หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553

ทุกคนช่วยได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

จากการพูดคุยสอบถามความเห็นถึงการที่เราจะช่วยชาติกันอย่างไรได้บ้างในสถานะการณ์ปัจจุบัน บางคนตอบครั้งแรกก็อาจบอกว่าไม่มีปัญญาคนเก่งฉลาดกว่าเป็นไหนๆก็ยังแก้ไม่ได้เลย แล้วเราไกลปืนเที่ยงจะไปช่วยอะไรได้ แต่ก็มีหลายคนบอกว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปทางที่ดียังเป็นไปได้

เมื่อไรก็ตามที่เกิดปัญหาของชาติก็ส่งผลต่อคนทุกคน ทั้งความปลอดภัยในชีวิตทรัพสิน และสภาพจิตที่ถดถอย สภาพเศรษฐกิจที่อาจตกต่ำลง เมื่อไรก็ตามที่รัฐบาลต้องใช้กำลังจำนวนมากมาดูแลรักษาความสงบ นั่นหมายถึงการนำเงินภาษีอากรของทุกคนไม่ว่าจะจ่ายภาษีทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม ถ้าพิจารณาดูว่าใครจะเสียหายมากกว่ากัน ถ้าคนรวย หรือพอมีบ้างก็ไม่เดือดร้อนเท่าใดนัก แต่สำหรับคยยากจนก็อาจส่งผลกระทบทำให้รายได้ไม่พอค่าใช้จ่ายได้นั่นก็คือวงจรแห่งความยากจน

บางคนบอกว่าการช่วยชาติได้ก็ด้วยการกระทำ การกระทำโดยไม่กระทำอะไรให้เลวร้ายไปกว่าเดิม ก็ยังดีกว่าผู้ที่กระทำแล้วทำให้เกิดผลกระทบในทางถดถอยเลวลง คือเป็นผู้ไม่สร้างปัญหาแต่ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น แต่ถ้าใช้ความพยายามคิดต่อไปว่ากระทำอะไรที่จะให้มีประโยชน์ อาจโดยการพูดคุย สั่งสอนคนที่สอนได้ ส่งจดหมาย พูดโทรศัพท์ และเขียนแสดงความคิดเห็นที่ถูกต้อง การเขียน การพูด การสนับสนุนผู้อื่นให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ถือว่าเป็นการกระทำอย่างหนึ่ง

บางคนก็บอกว่าไม่ทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อน ไม่ทำให้ผู้อื่นลำบากใจ นั่นก็คือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เข้าใจผู้อื่นก็ถือว่าเป็นการช่วยชาติแล้ว เมื่อนึกถึงประเด็นนี้ว่าในโลกแห่งความสัมพันธ์นี้ ยากที่การกระทำของคนคนหนึ่งจะไม่กระทบถึงผู้อื่นเลย แม้ว่าคนเราจะเกิดมาต่างสถานที่ ต่างสถานะและโอกาส บางคนอาจจะประกอบอาชีพโดยสุจริตตามกฏหมายร่ำรวยขึ้นมาอย่างมหาศาล และขณะเดียวกันก็มีคนยากคนจนทั้งที่มีอยู่เดิมและเกิดใหม่มาทดแทน คนที่ร่ำรวยขึ้น ส่วนหนึ่งเงินที่ได้มาก็อาจมาจากคนจนไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ทางตรงคือการซื้อสิ้นค้าหรือบริการจากกิจการของคนรวย ทางอ้อมก็คือเมื่อธุรกิจของคนรวยก้าวหน้าสร้างความมั่งคั่งนั้น มีคนจำนวนหนึ่งอาจต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการดังกล่าว และคนกลุ่มนี้เป็นคนเดียวกับที่จ้างหรือให้ค่าตอบแทนคนจนกว่าอีกทอดหนึ่ง ถ้าพวกเขาต้องไปจ่ายค่าสิ้นค้าบริการคนรวยแพงมาก บางครั้งก็อาจทำให้เกิดการกดขี่ขูดรีดคนจนต่ออีกช่วงหนึ่งก็ได้ ดังนั้นคนที่ร่ำรวยจำนวนมาก ที่อาจตระหนักในเรื่องนี้จึงต้องคืนกำไรให้สังคมจำนวนมากเช่นเดียวกัน เพราะไหนๆ ทรัพสมบัติเป็นของนอกกายเอากลับไปไม่ได้สู้ทำประโยชน์ให้เกิดกับสังคมไม่ดีกว่าหรือ

บางคนพยายามบอกว่าต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน แรงมาก็แรงไป บางคนบอกว่าไม่ใช้กำลังในการตัดสินปัญหา ไม่ใช้ความรุนแรง ก็ขอแช่งชักหักหระดูกผู้ที่ทำในสิ่งเลวร้าย ใครก็ตามที่มีเจตนาไม่ดี กระทำยำยีให้ผู้อื่นเดือดร้อน เห็นแก่ตัวเป็นหลัก ก็ขอให้ทำอะไรต่อไปก็อย่าได้ประสบผลสำเร็จให้ขัดข้องหมองใจตลอดไป ให้เป็นโรคร้ายไม่สบายตัว ไม่สบายใจกายตัวตลาดไป ทำอะไรก็ให้ติดขัดขัดข้อง ช่วยกันส่งพลังจิตให้เขาได้สำนึกทำในสิ่งที่ดีก็ได้

ที่กล่าวมานั้นถือเป็นการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ให้สังคมเราดีขึน และเชื่อว่าสังคมใดก็ตามหากมีคนเลวมากกว่าคนดีสังคมนั้นก็จะอยู่ไม่ได้ หรือถ้าคนดีไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นเลยจะเรียกว่าคนดีต่อไปได้อย่างไร และคนชั่วคนเลวยังคงทำขั่วหนักข้อต่อไปอีกโดยคนดีไม่มาปรามแล้่วสังคมนั้่นก็หาความสงบสุขไม่ได้เช่นกัน กฏแห่งกรรมมีจริง แต่เราไม่รู้ว่าบางครั้งกรรมที่มาตอบสนองใครทำไว้ตั้งแต่เมื่อไรที่มาเกี่ยวข้องกับเราก็ไม่อาจทราบได้ แต่เราทำให้บรรเทาได้ ไม่ใช่ปล่อยตามยถากรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น