หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

วันแห่งความรักสากล

ในวันแห่งความรักไม่ใช่เป็นวันแห่งความรักเฉพาะแต่ของหนุ่มสาว หรือของคู่รักคู่สมรส แต่เป็นความรักต่อกันในทุกประเภท ตั้งแต่ความรักระหว่างพ่อ แม่ลูก พี่น้อง ระหว่างเพื่อน และยังรวมไปถึงความรักระหว่างมวลมนุษย์ชาติด้วยกัน จึงจะเรียกว่าเป็นวันความรักสากล แต่ในวันวาเลนไทด์ที่เราเรียกกันว่าวันแห่งความรักนั้น ส่วนใหญ่มักจะเน้นกันที่ความรักระหว่างคู่รักในทางชู้สาวกันเสียมากกว่า เลยทำให้เสียมิติในด้านความรักสากลไป
การให้นิยามความรักมีการให้นิยามกันมากมาย ส่วนใหญ่ก็สรุปได้ว่าบางครั้งความรักก็ไม่มีเหตุผลอะไร ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบใดบางทีเมื่อพบเจอกันครั้งแรกก็ถูกชตากันเสียแล้ว และบางทีก็ไม่ถูกชตากันเลยในประการหลังนั้นไม่มีใครเรียกว่ารักแต่เรียกว่าเกลียดกันตั้งแต่แรกเห็น ซึงเห็นได้ชัดกันระหว่างรักกับเกลียดหรือในเชิงเปรียบเทียบก็คือคิดในเชิงบวก กับคิดในเชิงลบ เช่นกันถ้าโลกนี้มีแต่คนคิดแต่เชิงลบ โลกนี้ก็คงวุ่นวายหาความสงบสุขไม่ได้ ในทางที่กลับกันถ้าคนคิดบวกมีความรักต่อกันโลกนี้ก็มีแต่ความสงบสุข และถ้ามองลงมาในระดับที่เล็กลงเป็นประเทศ เป็นจังหวัด อำเภอ ตำบล และเป็นบ้าน ก็คิดไปในทางเดียวกัน ดังนั้นเราจึงเห็นว่าแต่ละบ้านมีความสุข มีความสงบสุขไม่เหมือนกัน ก็อาจกล่าวได้ว่ามีความรักมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละบ้าน
ความรักยังมีหลายระดับ มีรักมาก รักน้อย และยังมีประเภทไม่รักไม่เกลียดแต่อาจจะพัฒนาเป็นรักและเกลียดภายหลังก็ได้ เนื่องในวันแห่งความรักน่าจะเป็นวันหนึ่งที่เราจะมาพัฒนาความรัก ยกระดับความรักให้สูงขึ้น จากความรักของปุถุชนคนทั่วไป เรารักใครชอบใครแล้วก็อยากให้เขารักชอบตอบ แต่เมื่อไม่เป็นไปตามที่คิดก็เสียใจ และจะเป็นเอามากในความรักแบบชู้สาว บางคนนอกจากไม่รักตอบแล้วยังเกลียดชัง แกล้งสารพัด ที่อาจเปลียนจากรักเป็นแค้นภายหลังก็ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกลียดกันหันมารักกันมากขึ้นก็อยากจะยกในเรื่องทัศนะความรักที่กล่าวถึงในบล็อกเมื่อต้นเดือนนี้ โดยนักเขียนนิรนามที่ว่า

Love is not only to give but to share.

Love is not only to forgive but to care.

ตามความหมายแล้วเป็นความรักที่ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนและแสดงความรักด้วยการมีส่วนร่วมแบ่งปัน และในประโยคหลังที่ไม่เพียงแต่ให้อภัยแล้วยังเอาใจใสสนใจความรู้สึกกันอีก จึงคิดได้ว่าเป็นความรักที่เสียสละและบริสุทธิ์ ซึ่งน่าจะยึดถึอเป็นปรัชญาได้ จะเข้าถึงได้มากน้อยเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับความพยายามในการปฏิบัติก็แล้วกัน ถ้าเทียบเคียงได้กับเมตตากรุณาธรรมที่น่าจะเป็นความรักในเชิงอุดมคติเช่นกันที่ อยากให้ผู้อื่นมีความสุขพ้นทุก เห็นผู้อื่นตกทุกได้ยากก็ต้องช่วยเหลือ เป็นเหมือนความรักในมวลมนุษย์ชาติที่ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะยากดีมีจน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น