ประวัติศาสตร์เป็นบทเรียนที่ดีว่า สังคมอ่อนแอและอาจถูกทำลายไปในที่สุด ถึงขั้นสลายความเป็นชาติก็มีให้เห็น แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นไปตามกฏของธรรมชาติที่ทุกอย่างย่อมมีการเปลียนแปลง ไม่มีใครยืนยงค้ำฟ้าอยู่ได้ ตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีอาณาจักรต่างๆ ที่เคยเจริญรุ่งเรืองและล่มสลายไป ด้วยสาเหตุต่างๆ ชุมชนรัฐชาติที่ไม่ปรับตัวก็ไม่สามารถคงอยู่ต่อไปได้ ก็กลายสภาพไปเป็นรัฐชาติอื่นหรือกลายเป็นชนกลุ่มน้อย ที่อาจจะดำรงอยู่ต่อไปหรือเสี่ยงต่อการถูกทำลายล้างให้สูญหายไป หรือเป็นเพียงแค่ วัตถุหายากที่คนอาจมาดูเป็นของแปลก
อาณาจักรกรีกเคยรุ่งเรื่อง แต่ก็ต้องมาล่มสลายไปด้วยหลายสาเหตุ สาเหตุหนึ่งที่พอมีหลักฐานก็คือ ประชาชน คนทำงานมีความอ่อนแออันเนื่องจากใช้ภาชนะที่ทำด้วยสารพิษที่ละลายปนเปื้อนมากับอาหารและเครื่องดื่ม ต่อเนื่องไปถึงสมัยโรมัน ก็เช่นเดียวกันภาชนะต่างๆ ก็ทำมาจากตะกั่วด้วยความเชื่อว่าเป็นของสูง คนระดับสูงใช้กันมาก ยังความอ่อนแอให้กับสังคมโดยรวม หญิงสาวเป็นหมันได้ง่าย หรือลูกที่คลอดออกมาก็อ่อนแอ ในช่วงระยะเวลาสองร้อยปี ก็ได้ทำลายล้างชนชั้นมันสมอง และกำลังสำคัญไปเกือบหมด จากภาชนะที่ใส่อาหารใส่ไวน์สำหรับดื่มซึ่งตะกั่วสามารถละลายเข้าไปทำลายร่างกายมนุษย์ให้อ่อนแอ และยิ่งเสริมแรงด้วยการเป็นส่วนผสมของยา ไม่ว่าจะเป็นโรคท้องร่วง และอื่นๆ ก็ยิ่งซ้ำเติมให้อ่อนแอหนักยิ่งขึ้นนำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักรทั้งสิ้น ก็เพราะความไม่รู้
ปัจจุบันสังคมโลกเจริญขึ้นโดยอาศัยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ซึ่งไม่เพียงแต่จะมีประโยชน์มหาศาล แต่ก็มีโทษมหันต์เมื่อนำไปใช้ในทางที่ผิดด้วย จะว่าด้วยความไม่รู้ส่วนหนึ่ง และด้วยความละโมบ และเพื่อความอยู่รอดส่วนหนึ่งที่นำไปสู่การทำลายล้างสิ่งแวดล้อมและปล่อยสารพิษออกมาทำร้ายสังคมให้อ่อนแอขึ้นทุกวัน จนกล่าวได้ว่าทำให้สังคมมนุษย์เริ่มที่จะอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้บความผันผวนของสภาวะแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะโลกร้อนอันเป็นผลจากกิจกรรมของมนุษย์ ที่ยังไม่สามารถหาทองออกว่าจะช่วยรักษาโลกไปนี้กันอย่างไร ซึ่งแต่นอนว่าอาจนำไปสู่การค่อยๆ ล่มสลายของอาณาจักรต่างๆ อันได้แก่ ประเทศยักษ์ใหญ่และในเครื่อทั้งหลายที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น