ตั้งแต่ไอน์สไตย์คิดค้นทฤษฎีสัมพันธภาพขึ้นมา ทำให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ ไม่มีใครหรืออะไรที่หยุดนิ่งเลยในจักรวาลนี้ เราเองก็เคลื่อนที่ไปพร้อมกับโลกด้วยความเร็วสูงมาก รถไฟที่ว่าเร็วที่สุดในโลกยังไม่เร็วเท่ากับที่เราเคลื่อนที่ไปพร้อมกับโลก และอะไรที่เคลื่อนที่ไปพร้อมๆ กันความเร็วเท่ากันก็จะรู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีการเคลื่อนที่หรือหยุดนิ่ง เรานั่งอยู่บนโลกเราบอกว่าเรานั่งอยู่เฉยๆ โลกก็อยู่เฉยๆ ของมันไม่มีการเคลื่อนที่ก็เพราะเราและโลกต่างก็เคลื่อนที่ไปด้วยกัน
อากาศ เมฆหมอก ที่อยู่รอบๆ โลก ก็ยังเคลื่อนที่ไปพร้อมกับโลก แต่เมฆที่เห็นบางครั้งก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเมื่อเทียบกับตัวเราหรือพื้นผิวโลก เปรียบเทียบคล้ายๆ กับแมลงและผีเสื้อบินอยู่ และยิ่งเห็นเด่นชัด เหมือนกับขณะที่เรานั่งอยู่บนรถไฟหรือรถยนต์ แล้วมียุงหรือแมลงบินอยู่ ในกรณีของดาวเทียบที่เราส่งขึ้นไปถ้าหากปรับให้ความเร็วเท่ากับการหมุนของโลกดาวเทียบดวงนั้นก็จะนิ่งอยู่ที่ตำแหน่งเดิมตลอดเวลา
ที่กล่าวมาแล้วเป็นสัมพันธภาพของวัตถุที่เป็นรูปธรรม สำหรับสิ่งที่เป็นนามธรรมบางครั้งก็เป็นสัมพันธภาพ เช่นความรวย ความจน ถ้าคนในหมู่บ้านหนึ่งไม่เคยรู้เลยว่าที่อื่นเขาเป็นอย่างไร ทุกบ้านในหมู่บ้านก็ดูเหมือนว่ามีอะไรเหมือนๆ กัน ทำนาปลูกผัก หาปลาตามแหล่งน้ำ ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก แต่ถ้ามาวันหนึ่งเกิดมีบ้านหนึ่ง มีไก่หมูมากินทุกวัน ขณะที่บ้านอื่นไม่มี ก็ทำให้เห็นถึงความแตกต่าง ความรวยความจนก็เกิดขึ้นทันที ดังนั้นความรวยความจนก็เป็นสัมพันธภาพที่สามารถเปรียบเทียบถึงความแตกต่างได้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
หากคนเราจะมีอะไรที่แตกต่างเป็นเรื่องปกติธรรมดา หากไม่แตกต่างกันมากเกินไป จะไม่แตกต่างกันเลยก็ถือเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะแต่ละคนเกิดมาไม่เหมือนกันจะด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่ แม้ว่าจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกันก็ยังมีส่วนที่แตกต่าง ดังนั้นการเปรียบเทียบในเชิงนามธรรมนั้นไม่อาจเปรียบเทียบกันได้อย่างตรงไปตรงมาแบบวัตถุ เพราะคนเรามีอารมณ์ความรู้สึกที่ยังมีกิเลส ก็มักจะก่อให้เกิดปัญหาไม่พอใจกันได้ง่าย วิธีแก้ที่ดีที่สุดก็คืออย่าไปเปรียบเทียบกับใคร แข่งกับใคร แต่แข่งกับตัวเองตามความพอดีของตัวเอง แล้วจะค้นพบจุดที่เหมาะสมเอง แม้ไม่ได้ร่ำรวยก็อาจอยู่ได้อย่างมีความสุขมากกว่าคนที่รวยกว่า
โลกยุคปัจจุบันเรามักจะพูดว่าเป็นยุคแห่งการแข่งขันกัน แต่ถ้ามองให้ลึกๆ เป็นลักษณะมือใครยาวสาวได้สาวเอา ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งนำมาซึ่งความรุนแรง เพราะยากมากที่จะแข่งขันกันทุกเรื่องด้วยความเป็นธรรม ต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรู้สึกไม่เป็นธรรม และรู้สึกว่ามีการเชือดเฉือนฟาดฟันกันเสียมากกว่า โลกก็เป็นเช่นนี้ไม่มีฝ่ายใดเสีย หรือได้ตลอดเวลา โลกจะก้าวหน้าสงบสุขมากกว่านี้ ถ้าปรับการได้เสียให้สมดุลย์ และถึอเอาการแข่งขันเป็นการแข่งดีที่ไม่มีผลประโยชน์มาแอบแฝง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น