ขณะที่เขียนอยู่นี้ยังนึกตั้งชื่อเรื่องที่จะเขียนไม่ได้ แต่เข้าใจว่าเมื่อเขียนเสร็จคงจะคิดชื่อเรื่องได้พอดี เรื่องที่จะเขียนวันนี้ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระ เรื่องแรกเป็นเรื่องที่เกิดกับตัวผู้เขียนเอง เรื่องที่สองเรื่องเกิดขึ้นกับญาติ เรื่องที่สามเป็นเรื่องที่เกิดกับมิตร และทุกเรื่องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย
เรื่องแรกนั้นตอนที่ผมมาทำงานใหม่ๆ เป็นหวัดอยู่นานไออยู่หลายวันและวันหนึ่งจามแรงๆ ก็มีเลือดไหลออกมาเป็นถ้วย ก็รีบไปหาหมอที่อนามัยหมอก็ฉีดยาห้ามเลือดให้ด้วยวิตามินเค เป็นการฉีดยาเข็มที่เจ็บปวดที่สุดเท่าที่เคยฉีดยามา แล้วก็ส่งตัวไปที่สาธารณสุขจังหวัดแผนกโรคปอดวรรณโรคนั่นเอง ก็ได้ยามาพร้อมคำแนะนำต้องกินทุกวัน วันละ 3 เวลาเป็นเวลาปีครึ่ง แต่หลังจากกินยาได้ 1 สัปดาห์มีอาการแพ้ยาค่อนข้างรุนแรง กินอะไรก็ไม่ค่อยได้ จากน้ำหนักเกือบ 60 กก. ลดลงเหลือ 50 กก. ผมก็ไปหาหมออีกเขาก็บอกว่าใหม่ๆ ก็เป็นเช่นนั้นเอง ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าเชื่อหมออีกทีคงจะไม่รอดแน่เพราะดูยิ่งหนักข้อขึ้นทุกที ก็เลยต้องเปลี่ยนสถานที่รักษาไปโรงพยาบาลเอกชน ได้เปลี่ยนยา และไม่มีอาการแพ้ และหายจากโรคมาจนทุกวันนี้
ในกรณีที่สองญาติไปพบแพทย์ที่อายุค่อนข้างมากรักษาอาการแพ้ที่เกี่ยวข้องกับต่อมไทรอยหมอก็ให้ยามาอีกเช่นกัน แต่ก่อนที่จะให้คนไข้พยาบาลแล้วเกิดเอะใจว่าไม่น่าจะถูกต้องเพราะยาแรงเกินไปตามความรู้สมัยใหม่ ว่าแล้วก็เปิดตำราดูกันเลยก็เป็นจริงตามนั้นและเมื่อคนไข้ทานยาตามหมอว่าก็เกิดอาการแพ้จริง ว่าแล้วก็ต้องเปลี่ยนหมอเปลี่ยนสถานรักษาพยาบาลอีกเช่นกันจึงจะหายจากอาการของโรค
ในกรณีที่สามจากมิตรสหายที่ลูกป่วยปวดท้องมากก็ไปหาหมอหมอก็วินิจฉัยว่าคงจะเป็นโรคกระเพาะก็ให้ยาโรคกระเพาะมารับประทาน วันที่สองก็แล้วแต่เนื่องจากว่าผู้เป็นแม่มีความรักความห่วงใยก็ต้องไปหาหมอทุกวัน จนวันหนึ่งได้เอ็กซเรย์นั้นแหละจึงรู้ว่าไส้ติ่งแตกแล้ว ทำให้ต้องผ่าตัดใหญ่เพื่อล้างท้องวันนี้ก็ยังคงไปล้างแผลผ่าตัดและกำลังหายเป็นปกติ
ไม่รู้ว่าจะเป็นอุทาหรณ์อย่างไรดีจากสามเหตุการณ์ต่างกรรมต่างวาระ ต่างก็มีเหตุอันพอดีที่ไม่ได้เกิดรุนแรงมากไปกว่านี้ ที่น่าจะพอสรุปได้ก็คืออย่าประมาทและหาทางเลือกที่คิดว่าดีกว่าและสบายใจกว่าน่าจะดีกว่า และคิดเสียว่าความผิดพลาดเกิดได้ทุกเมื่ออย่าได้ประมาทอย่าได้วางใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น