หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

เงินตราประชาธิปไตย

เราต่างบอกใครๆ ว่าประเทศของเราปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยหลักใหญ่ก็คืออำนาจเป็นของประชาชน และประชาชนเลือกผู้แทนขึ้นมาใช้อำนาจแทนตน แต่ดูเหมือนว่าประชาชนในสัดส่วนที่มากทีเดียวไม่ได้สนใจเลือกผู้แทนด้วยวิจารณญาณ แต่เลือกตามอามิสสินจ้างที่ได้รับเพราะมีคนอยากเป็นผู้แทนเพื่อหวังผลจะถอนทุนหรือหวังว่าจะได้ผลประโยชน์จากการเป็นผู้แทน จึงทำให้มีการลงทุนเพื่อให้ได้เป็นผู้แทนโดยการซื้อเสียง ในขณะนี้ไม่เฉพาะการเลือกตั้งในระดับประเทศ แม้แต่การเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นก็มีการซื้อเสียงเช่นเดียวกัน แสดงว่าเลียนแบบการเลือกตั้งในระดับชาติมา


เราจะหวังอะไรกับระบอบประชาธิปไตยที่เราปรารถนาถ้าหากคนจำนวนมากไม่ได้พิจารณาในการเลือกผู้แทน อาจพิจาณาแต่เพียงว่าได้รับผลประโยชน์จากการไปเลือกผู้แท่นหรือไม่ คนที่รับผลประโยชน์จากการไปเลือกผู้แทนจึงเหมือนกับผู้ที่ขาดสิทธิ์ขายเสียง เทียบได้กับการเป็นโสเภณีทางการเมืองได้ ส่วนผู้ที่ให้เงินจ้างโดยตรงหรือโดยอ้อมก็ตาม คิดได้อย่างหนึ่งว่าไม่มีความซื่อสัตย์ คนเราเมื่อไม่ซื่อสัตย์เสียอย่างหนึ่งแล้วย่อมจะทำชั่วอื่นได้หมดในอนาคต

การเมืองไทยจึงเป็นการเมืองระบบพวกพ้อง เป็นการเมืองแบบปากว่าตาขยิบ เป็นแบบคิดอย่างทำอย่างหรือพูดอย่างทำอีกอย่าง หรือปากกับใจไม่ตรงกัน ก่อนการเลือกตั้งไปถามผู้ที่สมัครเป็นผู้แทนจะไม่มีใครพูดเลยว่าใช้เงินซื้อเสียง ต่างก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หาเสียงอย่างเดียวไม่เคยซื้อเสียง แต่ผลที่ออกมาบางครั้งก็ไม่น่าเชื่อว่าจะขัดกับความรู้สึกคนที่ไม่น่าจะได้เป็นผู้แทน พูดง่ายๆคือไม่ได้คนที่ต้องการมาเป็นผู้แทน หรือเป็นคนที่ไม่ดีที่หวังเอาประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง ส่วนรวมเป็นรอง ถ้าเราพิจารณาตามหลักคิดที่ว่า คนเป็นอย่างไรผู้แทนเป็นอย่างนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น