่พวกเขาจินตนาการนั้นมีส่วนทำให้มีทางที่จะเป็นจริงได้ เช่นเดียวกับงานเขียนของ Arthur C. Clarke ดังกล่าวแล้วยังมีงานเขียนในลักษณะเดียวกัน ได้แก่
งานเขียนของ Michael Christon ในเรื่อง Jurasic Park ซึ่งจิตนาการนำยีนเลือดไดโนเสาร์ในตัวยุงที่กัดไดโนเสาร์ที่รักษาสภาพไว้ได้ในอัมพัน มาทำการโคลนนิง (cloning)แพร่พันธ์ไดโนเสาร์ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ต่อมาการทำโคลนนิ่งสามารถกระทำได้จริงในสัตว์ถือเป็นเรื่องปกติ สำหรับในการทำโคลนนิงในคนนั้นยังไม่มีกฏหมายรองรับให้ทำ ยังถกเถียงกันในเรื่องผลกระทบที่ตามมาและในด้านศีลธรรม อย่างไรก็ตามได้มีการนำเทคนิคมาใช้ ในการปลูกถ่ายอวัยวะของมนุษย์แล้ว เพื่อใช้ในการปลี่ยนอวัยวะที่เสียหาย
เมื่อพิจารณางานเขียนของ J.K. Rawling ในนวนิยายเรื่องHarry Potter จากแนวการเขียนเป็นเหมือนนิทานที่เป็นจินตนาการ แต่ไม่ใช่ว่าเป็นมโนทัศน์ที่ไม่มีเหตุผลของโลกเรา แต่จะมีอยู่จริงต่อจากนี้ไปอีกไปกี่สิบปี โดยเฉพาะสิ่งอัศจรรย์ของ Potter จะตระหนักรู้ได้ผ่านทางเทคโนโลยี แต่สามารถทำสิ่งอัศจรรย์ได้หลายอย่างเช่นรถเหาะ การแปลงร่างคนและวัตถุไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นสิ่งที่เป็นไปได้แล้วในสิ่งแวดล้อมแบบความจริงเสมือน (virtual reality) แบบเต็มรูป เช่นเดียวกับความจริงที่เป็นสภาพจริง (real reality) โดยอาศัยอุปกรณ์ในระดับนาโน เมื่อถึงเวลานั้นสิ่งที่เคยเป็นสิ่งลึกลับ อัศจรรย์สามารถทำได้จริงและก็จะไม่เป็นสิ่งอัศจรรย์อีกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น