งานบุญดือนสิบที่ไม่ใช่เดือนสิบ

งานเดือนสิบปีนี้เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน ตามปฏิทินสากลยังอยู่ในเดือน 9 แต่ตามปฏิทินจันทรคติ นั้นอยู่ในเดือนสิบแล้ว นับมาตั้งแต่แรม 1 คำที่พระจันทร์ยังเต็มดวงมาตั้งแต่วันเสาร์ที่ 5 เดือนกันยายน ก็เข้าเดือนที่ 10 แล้วในทางจันทรคติ และเป็นที่มาของงานเดือนสิบที่นับเอาวันเดือนทางจันทรคติ แทนที่จะยึดตามวันเดือนในปฏิทินสากล และชาวนครมีความเชื่อว่าเป็นวันเปิดนรกสวรรคที่ให้ญาติผู้ล่วงลับไปแล้วได้รับอนุญาตให้กลับมาบนโลกอีกครั้ง และจะกลับไปนรกสวรรค์อีกในวันแรม 15 ค่ำ

จึงเป็นที่มาของวันรับ ปู่ย่าตายาย ก็มีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลกันไปบ้างแล้วในวันแรม 1 ค่ำ บางคนเรียกว่าทำบุญเล็ก และเมื่อใกล้ถึงวันแรม15 คำก็จะมีการทำบุญใหญ่ ที่มีการออกไปจับจ่ายซื้อของกันเรียกว่าวันจ่ายวันแรม 13 ค่ำ แล้วมาทำบุญใหญ่ส่ง ปู่ย่า ตายายในวันแรม 14 ค่ำ ซึ่งจะมีการยกแห่หรัมบ ที่ประกอบด้วยขนมพองลา และขนมดีซัม นำไปวางเพื่อให้ญาติมารับไป กลายเป็นประเพณีชิงเปรต มองในแง่ดีก็คือญาตที่ไปชิงเอาอาหารที่มาวางไว้ให้ได้ ก็เพื่อญาตที่ล่วงลับไปแล้ว ส่วนในวันแรม 15 คำก็จะเป็นวันที่เฉลิมฉลองกัน อย่างไรก็ตามแต่ละท้องที่ก็อาจควบรวม วันแห่หรัมบยกหรัมบกับวันฉลองเป็นวันเดียวกันกับที่เป็นวันส่งปู่ยาตายาย

การทำบุญมีตั้งแต่การนำอาหารไปถวายพระ และทำบุญตามอัตภาพ มีการเอากระดูกญาตที่เสียชีวิตใส่โกฐเล็กมาประกอบพิธี พระก็จะสวดบังสกุล เป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่ง แต่ผลพลอยได้อีกอย่างหนึ่งจากงานเดือนสิบ ก็คือเป็นวันที่ญาติของผู้ล่วงลับไปแล้วกลับมาเพื่อทำบุญ หลายบ้านนับกันเป็นวันรวมญาติที่มาพร้อมหน้าพร้อมตากันมากที่สุดวันหนึ่ง และเป็นวันที่ชวนเพื่อนๆ มาเที่ยวด้วย งานเดือนสิบจึงมีอะไรหลายอย่างที่ดึงดูดใจให้คนมาเที่ยวเมืองนคร ก็เปิดงานกันไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 13 ตั้งแต่แรม 9 ค่ำ ในงานมีการละเล่น ออกร้าน สวนสนุก เวทีต่างๆ ทั้งดนตรี และที่มีเป็นประจำก็ได้แก่การประกวดนางงามนคร ประกวดกลอน ปีโนรา หนังตะลุง แต่สงสัยจะสู้นักร้องดังที่มาอยู่หลายคนไม่ได้ มีทั้ง พริตตี้ โคโยตี้ มีสินค้าให้จับจ่ายกันมากมาย ดูๆแล้วจะหนักไปทางเฉลิมฉลองเสียมากกว่า ก็ลองไปดูไปชมตามอัธยาศัยนะครับ