ในเรื่องของกรรมหรือการกระทำของมนุษย์ นั้นเกี่ยวข้องกับการกระทำที่เป็นความดีความชั่ว บางครั้งเราพูดกันสั้นๆ ว่าทำอะไรได้อย่างนั้น เมื่อตีความก็หมายถึงว่า ถ้าทำความดีย่อมได้ดี ถ้าทำขั่วก็ย่อมได้ชั่ว แต่ที่คนไม่ค่อยเชื่อในเรื่องของกฏแห่งกรรมเพราะในทางปฏิบัตินั้นเรายังพบ ว่า คนที่ทำชั่วได้ดีมีถมไปนั่นเอง ก็เลยทำให้คนไม่ค่อยแน่ใจว่าจะทำดีได้ดีจริง ความไม่มั่นใจก่อให้เกิดความลังเล จึงขาดความมั่นใจในการทำความดีอย่างจริงใจ ซึ่งมีส่วนขัดขวางความก้าวหน้าทั้งทางธรรมและทางโลก
สำหรับคนที่เชื่อในเรื่องกรรมนั้น อันดับแรกก็ต้องเชื่อและศรัธาในพระสัมมาสัมพูทธเจ้าว่าพระองค์ได้ตรัสรู้ รู้แจ้งเห็นจริงแล้ว แล้วเราก็ต้องศรัธาเชื่อว่ากรรมมีจริง เชื่อว่ากรรมที่บุคคลทำไม่ว่าดีหรือเลวย่อมให้ผลกลับมาเสมอ และเชื่อว่าสัตว์โลกทั้งหลายต่างมีกรรมเป็นของตัวเอง ผลที่ได้รับก็เป็นการกระทำของเราเอง อาจเป็นกรรมในชาติป้ัจจุบันหรือในอดีตชาติ
กรรมทั้งหลายให้ผลไม่เหมือนกัน ให้ผลเห็นได้ในชาติปัจจุบันและหรือให้ผลระยะยาวต่อไป ทุกคนมีโอกาสรับกรรมไม่เหมือนกัน เพราะทำกรรมมาไม่เหมือนกัน ความดีความชั่วที่ทำไว้ก่อนแล้วอาจยังมาไม่ถึง กรรมไหนหนักกว่าก็อาจมาให้เห็นก่อน คนที่มีความเชื่อและศรัธาในกรรม จะเป็นผู้ที่สามารถอดทน ยอมรับความทุกข์ยาก ความผิดหวัง เคราะห์กรรมที่เกิดขึ้นกับตนได้ ไม่ตีโพยตีพายว่าโลกไม่มีความยุติธรรมต่อตน เพราะกรรมบางอย่างให้ผลในชาติหน้าหรือชาติต่อๆไป ไม่มีใครกำหนดได้แต่ต้องได้รับผลกรรมแน่นอน ซึ่งไม่เป็นไปในลักษณะที่เป็น action immediatly ตามกฏข้อ 3 ของนิวตันที่เมื่อไรมีแรงกระทำย่อมมีแรงที่ตรงกันข้ามตอบโต้ในทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น