หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การบรรลุเป็นพระอรหันต์

จิตที่สงบระงับ สุขเย็นเป็นปกติ จิตที่ปล่อยวางทุกข์ วางตัวตนแบบไม่ยึดมั่นถือมั่น เป็นการแยกกายออกจากจิตได้จริง จิตไม่เศร้าหมองผูกพันธ์สิ่งใด จิตไม่เดือดร้อนกระวนกระวายเรื่องใดๆ เมื่อสิ่งใดมากระทบสัมผัสก็รู้ แล้ววางได้ทันที เป็นจิตรที่อยุ่ในทิษฐิธรรมสุขวิหาร เป็นการถึงซึ่งสัญญาเวทยิตนิโรธ ที่ประกอบด้วย ปัญญาวิมุติ กับ เจโตวิมุติอันหลุดพ้นจากสิ่งนั้นๆได้เด็ดขาด ที่ทำงานร่วมกันเป็น สมุจเฉทวิมุติที่แท้จริง เรียกว่า อุปโตภาควิมุติที่พร้อมอยู่ด้วยสมาธิทั้ง 7 คือเป็นอธิจิตที่ประกอบด้วยความฉลาดรอบรู้ ดังนี้

1. สมาธิกุสโล เป็นผู้ฉลาดรู้รอบ รู้ทัน ละเอียดรอบถ้วนถึงจิตในจิตนั้น

2. สมาธิสสมาบัติ รู้รอบในการทำจิตให้เข้าสู่สภาพนั้นๆให้เป็น ให้อยู่ในสภาพนั้นได้เสมอ

3. สมาธิสสฐิติ รู้รอบในการทำจิตให้รับสภาพนั้นให้ตั้งอยู่ ทรงอยู่ แน่วแน่มั่นคงอยู่ได้จริง

4. สมาธิสสวุฏฐาน รู้รอบในการทำจิตให้พ้นจากสภาพนั้นๆ หลุดพ้นเลิกจากสภาพนั้นๆ ได้จริง

5. สมาธิกัลลิต รู้รอบ รู้สึก รู้ละเอียดพร้อม รู้มูล รู้เค้า รู้เรื่อง ของสภาพอย่างนั้นๆ และทำได้ด้วยอย่างเป็นชิ้นเป็นอันแน่ๆ

6. สมาธิสโคจร รู้รอบรู้ละเอียดในอารมณ์ ในความเป็นไปที่ต่อเนื่องมีบทบาทอยู่ตลอดของจิตในอารมณ์ต่างๆ

7. สมาธิอภินิหาร รู้รอบในการทำจิตได้เก่งเชี่ยวชาญ หรือมีกำลังจิตแข็งกล้า สามารถมีฤทธิ์ มีแรง รู้เห็นได้เด่นชัด มากๆ จนเรียกว่าเป็นอภินิหาร ผู้ประกอบด้วยสมาธิอันเป็นอธิจิตทั้ง 7 ย่อมยังจิตให้เป็นไปตามอำนาจได้ หรือการเกิด และไม่เป็นไปตามอำนาจของกิเลส คือกิเลสดับ คือเป็นผู้รู้เกิด รู้ดำ และทำเกิด ทำดับได้แท้จริง ผู้นั้นก็เป็นผู้บรรลุ เป็นพระอรหันต์อย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น